แสงสว่างบนแท่นบูชาเดี๋ยวสว่างเดี๋ยวมืด เกิดเป็นละอองแสงหนาหนัก ปิดบังความสามารถในการรับรู้ของคน เยี่ยนจ้าวเกอเองก็มองหาสาเหตุไม่ออก
เขารู้สึกวั่นใจเล็กน้อย เพราะสัมผัสได้ว่าด้านในกองของวิเศษที่รวมอยู่ใต้แท่นบูชายังมีคนอื่นอยู่ด้วย
นี่อยู่เหนือความคาดหมายของเขาอยู่บ้าง
ถึงอย่างไรเมื่อดูจากสถานการณ์ของสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกสุสานจักรพรรดิประกายกาฬแล้ว จะมีคนที่เข้ามาก่อนหน้ามาไม่ขาดสายก็ตาม
หรือว่าในช่วงเวลานี้ คนผู้นั้นจะอยู่ที่นี่มาโดยตลอด ไม่ได้ออกไปไหนมาตั้งแต่ต้น?
เยี่ยนจ้าวเกอเพ่งตามองไป เห็นกองของวิเศษที่เหมือนกับภูเขาพลันสั่นไหว
ด้านล่างมีแสงสว่างที่เจิดจ้ากว่าพรั่งพรูขึ้นมา ผลักของวิเศษและวัตถุดิบที่กองกันอยู่ออก เหยือกสีน้ำเงินหนึ่งลอยขึ้นมาจากส่วนล่างสุดของภูเขาสมบัติ พุ่งสู่ท้องฟ้า
ลวดลายอาคมหลายสายวนเวียนบนผิวเหยือก จากนั้นก็ค่อยๆ สลายไป
ชายหนุ่มมองดูลวดลายค่ายกลเหล่านั้น พึมพำในใจ ‘ก่อนหน้านี้น่าจะเอาไว้ใช้ผนึก ตอนนี้ผนึกถูกทำลายแล้ว แล้วด้านในเหยือกมีอะไร?’
หรือว่าที่นี่จะยังมีผู้พิทักษ์ของวิเศษหลับไหล ตนคิดจะเอาสมบัติไปต้องต่อสู้ก่อน
ในห้วงสมองของเยี่ยนจ้าวเกอเกิดความคิดที่ค่อนข้างไร้สาระจำนวนหนึ่ง จากนั้นก็เห็นผนึกบนเหยือกหายไปโดยสิ้นเชิง
เหยือกหล่นลงบนพื้น ปากเหยือกพ่นแสงรุ้งเจ็ดสีสายหนึ่งออกมา ในแสงรุ้งปรากฏเงาคน
เยี่ยนจ้าวเกอกะพริบตา มองพิจารณาคนผู้นั้นอยู่ครึ่งวัน ‘ไม่ใช่นี่…’
ในใจบอกไม่ถูกว่าผิดหวังหรือโล่งใจ แต่เยี่ยนจ้าวเกอยืนยันได้ว่า ตนคงไม่ถึงขั้นจำเสวี่ยชูฉิงไม่ได้
ไม่ว่าจะเป็นภาพที่เหลืออยู่ในส่วนลึกของความทรงจำ หรือว่าภาพเงาแสงที่ได้มาจากเยี่ยนตี๋ผู้เป็นบิดาเมื่อสองปีก่อน ต่างทำให้เยี่ยนจ้าวเกอจำหน้าตาของเสวี่ยชูฉิงได้อย่างชัดเจน
คนตรงหน้านี้แม้จะเป็นสตรีเช่นกัน กลับเป็นคนอีกคนหนึ่ง
นอกจากนี้อีกฝ่ายยังแต่งตัวแบบดรุณีด้วย
ดรุณีผู้นี้สวมกระโปรงสีขาว ท่าทางสะลึมสะลือ เหมือนกับนอนไม่พอ
เมื่อเห็นเยี่ยนจ้าวเกอยืนอยู่ตรงหน้าตน ดรุณีสวมกระโปรงขาวก็รู้สึกตัว ตาโตกะพริบ พิจารณาชายหนุ่มตั้งแต่หัวจรดเท้าเช่นกัน
เยี่ยนจ้าวเกอสำรวจดรุณีผู้นี้ครู่หนึ่ง พลันยื่นนิ้วออกมาจิ้มใส่หน้าผากของอีกฝ่าย
ดรุณีมีท่าทางงงงัน มองเยี่ยนจ้าวเกออย่างประหลาดใจ รู้สึกเหม่อลอยอยู่บ้าง
แต่ว่าในฐานะจอมยุทธ์ การเคลื่อนไหวของร่างกายเร็วกว่าสมอง หลบไปด้านหลังโดยสัญชาตญาณ
การหลบนี้ ท่าร่างของวรยุทธ์ที่ฝึกฝนย่อมถูกใช้ออกมา
นิ้วของเยี่ยนจ้าวเกอจงใจผ่อนความเร็ว ลดพลังลง ปล่อยให้นางมีโอกาสใช้กระบวนท่า
เพียงแค่กระบวนท่าเดียว เยี่ยนจ้าวเกอก็มองออกว่า ท่าร่างของดรุณีผู้นี้ ใกล้เคียงกับกระเรียนหยกซูอวิ๋น หญิงรับใช้ในอดีตของเสวี่ยชูฉิงที่อยู่บนโลกลอยน้ำ และคล้ายกับรากฐานวรยุทธ์ของผู้เป็นมารดา
เมื่อเห็นดังนั้น เยี่ยนจ้าวเกอก็พยักหน้าเล็กน้อย ชักนิ้วกลับ ไม่ลงมือต่ออีก
ดรุณีกะโปรงขาวมองเยี่ยนจ้าวเกออย่างสับสน
“เจ้าไม่ต้องกลัว…” เยี่ยนจ้าวเกอบนใบหน้าปรากฏรอยยิ้ม น้ำเสียงอ่อนโยน เตรียมจะปลอบโยนอีกฝ่าย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี