เรือนภาร่อนวายุแล่นบนท้องฟ้า ข้ามอุปสรรคมากมายในพริบตา
เยี่ยนจ้าวเกอเงยหน้ามองค่ายกลด้านบนเรือยักษ์
ขณะที่ค่ายกลหมุน ก็ค่อยๆ เกิดการเปลี่ยนแปลง เหมือนกำลังหายไป
ชายหนุ่มเลิกคิ้วเล็กน้อย นี่หมายความว่าค่ายกลบูชาฟ้าที่ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องวางไว้ เป็นไปได้มากว่าหยุดการทำงาน ไม่ได้รักษาไว้ต่อ
ทว่าค่ายกลนี้ส่งผลกระทบต่อใยดินอย่างยาวนาน
ดังนั้นปัจจุบันแม้ว่าค่ายกลจะหยุดทำงานไปแล้ว แต่เรือนภาร่อนวายุยังคงตามหาตำแหน่งก่อนหน้าของค่ายกลบูชาฟ้า ผ่านการเปลี่ยนแปลงของใยดินได้อยู่
เพียงแต่หากตอนนี้ไปถึง จะจับพวกเขาได้คาที่หรือไม่ กลับยังบอกไม่ได้
คนของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง ถ้าหากสัมผัสไม่ได้ว่าพวกเจิ้งหมิงเข้ามาในทะเลหวงเจีย บางทีอาจไม่สนใจ แต่ถ้ารู้แล้ว ตอนนี้ก็อาจจะลบร่องรอยไปแล้วก็ได้
เทือกเขายิ่งใหญ่แห่งหนึ่งปรากฏขึ้นที่ขอบฟ้าไกลออกไป
เรือนภาร่อนวายุใกล้จะถึงด้านบนเทือกเขาแล้ว บนเรือยักษ์มีแสงที่เหมือนกับกระจกกลมสว่างขึ้นอีกครั้ง แสงกระจกสาดเทือกเขา แล้วกวาดไปรอบๆ อย่างต่อเนื่อง
อย่างรวดเร็ว แสงกระจกกะพริบขึ้น หยุดอยู่ที่เหวแห่งหนึ่ง
ด้านในเหวถูกแสงกระจกส่องถึง พลันมีประกายแสงเข้มข้นสีเหลืองหลายสายเกิดปฏิกิริยาจนสว่างขึ้นมา
แต่ว่าประกายแสงนี้เบาบางมาก มันหายไปในทันที แทบจะเป็นแค่แวบเดียว
เจิ้งหมิงกับเฉินจื้อเหลียงสีหน้าเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
เฟิงอวิ๋นเซิงกับอาาหู่หันไปมองเยี่ยนจ้าวเกอ ฝ่ายชายหนุ่มกล่าวอย่างครุ่นคิดว่า “ดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้สึกตัวได้ก่อนหน้านี้แล้ว ไม่เพียงแค่หยุดการทำงานของค่ายกลกลางทางเท่านั้น ยังทำลายค่ายกลทิ้ง พร้อมกับลบร่องรอยไปด้วย”
พวกเจิ้งหมิงสีหน้าเคร่งขรึมถึงขีดสุด เรือนภาร่อนวายุลอยลงด้านล่าง ค้างอยู่เหนือหุบเหว
ด้านในหุบเขาระหว่างเทือกเขา ยังสามารถเห็นฝุ่นหลายกลุ่มตลบขึ้นมาได้ แต่นอกจากเงาคนจำนวนหนึ่งแล้ว ไม่มีอะไรอื่น ยิ่งไม่เห็นร่องรอยของค่ายกล
ด้านในกลุ่มคนที่อยู่กลางหุบเขา บุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่งยืนนิ่ง เงยหน้ามองเรือนภาร่อนวายุด้านบน
ถึงแม้ว่าเขาจะเงยหน้ามอง แต่คนอื่นกลับไม่คิดว่าความน่าเกรงขามของเขาลดน้อยลงเลย
ถึงขั้นที่ต่อให้ไม่มองในระดับสายตา ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกว่า เขาก้มมองเรือนภาร่อนวายุ กับคนที่อยู่บนเรือ
ถึงแม้ว่าในหุบเขาจะยังมีคนอื่นอีก แต่ว่าบุรุษวัยกลางคนผู้นั้นไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวอะไร เพียงยืนอยู่เฉยๆ ก็ดึงดูดสายตาทั้งหมด ทำให้พวกเยี่ยนจ้าวเกอยากจะมองดูคนรอบๆ
เยี่ยนจ้าวเกอสายตาเคร่งขรึมเล็กน้อย ‘ลักษณะนี้ เกรงว่าจะเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดง น่าจะอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ด ขั้นสะพานเซียนระยะต้น แต่ว่าพลังเหนือกว่าพวกผู้คุมหอกระบี่ทะเลเหนือกู้หงเสียอีก’
หลังจากมาถึงโลกซ้อนโลก เยี่ยนจ้าวเกอเคยเจอจอมยุทธ์ขั้นสะพานเซียนไม่ต่ำกว่าหนึ่งคน
ในเก้ากระบี่ผู้วิเศษ สองคนที่ภายนอกหนึ่งแก่หนึ่งหนุ่ม ยังมีผู้คุมหอกู้หงแห่งหอกระบี่ทะเลเหนือ
แต่ว่าถึงแม้ระดับจะเท่ากัน แรงกดดันที่พวกเขามอบให้คนอื่น ยังสู้บุรุษยวัยกลางคนในหุบเขาเบื้องหน้าไม่ได้
เมื่อเผชิญหน้ากับคนเช่นนี้ เยี่ยนจ้าวเกอมีความรู้สึกเหมือนเผชิญกับพายุแม่เหล็กไร้สิ้นสุด
บุรุษวัยกลางคนมองมา สบตากับเยี่ยนจ้าวเกอพอดี
ต่อให้พวกเจิ้งหมิงกับเฉินจื้อเหลียงมองอยู่ และถึงแม้บุรุษวัยกลางคนผู้นี้จะดึงดูดสายตา แต่กลับมองเส้นสนกลในไม่ออก
ทว่าเมื่อเยี่ยนจ้าวเกอสัมผัสสายตาของอีกฝ่าย กลับเห็นอะไรหลายอย่างจากด้านในนั้นได้
สายตาที่ไร้อารมณ์นั้น เหมือนกับกระแสเวลาสายหนึ่งที่เหยียดยื่นจากบุคโบราณมาถึงยุคปัจจุบัน
ด้านในยังแฝงความลึกซึ้งของกาลเวลาเอาไว้ ทั้งยังบรรจุการไหลของเวลา ดูไปเหมือนมีทั้งความปราดเปรียวเหมือนเด็ก มีทั้งความโรยราของเฒ่าชรา
เยี่ยนจ้าวเกอเข้าใจ นี่คือผลที่ได้จากการฝึกฝนคัมภีร์นภากาลเวลาจนมีความสามารถระดับหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี