ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี นิยาย บท 771

หงส์เพลิงตัวนั้นชนเข้ากับเงาแสงคุนเผิง แต่การร่วงหล่นลงมาของตราประทับตะวันทำให้มันมึนงง โซเซไปด้านหลัง

นับว่าร่างจริงแท้ของหงส์เพลิง อานิสงส์และบารมีอันเป็นสองคุณธรรมที่เขาฝึกฝน เสริมพลังคุ้มกันกาย มีพลังป้องกันน่าทึ่งยิ่ง

หากเปลี่ยนเป็นเสวียนมู่อ๋องไม่ก็หลัวจื้อเทา ถ้าป้องกันไม่ทันเช่นนี้ คงถูกตราประทับตะวันพุ่งใส่จนศีรษะแตกเลือดอาบไปแล้ว

เมื่อได้รับการโจมตีจากตราประทับตะวัน อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงบนร่างของเขาย่อมเกิดการตอบสนอง

ประกายแสงสีแดงเข้มสายหนึ่งแผ่พุ่งออกมาในก้นทะเล ครอบคลุมสี่ทิศ กันตราประทับตะวันไว้

ด้านในเปลวเพลิงมีเสียงดังมาว่า “มิน่าล่ะ นี่คือตัวช่วยของเจ้าหรือ?”

สิ่งที่เขาต้องการ ผู้อื่นห้ามนำไป ผู้ใดกล้าเข้าใกล้ ต้องถูกสังหารทิ้ง

แต่อีกฝ่ายกลับยโสโอหังยิ่งกว่าเขา จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่คนหนึ่ง เขาขี้คร้านจะลงมืออีก จึงไว้ชีวิต แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมเลิกรา กล้าปะทะกับเขาที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหกเช่นนั้นหรือ?

ตอนแรกเขายังสับสนอยู่เล็กน้อย แต่ตอนนี้รู้สึกตัวแล้ว

“เป็นของล้ำค่านัก คล้ายตราประทับตะวัน ของวิเศษที่ราชันพระอาทิตย์เคยพกติดตัว เจ้าเป็นใครกัน ถึงได้มีของล้ำค่าเช่นนี้? เป็นผู้สืบทอดของราชันพระอาทิตย์หรือ?”

หงส์เพลิงกระพือปีกอย่างรุนแรง ประกายแสงสีแสดเข้มม้วนเข้าไปหาตราประทับตะวันและร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก

เยี่ยนจ้าวเกอไม่ตอบ ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกใช้เตากลืนดินกันพลังอันยิ่งใหญ่ของอีกฝ่าย จากนั้นก็ฝืนสะกดเลือดลมที่พลุ่งพล่านของตัวเอง หมุนตัวโดยฉับพลัน

เงาแสงคุนเผิงรวมตัวกันอีกครั้ง แสดงความเร็วถึงขีดสุดออกมา นำหน้าไปอยู่เบื้องหน้าหงส์เพลิงตัวนั้นพร้อมกับตราประทับตะวัน แล้วพุ่งไปที่ก้นทะเล

หงส์เพลิงส่งเสียงร้อง ออกตัวหลังแต่มาถึงก่อน เข้าใกล้ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกในชั่วพริบตา

ความเร็วสู้ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกที่อยู่ในระดับเดียวกันไม่ได้ แต่ก็รวดเร็วดุดันถึงขีดสุดเช่นกัน

“เจ้าไม่ตอบ เช่นนั้นก็อย่าโทษข้าไม่เกรงใจ ขอจับตัวเจ้าไว้ก่อนแล้วกัน!”

ท่ามกลางเสียงร้องของหงส์เพลิง อีกฝ่ายพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน

ตอนแรกถูกตราประทับตะวันเล่นงานจนรับมือไม่ทัน แต่ตอนนี้เขาสงบจิตใจได้แล้ว

จอมยุทธ์ขั้นเทวะสำแดงก็คือขั้นเทวะสำแดง ไม่อาจสำแดงพลังของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงได้เต็มที่เหมือนกับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียน มิพักเอ่ยถึงอาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุดอย่างตราประทับตะวัน

เขามีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงอยู่กับตัวเช่นกัน ทุกคนต่างไม่อาจสำแดงพลังได้เต็มที่ แต่ก็ลดทอนการคุมคามจากตราประทับตะวันได้อยู่ดี

ถึงอย่างไรระดับพลังฝึกปรือของเขาก็สูงกว่า ขาดอีกแค่ก้าวเดียวก็จะเลื่อนสู่ขั้นสะพานเซียนได้แล้ว

เมื่อไร้การคุกคามจากตราประทับตะวัน เขาอยากรู้ว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะยังมีตัวช่วยอะไรอีก

อีกฝ่ายไล่ตามมาถึงด้านหลัง เยี่ยนจ้าวเกอกลับไม่หันหน้า เพียงแค่นเสียงกล่าวว่า “คุณสมบัติของหงส์เพลิงนั้นบริสุทธิ์ ไม่ใช่ยโสโอหังหรือคุกคามผู้คน”

พวกเขาในตอนนี้ห่างจากก้นทะเลแค่คืบเดียวเท่านั้น

สายตาของเยี่ยนจ้าวเกอสามารถมองเห็นวังร้างแห่งนั้นได้แล้ว

ลักษณะเหมือนกับในภาพที่เขาเห็นผ่านเตากลืนดิน ไม่มีอะไรแตกต่างแม้แต่น้อย เพียงแต่ดูธรรมดาและผุผัง

มันตั้งอยู่ตรงนั้น ไม่มีความพิเศษตรงไหนเลย เหมือนกับซากปรักหักพักของวังที่ไม่สะดุตา ซึ่งพังทลายมานานแล้ว

กระนั้นมันก็มีความพิเศษน่าอัศจรรย์ต่างกับภาพที่เขาเห็นผ่านเตากลืนดิน ดึงดูดความสนใจทั้งหมดของผู้คน เหมือนสามารถดูดวิญญาณให้เข้าไปได้

เมื่อเห็นวังแห่งนี้ เตากลืนดินในมือของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกก็พลันพุ่งเข้าไปหา

เตาเครื่องหอมสีดำขนาดเล็กที่ไม่สะดุดตา กลายเป็นแสงสีดำสายหนึ่ง ทะลุน้ำวน เคลื่อนที่ไปยังก้นทะเล

หลังจากเตากลืนดินเข้าไปในวังแห่งนั้นแล้ว น่านน้ำรอบๆ ก็พลันสงบลง

มหาสมุทรที่ก่อนหน้านี้มีคลื่นใต้น้ำซัดโหม และงูสายฟ้าแลบแปลบปลาบก็เหมือนกับหยุดลงโดยพลัน

ต่อจากนั้น มหาสมุทรก็มีสภาพดุจเดิม พายุแม่เหล็กไร้สิ้นสุดพัดม้วนไปทั่ว

ทว่าพลันมีคลื่นสีดำหลายสายแผ่กระจายไปรอบๆ บริเวณ โดยมีวังแห่งนั้นเป็นศูนย์กลาง

วังผุพังแห่งนั้นปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเยี่ยนจ้าวเกอ เตากลืนดินในมือส่งเสียงร้องและขยับเบาๆ

เยี่ยนจ้าวเกอหันไปมอง เห็นแสงแสงสีดำขลับเริ่มหายไป หงส์เพลิงกำลังพุ่งมาที่วังแห่งนี้เช่นกัน

นอกจากนั้นแล้ว ที่น่านน้ำเบื้องบนยังมีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งโชยลงมา น่าจะเป็นพวกหลัวจื้อเทาและคังผิง

ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะหมุนกายเดินเข้าไปในวังผุผัง

แต่ว่าในชั่วพริบตาที่ก้าวเข้าไปในวังแห่งนั้น ในใจของเยี่ยนจ้าวเกอก็ปรากฏความเย็นเยียบ ตรงหน้าเหมือนมีดวงตาสองดวงกำลังจับจ้องตนอยู่

เขาขมวดคิ้ว ฝีเท้าหยุดลงเล็กน้อย จากนั้นก็สาวเท้าเข้าไปในวังต่อ

ด้านในตัววังดูทรุดโทรมเช่นกัน ผิวของสิ่งก่อสร้างมีลวดลายอาคมที่เข้าใจความหมายยากอยู่มากมาย

หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอสำรวจอย่างละเอียด ก็สัมผัสได้ว่าลวดลายอาคมเหล่านี้เหมือนจารึกของเผ่าปีศาจอยู่หลายส่วน

แต่หากดูจากรากฐานจะเห็นได้ว่า น่าจะเป็นสิ่งที่มนุษย์หลงเหลือไว้ แต่ด้านในได้ผสมความน่าอัศจรรย์ของจารึกจากเผ่าปีศาจ

โดยเฉพาะสิ่งที่ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอสนใจก็คือ ถึงแม้ว่าลวดลายอาคมจะได้รับความเสียหาย แต่ด้านในกลับแฝงจิตแห่งหลักการที่สมบูรณ์เอาไว้

เพียงแต่ว่าจิตแห่งหลักการนี้ดูบิดเบี้ยวและชั่วร้ายชอบกล

ดูเหมือนคนที่ทิ้งลวดลายอาคมไว้ ตั้งใจจากทำให้ที่นี่ทรุดโทรม เพื่อให้ได้เป้าหมายที่ต้องการ

เหมือนคนที่เลียนแบบของโบราณ ตั้งใจใช้วิธีเก่าแก่โดยเฉพาะ

เยี่ยนจ้าวเกอสูดหายใจลึก มุ่งหน้าล่วงลึกเข้าไปด้านในตัววังต่อ

ไม่ทันไร ด้านนอกวังก็มีแสงไฟปรากฏขึ้น หงส์เพลิงตัวหนึ่งพุ่งลงมาถึงด้านหน้าประตูวัง

แสงไฟหายไป เผยให้เห็นเงาร่างของบุรุษหนุ่มผู้หนึ่ง กำลังมองวังที่อยู่ด้านหน้าด้วยใบหน้าอึมครึม

………………..

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี