ในแสงสว่างและความมืดที่ปกคลุมฟ้าดิน ปรากฏความมืดไร้สิ้นสุด และในความมืดนี้พลันมีแสงสว่างจุดหนึ่งที่ละลานตาเบ่งบานขึ้น
ด้านในแสงสว่าง คือไฟตะเกียงจุดหนึ่ง
ไฟตะเกียงสั่นไหวเบาๆ แหวกแสงสว่างและความมืดที่มีอยู่เต็มไปหมดออกด้านข้าง แล้วมาถึงด้านหน้าแท่นบูชาอันเป็นใจกลางของมิติต่างแดนแห่งนี้
ตะเกียงดวงนั้น กลับเป็นตะเกียงประกายกาฬ!
ลวดลายแสงของแสงสว่างอันพร่างพราวหลายสายลอยขึ้นบนผิวตะเกียง เหมือนกับไม่มีวันดับชั่วนิรันดร์
ภายใต้การชี้นำของไฟตะเกียง เงาคนหลายเงาปรากฏขึ้นด้านในมิติต่างแดน
คนที่นำหน้าสวมอาภรณ์สีดำ ด้านบนศีรษะมีหนึ่งอาทิตย์หนึ่งจันทราหมุนวน สภาวะข่มขวัญผู้คนแผ่พุ่งออกมาโดยไม่อำพรางแม้แต่น้อย
เยี่ยนจ้าวเกอหันไปมอง เห็นเงาร่างของหลัวจื้อเทาเจ้าสำนักแสงสว่าง
หลัวจื้อเทาที่บังคับตะเกียงประกายกาฬให้เคลื่อนไปด้านหน้า โดยมีกงจักรสุริยันจันทราอยู่บนศีรษะ บัดนี้เหมือนกับสรวงสวรรค์ที่รุ่งโรจน์จริงๆ
ส่วนด้านข้างของหลัวจื้อเทา ติดตามไว้ด้วยพวกกัวซง
จอมยุทธ์สำนักแสงสว่างที่เข้ามาในสุสานจักรพรรดิประกายกาฬ ไม่ได้มาถึงพร้อมกันหมด
เป็นเพราะหลัวจื้อเทาสัมผัสได้ว่า ด้านในสุสานจักรพรรดิประกายกาฬยังมีตัวตนที่สำคัญและแข็งแกร่งยิ่งกว่าตะเกียงประกายกาฬ จึงรีบมาด้วยความเร็วสูงสุด
สุสานจักรพรรดิในตอนนี้ไม่อาจกลายเป็นความว่างเปล่าได้อีก หลัวจื้อเทาจึงตามเจอแค่ไม่กี่คน
แต่ขอแค่มีตะเกียงประกายกาฬกับกงจักรสุริยันจันทราอยู่ในมือ สำหรับหลัวจื้อเทาก็ถือว่าเพียงพอแล้ว
ภายใต้การส่องสว่างจากแสงของตะเกียงประกายกาฬ อานุภาพอันน่ากลัวที่ทำให้พวกหลัวจื้อเทาหวาดกลัวจนพวกเขาหายใจไม่ออกเมื่อครู่นี้ บัดนี้ไม่ส่งผลกระทบอีกต่อไป กลับมีความรู้สึกเหมือนตากลมในฤดูใบไม้ผลิอยู่
เหมือนกับกำลังรับบุญคุณของบรรพบุรุษ
สายตาของหลัวจื้อเทามองกงจักรมหาประกายกาฬที่อยู่บนแท่นบูชาก่อน
ในดวงตาสองข้างของเขาอดฉายแววหวาดหวั่นไม่ได้ “เหมือนจะยังสร้างไม่สำเร็จ แต่ว่า…แต่ว่าอย่าว่าแต่มีรากฐานเหนือกว่ากงจักรสุริยันจันทราเลย ต่อให้ตะเกียงประกายกาฬจะอยู่ในสภาวะสมบูรณ์ ก็เกรงว่าจะสู้ไม่ได้ ของสิ่งนี้เป็น…เป็น….”
พวกกัวซวงที่อยู่ด้านข้างหลัวจื้อเทา ต่างมีสีหน้าตกตะลึง
“หรือว่า…จะเป็นอาวุธเซียนในตำนาน?!” หลัวจื้อเทาสูดหายใจลึก ‘หรือว่านี่จะเป็นความลับที่สำคัญที่สุด และเป็นของวิเศษที่ล้ำค่าที่สุดของสุสานจักรพรรดิประกายกาฬ?’
การได้ตะเกียงประกายกาฬมาไว้ในมือ หลัวจื้อเทาเพียงรู้สึกชื่นชมและยินดี แต่ขณะมองกงจักรมหาประกายกาฬ พวกเขาก็ใจเต้นระรัวจนเกือบควบคุมตัวเองไม่ได้
พวกกัวซงที่อยู่ด้านข้างเขายิ่งเผยแววลิงโลด
ไม่ผิดที่พวกเขาจะเสียอาการ เพราะความสำคัญที่อยู่เบื้องหลังกงจักรมหาประกายกาฬยิ่งใหญ่เกินไปจริงๆ
กงจักรมหาประกายกาฬตรงหน้ายังเป็นแค่ตัวอ่อนหรือแบบจำลองเท่านั้น ไม่ได้ถูกหลอมโดยสมบูรณ์ แต่ก็แข็งแกร่งกว่าธรรมดาแล้ว
ถ้าหากว่าหลอมสำเร็จ เช่นนั้นมันจะต้องกลายเป็นของวิเศษอันดับหนึ่งแห่งเขตตะวันอาคเนย์อย่างแน่นอน
หลัวจื้อเทาหากพลังฝึกปรือก้าวหน้าขึ้น เลื่อนเป็นขั้นสะพานเซียน เมื่อใช้กงจักรมหาประกากยาฬ ต่อให้เป็นประมุขอาคเนย์ก็ทำอะไรเขาไม่ได้!
สำนักแสงสว่างสามารถสยบเขตตะวันอาคเนย์ได้โดยสมบูรณ์
พอมาถึงขั้นนี้ จะปรากฏความรุ่งโรจน์ในวันวานของสำนักประกายกาฬ เป็นการก้าวเท้าที่มั่นคงที่สุดอย่างแท้จริง
ปณิธานตลอดชีวิตของบรรพบุรุษแต่ละรุ่นของสำนักแสงสว่างและหลัวจื้อเทา กำลังจะได้เห็นรุ่งอรุณและความหวังจริงๆ แล้ว
หลัวจื้อเทากวาดสายตาจากของวิเศษที่กองอยู่ด้านล่างดุจภูเขาเลากา ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย
สายตาของเขาตกลงบนกงจักรมหาประกายกาฬ และเยี่ยนจ้าวเกอที่กำลังจับกงจักรมหาประกายกาฬบนยอดแท่นบูชาอีกครั้ง
ความเร่าร้อนในดวงตาทั้งสองข้างของหลัวจื้อเทาหายไปในทันใด ก่อนจะเปลี่ยนเป็นความเย็นเยียบ
เยี่ยนจ้าวเกอพิจารณาหลัวจื้อเทาขึ้นลง สีหน้าไม่สะทกสะท้าน หัวเราะขึ้น “ถึงแม้ท่านจะมีกงจักรสุริยันจันทรา อีกทั้งยังนำตะเกียงประกายกาฬไปได้แล้ว แต่มาถึงได้ไวถึงเพียงนี้ น่าจะไม่ได้เสียเวลากับสำนักความมืด”
“แสดงว่าพวกเจ้าสำนักโจวแห่งสำนักความมืดผละไปเอง หลังจากที่พวกท่านหลอมตะเกียงประกายกาฬแล้วกระมัง?”
หลัวจื้อเทาสายตาเย็นชา ไม่สั่นไหวแม้แต่น้อย “อย่าคิดจะถ่วงเวลา ไม่มีประโยชน์อันใด”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี