เยี่ยนจ้าวเกอมองคังฮูหยินและคังจิ่นหยวนสองแม่ลูก จากนั้นก็มองคังผิง อดยิ้มขึ้นไม่ได้ “มากันทั้งตระกูลจริงๆ”
ตอนเห็นพวกคังฮูหยินและฉีเหว่ยครั้งแรก เยี่ยนจ้าวเกอประหลาดใจอยู่บ้าง
ตนแม้ว่าจะถูกส่งมายังเกาะจิ่งชิง อยู่ห่างจากที่นี่ค่อนข้างไกล แต่ถึงอย่างไรก็โดยสารเรือนภาร่อนวายุมา
พวกคังฮูหยินมาถึงที่นี่รวดเร็วถึงเพียงนี้ อยู่เหนือความคาดหมายไปบ้าง นี่หมายความว่าหลังจากการต่อสู้ที่เกาะชินเหอและเกาะเทียนอิ้นในตอนนั้นจบลง คนพวกนี้ก็รีบมาที่นี่ทันที
กระนั้นเมื่อมองเยี่ยซิน เยี่ยนจ้าวเกอก็เข้าใจ
คนของประมุขตงหนานจู่ๆ ปรากฏตัวขึ้นที่ทะเลหวงเจีย ย่อมทำให้พวกเขาสนใจ
ในสายตาของคังจิ่นหยวนเต็มไปด้วยความเคียดแค้นและความคับข้องใจ เขาจ้องมองเยี่ยนจ้าวเกอเขม็ง ส่วนฉีเหว่ยใบหน้าไร้อารมณ์ ทว่าแลดูเคร่งขรึมถึงขีดสุด
ทว่าสิ่งที่ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอสนใจก็คือ คังผิงที่เหมือนสงบนิ่งมาโดยตลอด
เมื่อถูกสายตาของอีกฝ่ายจับจ้อง เยี่ยนจ้าวเกอพลันรู้สึกจิตใจเหมือนกับสับสนเล็กน้อย ตรงหน้าปรากฏภาพประหลาดมากมาย
เหมือนกับมองสรรพสิ่งค่อยๆ เปลี่ยนไปภายใต้การไหลของเวลา
ตนเหมือนกับติดอยู่ในกระแสเวลา ยากจะดึงสมาธิกลับมา ค่อยๆ ถูกกาลเวลาที่เหมือนกับกระแสน้ำกลืนกิน เปลี่ยนเป็นชินชา
‘คนผู้นี้ฝึกฝนคัมภีร์นภากาลเวลาจนมีความสำเร็จหลายส่วนจริงๆ ด้วย’ เยี่ยนจ้าวเกอระวังตัว แอบใช้ความสามารถของคัมภีร์นภาไร้ขีดจำกัดโดยไม่แสดงสีหน้า
จิตใจเขากระจ่าง คนเหมือนคืนสู่ความว่างเปล่า ไม่อาจใช้เวลามานิยามได้อีก
ไร้ด้านหน้าไร้ด้านหลัง ไร้เริ่มต้นไร้สิ้นสุด หายไปในกระแสเวลา
ในดวงตาอันสงบนิ่งของคังผิงฉายประกายอันน่าตื่นตระหนกออกมาในทันใด เขาจ้องมองเยี่ยนจ้าวเกอเขม็ง กลับเห็นสายตาของอีกฝ่ายไร้อารมณ์ใดๆ สงบนิ่งยิ่งกว่าเขา
เจิ้งหมิงแค่นเสียงคำหนึ่ง แสงอัสดงรอบๆ เรือนภาร่อนวายุพลันเจิดจ้าขึ้นกว่าเดิม แทบจะจับตัวกันกลายเป็นของแข็ง
บนผิวเรือมีธารแสงนับไม่ถ้วนไหลเชี่ยว กลายเป็นลวดลายอาคมมากมายลอยขึ้นมา ประกอบกันเป็นม่านแสง ขวางกั้นสายตาของคังผิง
เจิ้งหมิงถามอย่างเย็นชา “ท่านคังคิดจะฆ่าคนบนเรือนภาร่อนวายุหรือ?”
เฉินจื้อเหลียงสีหน้าถมึงทึง ฝ่ายเยี่ยซินประหลาดใจเหลือประมาณ ส่วนเหวินลั่วเสียกับไป๋จื่อหมิงต่างตื่นตระหนก
คังผิงผู้นี้ไม่เพียงมีพลังและระดับสูงส่งเท่านั้น ฝีมือยังอยู่เหนือความหมาย แปลกประหลาดไม่อาจหยั่งคาด
เพียงแค่เคลื่อนไหว ก็ข้ามการป้องกันของเรือนภาร่อนวายุ เกือบฆ่าคนไปแล้ว
แสงจากของวิเศษคุ้มกันบนเรือนภาร่อนวายุเมื่อครู่ไม่ได้ถูกกระตุ้นถึงขีดสุดจริงๆ แต่ก็แข็งแกร่งมาก
แม้ว่าจะเป็นยอดฝีมือที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ด ขั้นสะพานเซียนระยะต้นยังไม่อาจทำได้ ต่อให้ต้องการ จะมีสักกี่คนที่จะทำได้อย่างง่ายดายถึงเพียงนี้?
คังผิงมองเรือนภาร่อนวายุที่ถูกแสงอัสดงครอบคลุมไว้โดยสิ้นเชิงเหมือนกับลูกกลมแสงขนาดยักษ์ สายตาสงบนิ่งอีกครั้ง ไม่มีแววประหลาดใจแม้แต่น้อย
เขาตอบอย่างราบเรียบ “ขอแจ้งให้ท่านทั้งสองรู้ว่า เด็กน้อยแซ่เยี่ยนผู้นี้ได้สังหารศิษย์พี่ร่วมสำนักของข้า เกือบจะทำลายชีวิตบุตรของข้า ข้าต้องการให้เขาชดใช้ด้วยชีวิต ถือเป็นเรื่องสมเหตุสมผล”
เจิ้งหมิงกล่าวอย่างเย็นชา “ระหว่างพวกท่านมีแค้นต้องชำรับ ข้าไม่ขอก้าวก่าย แต่สหายเยี่ยนผู้นี้ขณะนี้อยู่บนเรือ ถือเป็นแขกของตงหนาน หากท่านคังลงมือข้ามเรือนภาร่อนวายุ ถือว่าเลยเถิดเกินไป”
คังฮูหยินกล่าวเสียงเบาขึ้นด้านข้าง “เมื่อครู่สามีข้าวู่วามไปบ้าง ได้โปรดอภัยให้ด้วย เพียงแต่ความคับข้องของสามีข้ากลับไม่ใช่เพราะความแค้นส่วนตัว”
“ค่ายกลที่รบกวนใยดินได้แม้จะมีไม่มาก แต่ก็ไม่ได้มีเพียงหนึ่งหรือสอง ก่อนหน้านี้เหตุใดท่านจึงคิดว่าเป็นค่ายกลบูชาฟ้าเล่า?”
“คาดว่าคงจะเป็นเพราะการยุแยงของเยี่ยนจ้าวเกอผู้นี้”
นางกล่าวอยางเยือกเย็น “พวกเราไม่ได้อยากคาดเดาส่งเดช แต่เป็นเพราะเคยเห็นเด็กน้อยผู้นี้มีของวิเศษอย่างผลึกปอดแดนทะเล เครื่องหอมบรรจุฟ้า ดินกำเนิดจักรภพ ของเหล่านี้เป็นของที่เอาไว้วางค่ายกลบูชาฟ้า เขาคิดจะทำอะไร พวกเราก็อยากรู้เช่นกัน”
“ร่องรอยและแผนของเขาถูกเปิดโปง จึงฆ่าศิษย์ในสำนักของเรา ตอนนี้วกกลับมาแว้งกัด ปิดบังเจตนาของตัวเอง ขอให้ท่านพิจารณาด้วย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี