ควันสีเหลืองพันรอบร่างของหงส์เพลิงตัวนั้น กั้นพายุน้ำสายฟ้าที่อยู่ด้านนอกออกจากตัวมัน
ถึงแม้จะเป็นละอองฝุ่น แต่กลับให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่หนักแน่น เหมือนกับฟ้าดินที่รองรับสรรพสิ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอหรี่ตาลง “ปฐพีอานิสงส์…”
กุศลไร้สิ้นสุด สืบทอดความดี ใช้คุ้มกันกาย ทอดยาวไม่ขาดสาย สิ่งชั่วร้ายไม่อาจกล้ำกราย
ชายหนุ่มสังเกตว่าจิตพลังและกลิ่นอายที่ปรากฏออกมาในขณะที่หงส์เพลิงตัวนั้นสยายปีก มีความรู้สึกคุ้นเคยชนิดหนึ่ง
คล้ายกับร่างจริงแท้ของหงส์เพลิงที่หวังฮุ่ยและหลี่จิ้นซึ่งประมือกับตนก่อนหน้าฝึกฝน
คนตรงหน้านี้ เป็นลูกศิษย์ของประมุขทักษิณอย่างแน่นนอน
นอกจากนั้นพลังฝึกปรือของคนผู้นี้ยังเหนือกว่าหวังฮุ่ยและหลี่จิ้นมากแล้ว ดูจากกลิ่นอายที่เผยออกมา เป็นจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก ขั้นเทวะสำแดงระยะท้าย
บนร่างของเขามีแสงที่สั่นสะท้านจิตใจผู้คนกะพริบ ซ่อนไว้ไม่ยอมปล่อย
ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอที่ครอบครองอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงสองชิ้น อย่างตราประทับตะวันและหอกราชาลี้ลับรู้สึกได้ว่า บนตัวของผู้มาเยือนก็มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงเช่นกัน
เป็นเพราะพวกคังผิง กู้หง และหลัวจื้อเทา พายุแม่เหล็กไร้สิ้นสุดตรงหน้านี้จึงอ่อนแอกว่าตอนปกติ
ถึงแม้จะยังคงรุนแรง แต่เทียบกับยอดฝีมือในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหกซึ่งมีปฐพีอานิสงส์คอยคุ้มกันกาย การคุกคามก็ค่อนข้างมีจำกัดแล้ว
ดังนั้นที่ซ่อนพลังของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ไว้โดยไม่ยอมปล่อยออก จึงเป็นแค่การระวังตัวเท่านั้น
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวในใจ ‘ยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียน ซึ่งเป็นลูกศิษย์ขององค์ประมุขอาคเนย์ก็ไม่ใช่ว่าจะมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงทุกคน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงลูกศิษย์ที่อยู่ในขั้นเทวะสำแดงแล้ว’
‘ถึงแม้ว่าการพกอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงชิ้นหนึ่งเอาไว้เพื่อรับประกันความปลอดภัยในขณะที่เดินทางอยู่ในเขตตะวันอาคเนย์จะถือเป็นเรื่องปกติ แต่เกรงว่าคนตรงหน้านี้จะมีตำแหน่งและสถานะในเขตเพลิงทักษิณไม่ธรรมดา’
ท่ามกลางพายุแม่เหล็กไร้ที่สิ้นสุด ทุกคนมีความสามารถในการรับรู้ลดน้อยลง
แต่ว่ากลิ่นอายของหงส์เพลิงตัวนี้แข็งแกร่งเกินไป นอกจากนั้นยังไม่มีความตั้งใจจะซ่อนไว้แม้แต่น้อย
พวกคังผิงที่กำลังสู้กันอยู่ การเคลื่อนไหวเชื่องช้าลงเล็กน้อย สัมผัสได้ถึงแขกไม่ได้รับเชิญที่จู่ๆ ก็มาถึงผู้นี้
เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกได้ว่า หงส์เพลิงตัวนั้นน่าจะพบการดำรงอยู่ของเขาแล้วเช่นกัน
กระนั้นไม่ว่าจะเป็นกับพวกคังผิงหรือเยี่ยนจ้าวเกอ คนที่ฝึกฝนจิตจริงแท้ของหงส์เพลิงผู้นี้ เหมือนกับมองไม่เห็น ดำอยู่ในทะเลโดยไม่สนใจ
‘ทางเขตเพลิงทักษิณไส่งคนไปเขาโถงทองเพื่อพบประมุขอาคเนย์กับหวังฮุ่ยซึ่งถูกจับไว้ ขณะเดียวกันก็แยกกำลังออกเป็นสองทาง อีกด้านมีคนมายังทะเลหวงเจีย เพียงแต่คนพวกนี้กลับไม่ทราบว่าข้าสังหารหลี่จิ้นซึ่งเป็นศิษย์ร่วมสำนักของเขาไปแล้ว’
ชายหนุ่มใคร่ครวญในใจอย่าง ‘รีบมาที่นี่ถึงเพียงนี้ คิดจะทำอะไรกันแน่?’
เพื่อฝักกระบี่ด้านในวังร้างที่มีคำว่า ‘กลืนฟ้า’ สลักเอาไว้ หรือว่าด้านในวังวังนั้นจะยังมีของอะไรอีก?
เขาทางหนึ่งคิด ทางหนึ่งดำอยู่ในก้นทะเลต่อ ตามการนำทางของเตากลืนดิน
หลังจากสัมผัสได้ว่าเยี่ยนจ้าวเกอกับตัวเองไปทางเดียวกัน หงส์เพลิงตัวนั้นก็หยุดลง
เยี่ยนจ้าวเกอระวังตัวขึ้นมา ได้ยินอีกฝ่ายส่งเสียงมาจากในเปลวเพลิง “เจ้าเป็นตัวอะไรกัน? กล้าหมายตาของที่ข้าต้องการหรือ?”
หงส์เพลิงกระพือปีกอย่างรุนแรงครั้งหนึ่ง ลูกศรเพลิงหลายสายแทรกอยู่ในน้ำวนและพายุแม่เหล็กไร้สิ้นสุด ก่อนจะพุ่งมาทางเยี่ยนจ้าวเกอ
เปลวเพลิงที่มีจิตจริงแท้ของหงส์เพลิงนั้นแม้จะอยู่ในมหาสมุทร แต่กลับไม่ได้รับผลกระทบอะไรแม้แต่น้อย
ลูกศรเพลิงผสมกับสายฟ้าสีม่วงอมเขียว อานุภาพเหี้ยมหาญกว่าเดิม
ทันทีที่เยี่ยนจ้าวเกอสัมผัสได้ ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกก็ขวางหอกธงเมฆาไว้ด้านหน้า
แทบจะเป็นในเวลาเดียวกัน ลูกศรเพลิงที่ดุร้ายนั้นก็ปะทะเข้ากับตัวหอก
เงาแสงของวิหคเจ็ดตัวทะยานขึ้นบนหอกธงเมฆา ทว่าพวกมันส่งเสียงร้องโหยหวนตลอดเวลา เพราะถูกลูกศรเพลิงพุ่งใส่ครั้งแล้วครั้งเล่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี