ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี นิยาย บท 689

เรือนภาร่อนวายุแล่นบนท้องฟ้า ข้ามอุปสรรคมากมายในพริบตา

เยี่ยนจ้าวเกอเงยหน้ามองค่ายกลด้านบนเรือยักษ์

ขณะที่ค่ายกลหมุน ก็ค่อยๆ เกิดการเปลี่ยนแปลง เหมือนกำลังหายไป

ชายหนุ่มเลิกคิ้วเล็กน้อย นี่หมายความว่าค่ายกลบูชาฟ้าที่ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องวางไว้ เป็นไปได้มากว่าหยุดการทำงาน ไม่ได้รักษาไว้ต่อ

ทว่าค่ายกลนี้ส่งผลกระทบต่อใยดินอย่างยาวนาน

ดังนั้นปัจจุบันแม้ว่าค่ายกลจะหยุดทำงานไปแล้ว แต่เรือนภาร่อนวายุยังคงตามหาตำแหน่งก่อนหน้าของค่ายกลบูชาฟ้า ผ่านการเปลี่ยนแปลงของใยดินได้อยู่

เพียงแต่หากตอนนี้ไปถึง จะจับพวกเขาได้คาที่หรือไม่ กลับยังบอกไม่ได้

คนของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง ถ้าหากสัมผัสไม่ได้ว่าพวกเจิ้งหมิงเข้ามาในทะเลหวงเจีย บางทีอาจไม่สนใจ แต่ถ้ารู้แล้ว ตอนนี้ก็อาจจะลบร่องรอยไปแล้วก็ได้

เทือกเขายิ่งใหญ่แห่งหนึ่งปรากฏขึ้นที่ขอบฟ้าไกลออกไป

เรือนภาร่อนวายุใกล้จะถึงด้านบนเทือกเขาแล้ว บนเรือยักษ์มีแสงที่เหมือนกับกระจกกลมสว่างขึ้นอีกครั้ง แสงกระจกสาดเทือกเขา แล้วกวาดไปรอบๆ อย่างต่อเนื่อง

อย่างรวดเร็ว แสงกระจกกะพริบขึ้น หยุดอยู่ที่เหวแห่งหนึ่ง

ด้านในเหวถูกแสงกระจกส่องถึง พลันมีประกายแสงเข้มข้นสีเหลืองหลายสายเกิดปฏิกิริยาจนสว่างขึ้นมา

แต่ว่าประกายแสงนี้เบาบางมาก มันหายไปในทันที แทบจะเป็นแค่แวบเดียว

เจิ้งหมิงกับเฉินจื้อเหลียงสีหน้าเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย

เฟิงอวิ๋นเซิงกับอาาหู่หันไปมองเยี่ยนจ้าวเกอ ฝ่ายชายหนุ่มกล่าวอย่างครุ่นคิดว่า “ดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้สึกตัวได้ก่อนหน้านี้แล้ว ไม่เพียงแค่หยุดการทำงานของค่ายกลกลางทางเท่านั้น ยังทำลายค่ายกลทิ้ง พร้อมกับลบร่องรอยไปด้วย”

พวกเจิ้งหมิงสีหน้าเคร่งขรึมถึงขีดสุด เรือนภาร่อนวายุลอยลงด้านล่าง ค้างอยู่เหนือหุบเหว

ด้านในหุบเขาระหว่างเทือกเขา ยังสามารถเห็นฝุ่นหลายกลุ่มตลบขึ้นมาได้ แต่นอกจากเงาคนจำนวนหนึ่งแล้ว ไม่มีอะไรอื่น ยิ่งไม่เห็นร่องรอยของค่ายกล

ด้านในกลุ่มคนที่อยู่กลางหุบเขา บุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่งยืนนิ่ง เงยหน้ามองเรือนภาร่อนวายุด้านบน

ถึงแม้ว่าเขาจะเงยหน้ามอง แต่คนอื่นกลับไม่คิดว่าความน่าเกรงขามของเขาลดน้อยลงเลย

ถึงขั้นที่ต่อให้ไม่มองในระดับสายตา ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกว่า เขาก้มมองเรือนภาร่อนวายุ กับคนที่อยู่บนเรือ

ถึงแม้ว่าในหุบเขาจะยังมีคนอื่นอีก แต่ว่าบุรุษวัยกลางคนผู้นั้นไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวอะไร เพียงยืนอยู่เฉยๆ ก็ดึงดูดสายตาทั้งหมด ทำให้พวกเยี่ยนจ้าวเกอยากจะมองดูคนรอบๆ

เยี่ยนจ้าวเกอสายตาเคร่งขรึมเล็กน้อย ‘ลักษณะนี้ เกรงว่าจะเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดง น่าจะอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ด ขั้นสะพานเซียนระยะต้น แต่ว่าพลังเหนือกว่าพวกผู้คุมหอกระบี่ทะเลเหนือกู้หงเสียอีก’

หลังจากมาถึงโลกซ้อนโลก เยี่ยนจ้าวเกอเคยเจอจอมยุทธ์ขั้นสะพานเซียนไม่ต่ำกว่าหนึ่งคน

ในเก้ากระบี่ผู้วิเศษ สองคนที่ภายนอกหนึ่งแก่หนึ่งหนุ่ม ยังมีผู้คุมหอกู้หงแห่งหอกระบี่ทะเลเหนือ

แต่ว่าถึงแม้ระดับจะเท่ากัน แรงกดดันที่พวกเขามอบให้คนอื่น ยังสู้บุรุษยวัยกลางคนในหุบเขาเบื้องหน้าไม่ได้

เมื่อเผชิญหน้ากับคนเช่นนี้ เยี่ยนจ้าวเกอมีความรู้สึกเหมือนเผชิญกับพายุแม่เหล็กไร้สิ้นสุด

บุรุษวัยกลางคนมองมา สบตากับเยี่ยนจ้าวเกอพอดี

ต่อให้พวกเจิ้งหมิงกับเฉินจื้อเหลียงมองอยู่ และถึงแม้บุรุษวัยกลางคนผู้นี้จะดึงดูดสายตา แต่กลับมองเส้นสนกลในไม่ออก

ทว่าเมื่อเยี่ยนจ้าวเกอสัมผัสสายตาของอีกฝ่าย กลับเห็นอะไรหลายอย่างจากด้านในนั้นได้

สายตาที่ไร้อารมณ์นั้น เหมือนกับกระแสเวลาสายหนึ่งที่เหยียดยื่นจากบุคโบราณมาถึงยุคปัจจุบัน

ด้านในยังแฝงความลึกซึ้งของกาลเวลาเอาไว้ ทั้งยังบรรจุการไหลของเวลา ดูไปเหมือนมีทั้งความปราดเปรียวเหมือนเด็ก มีทั้งความโรยราของเฒ่าชรา

เยี่ยนจ้าวเกอเข้าใจ นี่คือผลที่ได้จากการฝึกฝนคัมภีร์นภากาลเวลาจนมีความสามารถระดับหนึ่ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี