‘เป็นค่ายกลที่แข็งแกร่งมาก ความสามารถด้านค่ายกลของคนที่วางค่ายกลค่อนข้างไม่ธรรมดาเสียด้วย’
เมื่อเยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาลที่ส่งมาจากพลังของค่ายกลเอกภพย้อนทวนที่อยู่รอบๆ ก็เข้าใจ
ตนในตอนนี้เผชิญกับคู่ต่อสู้ที่มีความสามารถด้านค่ายกลสูงล้ำคนหนึ่ง
สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ อีกฝ่ายไม่เพียงแต่มีความสามารถด้านค่ายกลสูงส่งเท่านั้น ยังมีพลังฝึกปรือยอดเยี่ยมมากด้วย อย่างต่ำที่สุดน่าจะเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในขั้นเทวะสำแดงระยะต้น เป็นไปได้ว่าจะอยู่ในขั้นเทวะสำแดงระยะกลาง
ระดับกดดันผู้คน กอปรกับความแบยบยลในความสามารถด้านค่ายกล เมื่อสองสิ่งรวมกัน จึงน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
ไม่มอบโอกาสให้เขาวางค่ายกลยังพอทำเนา ตอนนี้ค่ายกลวางอย่างมั่นคง อีกทั้งยังทำงานขึ้นมาแล้ว เกาะชินเหอในตอนนี้เท่ากับเป็นอาณาเขตของเขา
ในสถานที่แห่งนี้ ฉีเหว่ยคนเดียวสามารถต่อสู้กับยอดฝีมือในระดับเดียวกันได้อย่างไร้ปัญหา
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ของวิเศษเช่นเครื่องหอมบรรจุฟ้าและดินกำเนิดจักรภพถูกทำลายไปด้วย ที่เขาทำกับพวกเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้ความจริงคือออมแรงไว้แล้ว
ฉีเหว่ยย่อมไม่เปลืองแรงกับเยี่ยนจ้าวเกอเพียงเท่านี้
คังฮูหยินเคลื่อนไหวในค่ายกล ลงมือสังหารเยี่ยนจ้าวเกอ
เมื่อเห็นประกายกระบี่ที่เหมือนกระแสน้ำนั้น เยี่ยนจ้าวเกอก็รู้สึกได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งที่แฝงอยู่ด้านใน
นี่น่าจะเป็นยอดฝีมือในเก้ากระบี่ผู้วิเศษที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้า ขั้นเทวะสำแดงระยะกลาง ซึ่งตามหาตนตอนอยู่ในน่านน้ำใกล้ๆ เกาะเฉียนหลิง
ประกายกระบี่ไปถึงที่ใด กระแสเวลาคล้ายกับกำลังจะหยุดนิ่ง
แม้จะเป็นการเคลื่อนไหวของเยี่ยนจ้าวเกอก็ยังเชื่องช้าลง
กระบี่สังหารเซียนเด็ดเดี๋ยว แต่ทั้งสองฝ่ายมีความแตกต่างในด้านระดับมากเกินไป
เยี่ยนจ้าวเกอไม่ออกกระบี่ก็พอจะคาดผลลัพธ์การต่อสู้ได้ บางทีกระบี่สังหารเซียนอาจจะทำลายประกายกระบี่ที่เหมือนกับกระแสเวลานั้นได้ชั่วขณะ แต่จะเกิดประกายกระบี่อย่างต่อเนื่องไม่ขาดตอน สุดท้ายจะกลบตนเหมือนกับน้ำ
น้ำสามารถดับไฟ แต่ในตอนที่สภาวะของไฟรุนแรงเกินไป สุดท้ายไฟก็จะเผาน้ำจนแห้งเหือด
ยิ่งไปกว่านั้น คังฮูหยินในมือยังมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นกลางอย่างเกราะฟ้าดิน ซึ่งแตกต่างกับพวกเติ้งเซินและเฉิงซงที่มีแค่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นต่ำ
พลังที่ประสานกับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นกลางของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดง อยู่เหนือกว่าจินตนาการของคนทั่วไป
แต่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอไม่รีบร้อน สีหน้าสงบนิ่ง
เขายกมือขึ้นกำเป็นหมัด ต่อยใส่ประกายกระบี่ที่เหมือนกับกระแสเวลานั้น
แสงอาทิตย์นับไม่ถ้วนรวมกันบนกำปั้นของเยี่ยนจ้าวเกอ เหมือนแสงสว่างนี้ ความร้อนแรงนี้ เป็นความจริงเพียงหนึ่งเดียว และเป็นจุดรวมศูนย์เพียงจุดเดียวในโลก
ตราประทับสีทองที่เจิดจรัสและแข็งกร้าวลุกไหม้อย่างรุนแรง ปล่อยแสงสีทองนับหมื่นสายออกมาในค่ายกลเอกภพย้อนทวน
เหมือนกับพระอาทิตย์ตกลงมาในค่ายกล พริบตานั้นลวดลายค่ายกลต่างสั่นไหวเล็กน้อย
‘เลื่อนจากบรรลุธรรมเป็นศักดิ์สิทธิ์ ข้าไม่ได้กระตุ้นตราประทับตะวันได้แค่ครั้งเดียวอีกแล้ว แต่ก็ทำบ่อยครั้งไม่ได้ สักสี่ห้าครั้งน่าจะไม่มีปัญหา’
เยี่ยนจ้าวเกอมุมปากยกโค้งขึ้นเล็กน้อย ตราประทับตะวันปะทะกับคังฮูหยิน ซึ่งเป็นทิศทางของจิตหมัด
ที่ที่แสงอาทิตย์ไปถึง ประกายกระบี่ที่เหมือนกระแสน้ำพลันสั่นไหวเหมือนกับเดือดพล่าน
ทุกสิ่งในอากาศได้พลังชีวิตกลับคืนมา ไม่ได้ชะงักหยุดนิ่งอีก เวลาเริ่มเคลื่อนไหวเหมือนเดิม
คังฮูหยินใบหน้าตื่นตระหนก ฉีเหว่ยเห็นดังนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเช่นกัน ‘นี่คือ…อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง?! เด็กน้อยผู้นี้มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงด้วย?’
แต่หลังจากตื่นตะลึงแล้ว สายตายของคนทั้งสองก็ลุกวาวพร้อมกัน
ความแข็งแกร่งของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง อย่าว่าแต่ยอดฝีมืออย่างพวกเขาเลย แม้แต่เสวียนอ๋อง ผู้วิเศษเซิง และนักพรตสือในอดีตก็ยังต้องการ
ถึงแม้จะตกใจที่เยี่ยนจ้าวเกอใช้พลังระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหนึ่งกระตุ้นพลังของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงได้ แต่พวกเขาเชื่อมั่นว่านี่ไม่มีทางคงสภาพได้นาน
ขณะที่แย่งชิงเครื่องหอมบรรจุฟ้าซึ่งเป็นของวิเศษ คังฮูหยินกับฉีเหว่ยมีความตั้งใจจะสังหารเยี่ยนจ้าวเกอมากกว่าเดิม
ฉีเหว่ยเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างเหนือความคาดหมาย ก็เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพลังของค่ายกลเอกภพย้อนทวนทันที
แต่ว่าในขณะที่เยี่ยนจ้วเกอใช้ตราประทับตะวัน ก็ทำอย่างอื่นไปด้วย
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกไม่ได้หยุดนิ่งอยู่นาน ถอยกลับเข้าไปในวังฝูงมังกร จากนั้นในมือก็ปรากฏถุงย่อส่วนถุงหนึ่ง
กลิ่นหอมที่ซ่อนไม่ได้ของเครื่องหอมบรรจุฟ้าพลันโชยออกมา
ฉีเหว่ยใช้นิ้ววาดใส่อากาศ ลวดลายค่ายกลอันเป็นเงาแสงหลายสายจับตัวกันกลางอากาศ ค่ายกลอีกอันกำลังปรากฏเป็นรูปเป็นร่าง
ของวิเศษหลายอย่างลอยออกมาจากในถุงย่อส่วนของเขา เป็นของที่เอาไว้ใช้วางค่ายกลของค่ายกลที่สอง
คังฮูหยินสีหน้าไม่ได้ดูดีเช่นกัน
ตราประทับตะวันในตอนนี้แม้จะใช้ได้แค่อานุภาพของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นกลาง แต่พลังรุนแรงถึงขีดสุด ในสถานการณ์ที่แข็งเจอแข็ง ทำให้นางไม่อาจทำลายได้ชั่วขณะ
นางกระตุ้นเกราะฟ้าดิน ฝืนรับการโจมตีของตราประทับตะวัน ประกายกระบี่ที่เหมือนกระแสน้ำในที่สุดก็หลบพ้นการขัดขวางจากตราประทับตะวัน พุ่งลงไปใส่เยี่ยนจ้าวเกอต่อ
ในขณะที่การโจมตีของสายฟ้าชั่วพริบตาสั่นไหวค่ายกลเอกภพย้อนทวน ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกก็แทงหอกออกอีกครั้ง
ครั้งนี้มิติถูกฉีกกระชากโดยสมบูรณ์ ในค่ายกลถูกแหวกเปิดเป็นรอยแตกของมิติขนาดมหึมารอยหนึ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะ เก็บตราประทับตะวัน พุ่งเข้าไปในวังฝูงมังกรพร้อมกับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก จากนั้นก็ทะลวงเข้าไปในรอยแตกของมิติรอยนั้น
ประกายกระบี่ของคังฮูหยินเหมือนกับธารน้ำยิ่งใหญ่ ไล่ตามเข้าไปในรอยแตกของมิติ
ภายใต้ประกายกระบี่ที่วูบไหวของนาง กระแสปั่นป่วนของมิติอันคลุ้มคลั่งครั้งนี้สงบลงกว่าเดิม
ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอยกมือขึ้น ถุงย่อส่วนที่บรรจุของวิเศษต่างๆ เช่นเครื่องหอมบรรจุฟ้า พลันถูกกระแสปั่นป่วนของมิติม้วนใส่ กำลังจะหายไป ไม่รู้ลอยไปอยู่ในมิติเวลาไหน
ตัวเยี่ยนจ้าวเกอผ่อนคลาย เข้าไปในกระแสปั่นป่วนของมิติอีกสายหนึ่ง
คังฮูหยินลังเลเล็กน้อย เงยหน้าส่งเสียงร้อยเจื้อยแจ้ว ไล่ตามถุงย่อส่วนไป
ค่ายกลค่ายที่สองของฉีเหว่ยครอบลงมา ประสานกับค่ายกลเอกภพย้อนทวน ป้องกันจอมยุทธ์หอกระบี่ทะเลเหนือไว้ด้านนอกเกาะชินเหอ ครั้งนี้กลับได้แต่มองเยี่ยนจ้าวเกอหายไปในรอยแตกของมิติตาปริบๆ
โดยเฉพาะสิ่งที่ทำให้เขาคับข้องใจก็คือ เยี่ยนจ้าวเกอยังมีเวลาโบกมือลาเขากับคังฮูหยิน
‘ไม่ว่าอย่างไร ค่ายกลบูชาฟ้าก็ยังทำงานต่อไปได้ นี่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด’ ฉีเหว่ยในตอนนี้ได้แต่ปลอบใจตัวเองเช่นนี้
แต่ว่าในตอนนั้นเอง คังฮูหยินที่สงบนิ่งใจเย็นและมีบุคลิกล้ำเลิศมาโดยตลอด กลับส่งเสียงร้องด้วยความตกใจและโมโหออกมาจากในรอยแตกของมิติ!
“ผลึกปอดแดนทะเลหายไปแล้ว!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี