ไม่ผิดจากที่เยี่ยนจ้าวเกอคาดไว้ พวกหลัวจื้อเทาอยู่ห่างจากบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์แค่ก้าวเดียวเท่านั้น
แต่เป็นเพราะระยะห่างแค่ก้าวเดียวนี้ พวกเขาจึงยังคงถูกขังอยู่ด้านนอกโลกซ้อนโลก
มิติเวลาที่สับสนซ้อนทับกัน ดูเหมือนทุกที่ต่างเป็นเส้นทาง แต่ความจริงไม่ว่าจะเป็นทิศทางไหน ก็อาจจะอยู่ห่างจากที่หมายไกลแสนไกล
มีเพียงแต่ต้องหาเส้นทางเส้นเดียวให้ถูก เพื่อเข้าไปในระดับชั้นมิติที่ถูกต้อง จึงจะมาถึงสถานที่ที่ตัวเองต้องการได้
ลำบากแสนเข็ญ เหมือนกับที่เยี่ยนจ้าวเกอกับไป๋จื่อหมิงคิดตามหาโลกยมทะยานเมื่อก่อนหน้านี้
คนในสำนักแสงสว่างทิ้งเครื่องหมายไว้ที่โลกซ้อนโลกเหมือนกับเยี่ยนจ้าวเกอ
แต่เพราะก่อนหน้าได้รับผลกระทบจากพายุมายา ที่เกิดจากการพังทลายของสุสานจักรพรรดิประกายกาฬ การแยกแยะเส้นทางของพวกเขาจึงลำบากกว่าเยี่ยนจ้าวเกอที่มีกงจักรมหาประกายกาฬคอยคุ้มครองมาก
ในที่สุดก็ติดต่อกับพวกถานจิ่งที่เฝ้าอยู่ในโลกซ้อนโลกได้ ภายใต้การประสานในนอก ได้ลองใช้บาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ที่ดินแดนหลวนเซียงในการกลับมา
สุดท้ายเพิ่งมาถึง บาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ก็หายไปแล้ว
สิ่งที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าทุกคนคือกลุ่มเมฆอันว่างเปล่าแถบหนึ่ง เหมือนกับแบ่งเป็นโลกความจริงและโลกมายาสองใบ
พวกเขาลองเข้าไปในกลุ่มเมฆ กลับพบว่ากลุ่มเมฆเหมือนกับภาพลวงตา ไม่อาจสัมผัสได้
บาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ยังคงหาไม่เจอ เส้นทางที่เอาไว้กลับโลกซ้อนโลกก็หาไม่เจอเหมือนกัน
ถึงแม้ว่าจะมัวซัวเหมือนกับคลุมด้วยผ้าแพรชั้นหนึ่ง กระนั้นหลัวจื้อเทาก็เห็นใบหน้าของพวกเยี่ยนจ้าวเกอ คังฮูหยิน และถานจิ่นในกลุ่มเมฆมายาได้อย่างชัดเจน
ถานจิ่นเหมือนตะเบ็งเสียงพูดอะไรกับเขาอยู่ แต่ว่าไม่มีเสียงใดลอดออกมา หลัวจื้อเทาได้แต่อาศัยการแยกแยะรูปปาก
ถานจิ่นชี้ที่เยี่ยนจ้าวเกอ เอ่ยว่า “ที่นี่เดิมเป็นที่อยู่ของบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ กลับถูกเด็กน้อยผู้นี้ทำลายทิ้ง!”
เยี่ยนจ้าวเกอยามนี้อยู่ในกลุ่มเมฆมายา ตัวเขากึ่งลวงกึ่งจริง ไม่อาจเคลื่อนไหวได้เช่นเดียวกัน
คนเหมือนกับแมลงตัวเล็กที่ถูกแช่ในอำพัน
ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก และวังฝูงมังกรต่างเปลี่ยนมาอยู่ในสภาพนี้ เฟิงอวิ๋นเซิง อาหู่ เสี่ยวอ้าย และพ่านพ่านที่อยู่ในวังฝูงมังกรก็เป็นเหมือนกัน
ถึงขั้นที่แม้แต่ซากมังกรจริงแท้จำนวนหนึ่งที่เหลืออยู่ ซึ่งถูกเก็บอยู่ในส่วนลึกของวังฝูงมังกร ก็เปลี่ยนเป็นเลอะเลือน สูญเสียรูปร่างที่แท้จริงไปเช่นกัน
มีสองสิ่งที่เป็นข้อยกเว้น ได้แก่กงจักรมหาประกายกาฬ และตราประทับตะวัน ของวิเศษสองชิ้นยังคงอยู่ในสภาพแรกเริ่ม ลอยนิ่งอยู่ในเขตแดนมายา
นอกจากนี้แล้ว อาวุธศักดิ์สิทธิ์หลายชิ้นที่เยี่ยนจ้าวเกอนำติดตัว หรือแม้แต่ดาบเทพอาทิตย์ยะเยือกที่ยังไม่ได้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ซึ่งเฟิงอวิ๋นเซิงครอบครองอยู่ ต่างสูญเสียรูปร่าง เหลือเพียงเงาลวงเหมือนกับพวกเขา
เยี่ยนจ้าวเกอไม่หวาดกลัว ครั้นเห็นพวกหลัวจื้อเทาที่อยู่ในกลุ่มเมมฆมายา ก็ยังโบกมือพร้อมรอยยิ้มให้กับพวกเขาด้วยซ้ำไป
ไม่ว่าจะเป็นพวกถานจิ่นที่รูปร่างกลายเป็นความว่างเปล่าอยู่ในกลุ่มเมฆ หรือพวกหลัวจื้อเทาที่ได้รับผลกระทบจากพายุมิติด้านนอกกลุ่มเมฆ เมื่อเห็นดังนั้นต่างรู้สึกคับข้อง
โดยเฉพาะพวกหลัวจื้อเทา สิ่งที่ตามหลังพวกเขามาติดๆ ก็คือกระแสปั่นป่วนขิงมิติที่บ้าคลั่ง
พวกเขาอยู่ด้านนอกกลุ่มเมฆ ถึงขั้นที่ยากจะหยุดกับที่ กำลังจะถูกกระแสปั่นป่วนม้วนไป โดยที่ไร้อิสระอีกครั้ง
กระแสปั่นป่วนของมิติเวลาในตอนนี้และในที่แห่งนี้ อ่อนแอกว่าตอนที่สุสานจักรพรรดิประกายกาฬเพิ่งพังทลายในตอนนั้นมาก
หลังจากเวลาผ่านไป การได้รับผลกระทบของคนในสำนักแสงสว่างยิ่งมายิ่งน้อยลง ในที่สุดก็หลุดออกมาสำเร็จ
แต่พวกหลัวจื้อเทาที่เหนื่อยรากเลือด ขณะเห็นประตูแห่งความมืดที่เริ่มปิดลงด้านหน้าอีกครั้ง คามอดทนก็มาถึงขีดจำกัดแล้ว
หลัวจื้อเทาที่ใบหน้าเขียวคล้ำกู่ร้องขึ้น กงจักรอันหนึ่งปรากฏในมือ แสงอาทิตย์เจิดจ้าสาดส่องความว่างเปล่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี