เนี่ยเซิ่งมองอู๋จื่อซิวอย่างประหลาดใจเหลือประมาณ
อู๋จื่อซิวถอนใจคำนึง “อนุมานตำรับโอสถง่ายๆ ตำรับหนึ่ง เขาใช้วิธีการที่ไม่เหมือนกันหลายวิธี มีบางอย่างที่ข้ารู้ มีบางอย่างที่ข้านึกไม่ออก”
“ตอนแรกที่เขาอนุมานตำรับโอสถทัศน์จิตนี้ เกรงว่าจะไม่ได้ลำบากอะไร แต่หลังจากนั้นน่าจะมองแผนการของพวกเราออก จึงจงใจรับมือเช่นนี้”
“รู้ทฤษฎีของตำรับโอสถมากมายถึงเพียงนี้ กลับทำให้ข้ามองวิธีการจริงๆ ของเขาไม่ออก ระดับด้านวิชาหลอมโอสถของเขาจะต้องเหนือกว่าข้าแน่”
ผู้อาวุโสอู๋ส่ายหน้า “เขากำลังแสดงความไม่พอใจอยู่”
เนี่ยเซิ่งมองอู๋จื่อซิวอย่างตกตะลึง เนิ่นนานให้หลังถึงค่อยกล่าวว่า “เขาตั้งใจจะซ่อนเร้นประวัติความเป็นมาของตัวเอง บางทีอาจจะอธิบายให้เห็นว่ามีเป้าหมายที่ไม่อาจบอกใครได้”
อู๋จื่อซิวกล่าว “มีใครที่ไม่มีความลับเป็นของตัวเองบ้าง? เพียงเสียดายที่ครั้งนี้อีกฝ่ายมีความสามารถเหนือกว่า”
ผู้อ่อนอาวุโสกว่าเงียบงันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยปากถามว่า “ส่งคนออกจากทะเลหวงเจีย ไปพบองค์ประมุขตงหนานเถอะ แจ้งข่าวล่วงหน้าวันหน้าจะมีปัญหาจริงๆ อย่างน้อยก็ยังแก้ปัญหาได้บ้าง”
“ถ้าหากพวกเขามีความเกี่ยวข้องกับองค์ประมุขตงหนาน การกระทำนี้ก็ถือเป็นการล่วงเกินแล้ว” อู๋จื่อซิวเอ่ย
เนี่ยเซิ่งเอ่ยเตือน “พิธีจะเริ่มแล้ว”
ชายชราหัวเราะเสียงขื่น “ข้ารู้ดี”
“หวังเหวินหมินส่งตัวปัญหากลับมาให้จริงๆ ยามปกติอาจถือเป็นเรื่องประเสริฐ แต่ว่าในช่วงสำคัญเช่นนี้ ทำให้ผู้คนปวดศีรษะจริงๆ” เนี่ยเซิ่งส่ายหน้า
อู๋จื่อซิวเอ่ยว่า “เขาเองก็ไม่รู้ว่าหอสักการะหลักและหอกสักการะย่อยแต่ละแห่งกำลังเตรียมพิธีกรรมอาทิตย์ดำจันทร์ยะเยือก ไม่รู้ถึงสถานการณ์ของพวกเรา ตามเหตุผลแล้ว การวางตัวของเขาก็เหมาะสมยิ่ง ไม่มีอันใดไม่ดี”
เนี่ยเซิ่งพูด “ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิดจริงๆ เพียงแต่ตอนนี้พวกเราไม่อาจนิ่งดูดายได้อีกแล้ว”
ผู้อาวุโสอู๋พยักหน้าอย่างเชื้องช้า “พิธีสำคัญที่สุด ส่งพวกเขาออกไปก่อน รอพิธีเสร็จแล้วค่อยส่งพวกเขาไปหอสักการะหลัก ให้เจ้าสำนักตัดสิน”
“อย่าเสียมารยาท ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ระดับวิชาโอสถที่ลึกล้ำถึงเพียงนี้ก็ควรค่าให้สำนักเราคบหาแล้ว”
เนี่ยเซิ่งได้ยินก็เอ่ยว่า “นี่ย่อมแน่นอน”
ในห้องสงบใจเหลือเพียงอู๋จื่อซิวเพียงคนเดียว เขาถอนใจยาว ‘อ่อนเยาว์ยิ่งนัก อายุน้อยถึงเพียงนี้แต่มีระดับพลังฝึกปรือขนาดนี้ แค่ระดับของวิถีโอสถก็สูงล้ำถึงเพียงนี้แล้ว เขาเอาเวลาและกำลังมาจากไหนกัน?’
อู๋จื่อซิวหัวเราะเสียงขื่นคำหนึ่ง หลายปีมานี้ เพิ่งรู้สึกว่าตัวเองชราเป็นครั้งแรก
เยี่ยนจ้าวเกอพาอาหู่กลับที่พัก อาหู่ถามอย่างฉงนใจ “คุณชาย ต่อจากนี้เราจะทำอย่างไร”
“ถ้าหากข้าคาดไม่ผิด หอสักการะย่อยของสำนักความมืดแห่งนี้ เหมือนกับกำลังวางแผนการใหญ่อยู่” เยี่ยนจ้าวเกอพูดเหมือนมีความคิดอะไรบางอย่าง “น่าจะเป็นพิธีกรรมอะไรสักอย่าง แต่ว่าเป็นเรื่องอะไรกันแน่ ตอนนี้เบาะแสน้อยเกินไป ข้าตัดสินไม่ได้”
ชายหนุ่มนั่งลง “ในสถานการณ์เช่นนี้ ปล่อยให้พวกเราที่เป็นคนนอกอยู่ที่นี่ ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไรนัก”
“ถ้าหากเจตนาดีต่อเรา อีกไม่นานจะมีการเคลื่อนไหวเอง แต่หากไม่มีเจตนาร้าย ข้าคาดไว้ว่าพวกเขาน่าจะหาวิธีส่งพวกเราจากสาขานี้ไปยังสถานที่อื่น”
อาหู่เกาศีรษะของตัวเอง “จะส่งพวกเราไปที่หอสักการะหลักสำนักความมืดหรือไม่ขอรับ”
เยี่ยนจ้าวเกอยักไหล่ “อาจจะส่ง แต่ก็อาจจะไม่ส่ง ตอนนี้ยังบอกไม่ได้”
ตอนอยู่ในโถงโอสถเมื่อครู่ เยี่ยนจ้าวเกอยังไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ แต่รอจนเฉินเค่อได้ตำรับโอสถทัศน์จิตไปแล้วแต่ยังไม่ยอมเลิกรา ยังหยั่งเชิงวิธีการอนุมานและฟื้นฟูตำรับโอสถของตัวเอง ชายหนุ่มจึงรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
อีกฝ่ายดูเหมือนไม่ได้สอบถามว่าตนมีตำรับโอสถฉบับดั้งเดิมของโอสถทัศน์จิตตั้งแต่แรกเพียงอย่างเดียว ดูเหมือนจะวางแผนตรวจสอบความคิดด้านวิชาโอสถของตนอีกด้วย
เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการพิสูจน์อะไรกันแน่ ดังนั้นจึงระมัดระวังตัว พูดจาคลุมเครือ ปฏิเสธคนของสำนักความมืดอย่างละมุนละม่อม ทำให้พวกเขาไม่ได้อะไรกลับไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี