ในเจ็ดหอกสัตปักษาของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง มีหอกเผิงยักษ์กับหอกกระเรียนกายสิทธิ์
หอกแรกรวดเร็ว หอกหลังปราดเปรียว
เสวียนมู่อ๋องปกติเวลาสู้กับคน ส่วนใหญ่แล้วไม่เคยเสียเปรียบในด้านความเร็ว
แต่การเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ ขั้นเทวะสำแดงระยะต้นในตอนนี้ ขณะที่พุ่งทะยาน กลับไม่อาจไล่ตามได้ทัน
ได้แต่ฝืนรักษาระยะห่างไม่ให้ถูกสลัดไปไกลกว่าเดิม แต่สุดท้ายก็ไม่อาจร่นระยะห่างได้อยู่ดี
เสวียนมู่อ๋องยอมรับว่า อาการบาดเจ็บของตนสาหัสยิ่ง ขณะส่งผลกระทบต่อพลัง ย่อมส่งผลต่อความเร็วด้วย
แต่ว่าพลังฝึกปรือที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหกของตน ความเร็วไม่ใช่จุดอ่อนมาแต่ไหนแต่ไร แต่กลับไล่ไม่ทันคู่ต่อสู้ที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ อีกฝ่ายมีความเร็วสูงเกินไปแล้ว!
พูดถึงความเร็วเพียงอย่างเดียว หากอยู่ในระดับเดียวกัน ต่อให้จะเป็นพวกคังผิงที่ฝึกฝนกระบี่กาลเคลื่อนคล้อย ก็เกรงว่าจะไล่ตามร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเยี่ยนจ้าวเกอไม่ทันเช่นกัน
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกถนัดในเรื่องความเร็วอยู่แล้ว เทียบเคียงได้กับจอมยุทธ์สำนักแสงสว่างที่ฝึกฝนวิชาธารแสงพันมายา ซึ่งกลายเป็นลำแสงได้ตั้งแต่แรก
มาถึงตอนนี้ ค่อยๆ มีผลสำเร็จในการฝึกฝนวิชาคุนเผิงบรรพกาล ความเร็วเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ สามารถเย้ยจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันทั้งหมดบนทะเลหวงเจียได้แล้ว!
แม้แต่เสวียนมู่อ๋องในตอนนี้ก็ได้แต่เสวยฝุ่นอยู่ด้านหลัง คนของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องที่เหลือยิ่งไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ความคิดจะไล่ตามก็ยังไม่ทันได้เกิดขึ้นมาด้วยซ้ำ
เฉินจื้อเหลียงกับไป๋จื่อหมิงมองภาพนี้ สีหน้าซับซ้อนขึ้นมา “ความเร็วเช่นนี้หายากยิ่ง มีจิตของคุนเผิงจริงๆ เสียด้วย”
เสวียนมู่อ๋องขณะกระวนกระวายใจ ก็ค่อยๆ ใจเย็นลง
แม้ว่าจะรู้สึกคับข้องใจ แต่พระองค์ก็ตามติดอยู่ด้านหลังเยี่ยนจ้าวเกอ ไม่ผ่อนคลายแม้แต่น้อย
มาตรว่าความเร็วของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกจะน่าทึ่ง แต่พระองค์ไม่เชื่อว่าจอมยุทธ์ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่จะมีความอดทนมากกว่าเขา
เสวียนมู่อ๋องตัดสินพระทัย ไล่ตามไม่ลดละ ไม่มอบโอกาสพักหายใจให้แก่เยี่ยนจ้าวเกอ ต้องการเผาผลาญพลังกายของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกให้หมดสิ้น
พลังกายหากลดลง ความเร็วย่อมช้าลงไปด้วย
ขอแค่ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกช้าลง พระองค์ก็จะพุ่งเข้าไปบดขยี้มันเป็นผุยผงได้ทันที!
ตนประมาทมากเกินไป แยกจากหอกราชาลี้ลับ ลงไปยังโลกเบื้องล่าง ทิ้งหอกอาวุธศักดิ์สิทธิ์ไว้ที่โลกซ้อนโลก อีกทั้งไม่ได้ทิ้งเอาไว้ในสถานที่ที่มียอดฝีมือคอยเฝ้าคุ้มครองอย่างหนาแน่นดุจหมู่เมฆเช่นที่นครหลวง
สุดท้ายสูญเสียของวิเศษที่สืบทอดต่อกันในราชวงศ์ไป เสวียนมู่อ๋องรู้สึกว่านี่น่าขายน้ายิ่งกว่าการพ่ายแพ้กลับมาจากโลกแปดพิภพเสียอีก
หอกราชาลี้ลับ พระองค์ต้องทวงกลับมาให้ได้!
เยี่ยนจ้าวเกอย่อมมองทะลุความคิดของเสวียนมู่อ๋อง
เขาหัวเราะเหอะๆ พลางโคจรเคล็ดวิชาในคัมภีร์นภาหยินหยาง ปราณหยินปราณหยางผสมผสานกัน ให้กับเนิดซึ่งกันและกันอย่างไม่ขาดสาย
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกนอกจากความเร็วแล้ว ยังขึ้นชื่อในด้านพลัง ในตอนนี้ร่างหลักยังมอบญาณจริงแท้ให้อย่างต่อเนื่อง พลังกายจึงเพิ่มมากขึ้น
เสวียนมู่อ๋องคิดจะผลาญพลังของมัน ยังไม่แน่ว่าฝ่ายไหนจะผลาญฝ่ายไหน
แต่ว่าในตอนนั้นเอง บาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ที่อยู่ห่างออกไปพลันสั่นสะเทือนอีกครั้งหนึ่ง
พวกเยี่ยนจ้าวเกอ เสวียนมู่อ๋อง เฉินจื้อเหลียง และไป๋จื่อหมิง ใบหน้าต่างปรากฏแววประหลาดใจ
สายตาของทุกคนมุ่งไปที่บาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์
จอมยุทธ์ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องมองหน้ากันเอง คนของพวกเขาที่สามารถกลับมาได้ล้วนกลับมาหมดแล้ว
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกยังคงพุ่งทะยาน คอยหลบหลีกเสวียนมู่อ๋อง ส่วนเยี่ยนจ้าวเกอนั่งอยู่บนหลังเงาแสงคุนเผิงที่เกิดจากร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก ทอดสายตามองบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์
ไป๋จื่อหมิงมองบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ กล่าวอย่างตกตะลึงว่า “โลกแปดพิภพมีคนที่มีพลังเหนือกว่าขีดจำกัดการบรรจุของเขตแดน กำลังจะลอยขึ้นมาโลกซ้อนโลกหรือ?”
การลอยจากโลกเบื้องล่างมายังโลกซ้อนโลกของจอมยุทธ์ ไม่ใช่ว่าต้องผ่านบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์เสมอไป
หากไม่ผ่านบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ หลังจากลอยขึ้นมาแล้ว ตำแหน่งที่มาถึงบนโลกซ้อนโลกย่อมมีความเป็นไปได้มากมาย
แต่ถ้าหากว่าอยู่ใกล้ๆ บาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์พอดี เช่นนั้นก็จะผ่านบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์มายังโลกซ้อนโลก โดยตำแหน่งจะอยู่ที่ร่องแยกของบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
มีคนลอยขึ้นมา หรือว่าพลังฝึกปรือไม่ถึงแต่อาศัยของวิเศษขึ้นมา การเปลี่ยนแปลงของบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์จะไม่เหมือนกัน
ไป๋จื่อหมิงตนเองลอยจากโลกยมทะยานขึ้นมา เมื่อเห็นดังนั้นก็แยกแยะออกทันทีว่า โลกแปดพิภพมีใครสักคนที่มีพลังฝึกปรือถึงเกณฑ์แล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี