เยี่ยนจ้าวสบตากับอิ่นเทียนเซี่ย
ถึงแม้จะเป็นความคิดสายหนึ่ง เยี่ยนจ้าวเกอกลับรู้สึกว่าตนเหมือนข้ามผ่านมิติมาประจัญหน้ากับจอมอหังการแห่งยุคเมื่อหลายปีก่อน
ตอนนี้ ในที่สุดเขาก็ทราบแล้วว่า ศพของอิ่นเทียนเซี่ยออกจากโลงศพที่ว่างเปล่าไปอยู่ที่ไหนกันแน่
การวางค่ายกหลังการสวรรคตของจักรพรรดิประกายกาฬ เป็นการเปลี่ยนร่างของตัวเองให้กลายเป็นกงจักรมหาประกายกาฬ!
ของวิเศษที่อยู่เหนืออาวุธศักดิ์สิทธิ์
อาวุธเซียนในตำนาน!
แววตาของเยี่ยนจ้าวเกอพลันหยั่งลึก ‘คิดไม่ถึงว่าจะได้เจออาวุธเซียนที่นี่ ถึงแม้ว่าจะเป็นอาวุธเซียนที่ยังสร้างไม่เสร็จก็ตาม…’
เหมือนกับที่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์กันทุกคน
อาวุธเซียนหายากยิ่งกว่า อย่างน้อยก็ต้องมีระดับพลังฝึกปรือเท่าจักรพรรดิประกายกาฬอิ่นเทียนเซี่ย ถึงจะลองหลอมได้
ยอดฝีมือที่อยู่เหนือจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนต่างมีอาวุธเซียน
ก่อนวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ก็เป็นเช่นนี้ อย่างเช่น จักรพรรดิปีศาจอัคคีจากโลกปีศาจอัคคี ตามที่เยี่ยนจ้าวเกอทราบ ก็ไม่มีอาวุธเซียนติดตัวเช่นกัน
จักรพรรดิประกายกาฬอิ่นเทียนเซี่ยมีความสามารถน่าตกตะลึง แต่ก็สวรรคตอย่างรวดเร็ว เหมือนกับดาวตกอันเจิดจ้า
สำนักประกายกาฬแม้ว่าจะมั่งคั่ง แต่กลับไม่ค่อยมีวัตถุดิบที่เอาไว้ใช้สร้างอาวุธศักดิ์สิทธิ์มากนัก
เมื่อไม่มีเวลาสั่งสมและตกตะกอนมากพอ ทุกคนล้วนทราบว่า สำนักประกายกาฬไม่มีอาวุธเซียน
ของวิเศษที่อิ่นเทียนเซี่ยพกติดตัวซึ่งทุกคนคุ้นเคย ก็คือตะเกียงประกายกาฬที่เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง
เยี่ยนจ้าวเกอกลับคิดไม่ถึงว่า การเตรียมตัวหลังสวรรคตของจักรพรรดิประกายกาฬ กลับเป็นการหลอมตัวเองให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกงจักรมหาประกายกาฬที่เป็นอาวุธเซียน
ขณะมองกงจักรมหาประกายกาฬ นอกจากความปรารถนา ปฏิกิริยาแรกของเยี่ยนจ้าวเกอคือความสงสัยเป็นส่วนใหญ่
การกระทำของจักรพรรดิประกายกาฬไม่ธรรมดายิ่ง
‘เพื่อทิ้งของวิเศษแห่งชะตากรรมเอาไว้ให้คนรุ่นหลังใช้คุ้มครองสำนัก หรือเพราะเพื่อสนองปรารถนาในตอนที่ยังมีชีวิตไม่สิ้นสุดล้วนๆ?’ จิตใจของเยี่ยนจ้าวเกอเกิดคลื่นซัดโหมกระหน่ำ ‘หรือว่าอาวุธเซียนชิ้นนี้จะเป็นความสามารถที่เอาไว้คืนชีพ ซึ่งตัวจักรพรรดิประกายกาฬเตรียมเอาไว้?’
นอกจากนี้ยังมีอีกความเป็นไปได้หนึ่ง
ก่อนจักรพรรดิประกายกาฬสวรรคต ได้พยายามสร้างของวิเศษชิ้นนี้อย่างยากลำบาก เพื่อรักษาความลับบางอย่างไว้
บางทีอาจจะเกี่ยวข้องกับการสวรรคตในตอนนั้นของเขา รวมถึงความรุ่งเรืองเสื่อมโทรมของสำนักประกายกาฬ?
เยี่ยนจ้าวเกอมองใบหน้าของจักรพรรดิประกายกาฬอิ่นเทียนเซี่ยเบื้องหน้า เงียบงันลง
เสี่ยวอ้ายไม่เห็นร่างของจักรพรรดิประกายกาฬ แต่ขณะมองกงจักรมหาประกายกาฬ ยังอดสงสัยไม่ได้ “คุณชาย นี่คืออาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงหรือ?”
“ไม่ใช่ นี่คืออาวุธเซียน แต่ยังสร้างไม่เสร็จ” เยี่ยนจ้าวเกอตอบ “เรียกว่าตัวอ่อนของอาวุธเซียน หรือแบบจำลองของอาวุธเซียนจะเหมาะกว่า”
เด็กสาวอ้าปากกว้าง หุบไม่ลงอยู่ค่อนวัน
นางไม่เคยเห็นอาวุธเซียนมาก่อน แต่นางเคยได้ยินเสวี่ยชูฉิงพูดถึงตำนานที่เกี่ยวข้องกับอาวุธเซียน
เยี่ยนจ้าวเกอเห็นว่าดวงตาของเด็กสาวกระโปรงขาวสว่างไสวอย่างไม่เคยมีมาก่อน
ตาโตสีดำขลับสองข้างกะพริบ เหมือนกับกงจักรเหล็กสีดำจำนวนนับไม่ท้วนพลิกขึ้นลง
กงจักรเหล็กสีดำที่ไม่โดดเด่นในตอนแรก ยามนี้ในสายตาของเสี่ยวอ้าย เหมือนกับกลายเป็นเงินตราที่ด้านนอกกลมด้านในเป็นเหลี่ยม ซึ่งเปล่งประกายน่าดึงดูดอย่างหาใดเทียม
เยี่ยนจ้าวเกอกลอกตาขาว ยื่นมือข้างหนึ่งออกโบกหน้าเสี่ยวอ้าย
“คุณชายๆ…ของชิ้นนี้! ของชิ้นนี้…” เสี่ยวอ้ายได้สติ กลืนน้ำลายเอื๊อก พูดจาติดขัดอยู่บ้าง นิ้วชี้ที่กงจักรมหาประกายกาฬอย่างตื่นเต้น จากนั้นก็ชี้เยี่ยนจ้าวเกอ “ท่านจะต้อง…จะต้อง…”
ชายหนุ่มยักไหล่ “วางใจ เป็นวาสนาหรือคราเคราะห์ ข้ายังไม่แน่ใจ ต่อให้เป็นวาสนา คิดจะเก็บไว้ยังไม่ง่ายถึงเพียงนั้น”
เสี่ยวอ้ายปรับลมหายใจอย่างยากลำบาก นางดึงแขนเสื้อของเยี่ยนจ้าวเกอ พร้อมมองเขาด้วยใบหน้าเลื่อมใส “คุณชายท่านต้องมีวิธีแน่ๆ ใช่หรือไม่?”
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างขบขันเล็กน้อย “ยังไม่ต้องพูดว่าเจ้าในตอนนี้มีพลังฝึกปรือต่ำอยู่ ต่อให้เป็นพลังฝึกปรือในปัจจุบันของข้า ก็ไม่อาจใช้พลังของอาวุธเซียนชิ้นหนึ่งได้”
“อาหารอันโอชะแม้จะเยี่ยมยอด แต่ทำได้เพียงมอง ไม่อาจรับประทาน เจ้าไม่ต้องกระตือรือร้นเช่นนี้ก็ได้กระมัง?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี