เยี่ยนจ้าวเกอเห็นนางออดอ้อนก็ไม่ได้ถือสา ปล่อยให้นางดึงแขนเสื้อของตัวเอง
เมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวอ้าย เยี่ยนจ้าวเกอก็มองตามนิ้วของนางไป เห็นบนแท่นบูชามีแสงกะพริบอยู่ เดี๋ยวสว่างเดี๋ยวมืด
ชายหนุ่มเงยหน้ามองแท่นบูชา ฝีเท้าไม่เคลื่อนไหว “เสี่ยวอ้าย เจ้ารู้หรือไม่ว่าโลงศพศิลาในห้องฟังศพจักรพรรดิประกายกาฬว่างเปล่า?”
เสี่ยวอ้ายพยักหน้าอย่างตรงไปตรงมา “รู้เจ้าค่ะ!”
นิ้วของนางยังชี้ไปบนแท่นบูชาต่อ “จักรพรรดิประกายกาฬอยู่ด้านบนนั้นเอง”
เยี่ยนจ้าวเกอมองเสี่ยวอ้ายอย่างประหลาดใจ “เขาไม่ได้ตายตั้งแต่แรก หรือว่าคืนชีพขึ้นมา?”
ครั้งนี้เสี่ยวอ้ายกลับส่ายศีรษะ “นายหญิงบอกว่า จักรพรรดิประกายกาฬสวรรคตไปแล้วจริงๆ แต่ว่ากลไกที่ท่านวางไว้ในตอนที่ยังมีชีวิต กลับเริ่มดำเนินพิธีกรรมหนึ่งหลังจากตายไป”
“ศพของท่านออกจากห้องฝังศพ ลอยมาอยู่บนแท่นบูชา กลายเป็นส่วนหนึ่งของพิธี นายหญิงในตอนนั้นไม่ได้อธิบายรายละเอียด ข้าจึงไม่ทราบ”
เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินก็หรี่ตาลงเล็กน้อย “อ้อ เป็นเช่นนี้เอง”
เสี่ยวอ้ายอธิบายอีกว่า “ในตอนนั้นนายหญิงได้ไปดูบนแท่นบูชาแล้ว เพียงบอกว่าอีกนานกว่าพิธีกรรมจะสมบูรณ์ ห้ามไม่ให้ข้าขึ้นไปแตะต้อง”
“แต่ตามคำพูดของนายหญิง ขอแค่แสงสว่างบนแท่นบูชาเปล่งแสงวูบวาบโดยมีจังหวะเฉกเช่นในตอนนี้ ก็เป็นสัญญาณว่าพิธีกรรมสำเร็จแล้ว”
นางกล่าวเสริมหลังจากลังเลครู่หนึ่งว่า “นายหญิงบอกว่า นางได้ช่วยเหลืออีกแรง ทำให้ความเร็วที่พิธีกรรมจะสมบูรณ์เพิ่มขึ้นกว่าเดิม แต่ว่านางไม่อาจรั้งอยู่ในสุสานจักรพรรดิแห่งนี้ได้นาน เพียงแค่จัดการให้ข้านอนหลับรักษาตัวเองที่นี่ ต่อจากนั้นหากนางสะดวก จะมากลับมาปลุกข้าอีกครั้ง”
พูดถึงตรงนี้ ดรุณีในกระโปรงสีขาวก็หรี่ตามองเยี่ยนจ้าวเกอ “ผู้ใดจะทราบว่า ข้าไม่ต้องรอนายหญิงกลับมา กลับรอคุณชายแทน”
เยี่ยนจ้าวเกอถาม “เจ้าอยู่ที่นี่มานานเท่าไรแล้ว?”
เสี่ยวอ้ายสับสน “การไหลของเวลาด้านในสุสานจักรพรรดิโกลาหล ข้าไม่ทราบแน่ชัด แต่น่าจะผ่านไปหลายปีอยู่กระมัง?”
“ในตอนนั้นนายหญิงบอกว่า ข้าใช้เวลาหนึ่งปีก็หายดีแล้ว หลายปีต่อจากนั้นอยู่ในการหลับไหล”
ชายหนุ่มใช้นิ้วแตะริมฝีปาก “อืม มิน่าเจ้าถึงอายุน้อยนัก เวลามากมายใช้ไปกับการหลับเสียแล้ว”
เสี่ยวอ้ายส่ายหน้าอย่างรุนแรง ดวงตาเป็นประกาย “ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ การได้หลับอยู่กลางกองสมบัติ ข้าไม่ทราบว่าโชคดีขนาดไหน!”
ตอนแรกนางยังรวบรวมสมาธิ ตั้งใจตอบคำถามเยี่ยนจ้าวเกออยู่
พูดถึงตอนนี้ ก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไป ดวงตาสองข้างกวาดมองสมบัติที่เหมือนกับภูเขาที่อยู่รอบๆ ด้วยความตื่นเต้น
ดูจากท่าทางของนาง ถ้าหากไม่ใช่เพราะไม่อยากเสียมารยาทต่อหน้าเยี่ยนจ้าวเกอ คงจะพุ่งตัวเข้าไปแล้ว
เยี่ยนจ้าวเกอกุมหน้าผาก
ไม่เพียงแต่บ้าผู้ชายเท่านั้น ยังโลภสมบัติอีกต่างหาก…
ชายหนุ่มอดหัวเราะพลางส่ายหน้าไม่ได้ สายตามองด้านบนสุดของแท่นบูชาอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็ครุ่นคิดอยู่เงียบๆ
เสี่ยวอ้ายละสายตาจากสมบัติที่กองเหมือนภูเขาอย่างตัดใจไม่ได้ กลืนน้ำลายเอื๊อก “คุณชาย ตอนนี้พวกเราจะขึ้นไปหรือไม่?”
เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกตัว ก้าวไปด้านหน้า “ไฉนจะไม่เล่า?”
เด็กสาวอุทานดีใจ รีบติดตามอยู่ด้านหลังเขา
“เจ้ามีชื่อจริงหรือไม่?” เยี่ยนจ้าวเกอทางหนึ่งเดิน ทางหนึ่งถามลวกๆ
“เสี่ยวอ้ายก็คือชื่อของข้า” เสี่ยวอ้ายตอบลวกๆ เช่นกัน “บิดามารดาข้าตายตั้งไปนานแล้ว ไม่ทราบว่าชื่อเดิมของตัวเองคืออะไร ตอนแรกเรียกว่าเสี่ยวอาย อายจากคำว่าอายชาง (ความทุกข์)” ต่อมาหลังจากติดตามนายหยิง นายหญิงก็เปลี่ยนชื่อเป็นเสี่ยวอ้าย อ้ายจากเร่ออ้าย (มีความรักอย่างลุ่มหลง)”
“ข้าอยากจะใช้แซ่ตามนายหญิง นางบอกว่าชื่อในตอนนี้ของนาง สมควรเรียกว่าเยี่ยนเสวี่ยชูฉิง ดังนั้นข้าจึงสมควรชื่อเยี่ยนเสี่ยวอ้ายแล้ว”
พูดถึงตรงนี้ นางแอบมองเยี่ยนจ้าวเกอแวบหนึ่ง “คือว่า…คุณชายกับท่านลุงเขยจะคัดค้านหรือไม่?”
เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าย่อมไม่คัดค้าน บิดาข้าก็คงไม่ว่าอะไรเช่นกัน”
เสี่ยวอ้ายพลันดีใจหน้าบาน
คราวนี้ชายหนุ่มเหยียบขึ้นบนแท่นบูชาแท่นนั้น แท่นบูชาพลันสั่นสะเทือนเลือนลั่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี