ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี นิยาย บท 685

เพิ่งจะพุ่งออกจากด้านในพายุแม่เหล็กไร้สิ้นสุดที่น่ากลัวไม่ทันไร บนผิวเรือยักษ์มีแสงอัสดงหมุนวนรอบๆ ยังมีแสงสายฟ้าแม่เหล็กอันน่าพรั่นพรึงสั่นไหวอย่างต่อเนื่อง

การผ่าพายุและสายฟ้าที่น่าสะพรึงอย่างเหี้ยมหาญ ยิ่งทำให้เรือยักษ์ลำนี้เต็มไปด้วยสภาวะไร้ความเกรงกลัวและไร้สิ่งใดกีดขวาง สั่นสะท้านขวัญวิญญาณ

เมื่อครู่แม้จะถูกกระแทกอยู่ในพายุอย่างรุนแรง แต่ตอนนี้มองไป บนผิวเรือแม้แต่รอยสักรอยยังไม่มี

กลิ่นอายพลังที่แข็งแกร่งปรากฏออกมา มองเห็นได้อย่างชัดเจน

เยี่ยนจ้าวเกอเงยหน้ามองเรือยักษ์ขนาดมหึมาเบื้องหน้า พูดกับเฟิงอวิ๋นเซิงและอาหู่ว่า “พวกเจ้ารอข้าอยู่ที่ที่”

เฟิงอวิ๋นเซิงกับอาหู่พยักหน้า ก่อนที่เยี่ยนจ้าวเกอออกจากวังฝูงมังกร เหาะร่างขึ้นไปบนเรือนภาร่อนวายุทันที

ตนมาถึงกลางอากาศ เห็นบนเรือยักษ์ลำนั้นมีแสงสว่างสายหนึ่งพุ่งลงมารวมตัวกันบนที่ว่าง ประกอบกันเป็นสิ่งที่เหมือนกับบันได

เฟิงอวิ๋นเซิงกับอาหู่เห็นดังนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย

นี่แสดงให้เห็นว่าพวกเจิ้งหมิงที่อยู่บนเรือนภาร่อนวายุมีท่าทีเป็นมิตร

เยี่ยนจ้าวเกอพุ่งไปยืนนิ่งบนบันได จากนั้นแสงสว่างก็หดกลับ พาชายหนุ่มขึ้นไปบนเรือยักษ์ลำนั้น

ทุกคนที่อยู่บนเรือรวมถึงไป๋จื่อหมิง ต่างกำลังพิจารณาเยี่ยนจ้าวเกอ เหมือนอยากจะมองเขาให้ทะลุ

ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อย “ข้าแซ่เยี่ยน เยี่ยนจ้าวเกอ ขอคารวะทุกท่าน”

ถึงแม้ว่าจะมีจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดงสามคนอยู่เบื้องหน้า ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอยังมีสีหน้าเป็นปกติ

สายตาพิจารณาเรือนภาร่อนวายุขึ้นลง ชมเชยอย่างคร่าวๆ ไม่ได้ชมเชยเพราะความตกตะลึงแต่อย่างใด

พวกเจิ้งหมิง เฉินจื้อเหลียง และไป๋จื่อหมิงเห็นดังนั้น จิตใจอดสั่นไหวไม่ได้ ‘คนหนุ่มผู้นี้บุคลิกไม่ธรรมดา มีความรู้ล้ำลึก’

ความรู้สึกของไป๋จื่อหมิงรุนแรงเป็นพิเศษ ในตอนที่เขาเห็นเรือนภาร่อนวายุเป็นครั้งแรก ยังรู้สึกสั่นสะท้าน

เพราะเหตุนี้ ความภาคภูมิใจและความกระตือรือร้นที่ได้ลอยขึ้นมายังโลกซ้อนโลก จึงหายไปมากกว่าครึ่งในทันใด

เจิ้งหมิงกับเฉินจื้อเหลียงสบตากัน แม้จะเห็นคนที่อาศัยและเติบโตบนโลกซ้อนโลก คนที่ได้เห็นเรือนภาร่อนวายุด้วยตาตัวเองก็มีน้อยยิ่งกว่าน้อย

คนส่วนใหญ่ หากระดับไม่ถึง ปกติไม่มีทางได้สัมผัสเรือนภาร่อนวายุ อย่างมากที่สุดก็ได้เห็นจากภาพเงาแสงเท่านั้น

การได้เห็นเรือนภาร่อนวายุของจริงด้วยตาตัวเอง การได้สัมผัสกับสภาวะเทียมฟ้าและความรู้สึกกดดันใกล้ๆ ความสั่นสะท้านที่ผู้คนรู้สึกถึง ภาพเหมือนเงาแสงไม่อาจเทียบเคียงได้

สายตาของพวกเจิ้งหมิงจริงจังขึ้นมมา สำรวจเยี่ยนจ้าวเกออย่างละเอียด ‘จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหนึ่ง ขั้นรวมรูประยะต้น อายุน้อยยิ่ง…เดี๋ยวก่อน!’

พวกเขาตะลึงอีกรอบ

มองอย่างไร อายุจริงกับอายุภายนอกก็ไม่เห็นจะต่างกันเลย

อย่างมากก็อายุไม่น่าเกินสามสิบปี แต่ว่า…จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ที่อายุไม่ถึงสามสิบปีหรือ?!

ในหมู่พวกเขา เจิ้งหมิงมีพลังฝึกปรือสูงที่สุด มีประสบการณ์มากที่สุด สิ่งที่มองออกมีมากที่สุด

แต่เป็นเพราะเหตุนี้ เขาจึงตาค้าง ขณะที่มองเยี่ยนจ้าวเกอถึงขั้นที่เหม่อลอยไปพริบตาหนึ่ง

เฉินจื้อเหลียงกับไป๋จื่อหมิงสองคนเดิมที่เพียงแค่สงสัย แต่เมื่อได้เห็นท่าทางของเจิ้งหมิง หัวใจของพวกเขาก็เต้นระรัว

“ศิษย์พี่เจิ้ง อายุของเขา…” เฉินจื้อเหลียงมองศิษย์พี่ของตนอย่างเหลือเชื่อ ส่งกระแสเสียงถาม

เจิ้งหมิงได้สติ ส่ายหน้าเล็กน้อย “ไม่น่าจะเกินสามสิบปี!”

สำหรับเยี่ยนจ้าวเกอ อายุแท้จริงของนางน่าจะมากกว่าอายุภายนอก แต่ไม่น่าจะต่างกันเกินไป

พลังฝึกปรืออยู่ในระดับมหาปรมาจารย์ขั้นเก้า ขั้นรูปญาณระยะท้ายแล้ว หากยึดตามอายุ คงทำให้จอมยุทธ์ส่วนใหญ่ต้องอับอายเหงื่อตก

ในโลกอื่นนอกจากโลกซ้อนโลกที่เยี่ยนจ้าวเกอเคยไป นอกจากคนจำนวนน้อยนิด แค่ความเร็วในการฝึกฝนของสตรีนางนี้สามารถบดขยี้ทุกคนที่อยู่ในโลกแปดพิภพ หรือโลกผืนสมุทรได้แล้ว

เหวินลั่วเสียจ้องมองเยี่ยนจ้าวเกอมาโดยตลอด สีหน้าปรากฏแววฉงน

นางคารวะและขอบคุณเยี่ยนจ้าวเกอ “เมื่อครู่โชคดีที่ท่านช่วยเหลือ ข้าถึงรอดมาได้ ขอขอบพระคุณ”

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มขึ้น “เกรงใจแล้ว ท่องโลกอยู่ด้านนอก มักเกิดอันตรายที่คาดไม่ถึง ทุกคนล้วนเป็นเหมือนกัน”

เหวินลั่วเสียพยักหน้า จากนั้นหางตาก็ชำเลืองมองผู้เป็นอาจารย์ คิดไต่ถาม

ไม่รอนางเอ่ยปาก เฉินจื้อเหลียงก็ส่งกระแสเสียง “อายุจริงแทบจะเหมือนกับอายุภายนอก ห่างกันไม่กี่ปี อย่างมากสุดอายุก็ไม่เกินสามสิบปี”

ดวงตาทั้งสองข้างของเหวินลั่วเสียฉายแววตื่นตระหนกอย่างไม่อาจควบคุม มองเยี่ยนจ้าวเกออีกครั้ง สายตาเปลี่ยนเป็นระวังตัวกว่าเดิมอย่างอดไม่ได้

ลูกศิษย์แห่งตงหนานมีจำนวนไม่กี่คนเท่านั้น

สิ่งที่สอดคล้องกับจำนวนก็คือ ผู้สืบทอดแต่ละครมีพรสวรรค์ล้ำเลิศ เหนือกว่าคนทั่วไป

เหวินลั่วเสียเคยเห็นอัจฉริยะมากความสามารถมามากมาย ตัวนางเองก็เป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะเช่นกัน ปกติจึงเห็นเหล่าอัจฉริยะจนชาชิน

ทว่าปัจจุบันเมื่อมองคนหนุ่มที่อายุน้อยกว่าตนเกือบสิบปี แต่กลับเลื่อนจากระดับบรรลุธรรมเป็นศักดิ์สิทธิ์ เหวินลั่วเสียยังรู้สึกตื่นตะลึงอย่างหาได้ยาก

เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าสงบนิ่ง พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ชื่อเสียงขององค์ประมุขตงหนานเลื่องลือไปไกล เพียงแต่กลับไม่คิดว่าวันนี้จะได้พบกับลูกศิษย์แห่งตงหนาน”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี