ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี นิยาย บท 778

เมิ่งหวานมองเฟิงอวิ๋นเซิงอย่างเรียบเฉย ยิ้มเล็กน้อย “ศิษย์พี่เฟิง บางทีข้าอาจจะรอวันนี้มาโดยตลอด”

คำว่ารอมาโดยตลอดที่นางพูด ไม่ใช่การมอบมงกุฎจันทราให้แก่เฟิงอวิ๋นเซิงด้วยมือตัวเอง

แต่เป็นการรอคอย เพื่อต่อสู้กับศิษย์พี่ที่ใกล้ชิดกับตนที่สุดผู้นี้ เพื่อดูว่าใครกันแน่คือสตรีแห่งจันทราที่แข็งแกร่งที่สุด

มาตรว่าตอนอยู่ในโลกแปดพิภพจะโดดเด่นเหนือใคร สยบคนทุกคน แต่เมิ่งหวานกลับไม่เคยลืมว่านางเป็นตัวสำรองของเฟิงอวิ๋นเซิงมาตั้งแต่แรกเริ่ม

เฟิงอวิ๋นเซิงในตอนนั้นไม่ได้รู้สึกประหลาดใจ ทว่าทุกสิ่งต่อจากนั้นเป็นอย่างไร ก็ไม่มีคนรู้แล้ว

เฉินซู่ถิงแห่งเมืองทะเลมรกตที่เคยฉวยโอกาสที่นางบาดเจ็บเอาชนะไปได้ ในการทดสอบแห่งจันทราครั้งที่หนึ่ง

ฝานชิวแห่งหอคลื่นโหมที่เอาชนะไปได้เพราะนางถอยให้เนื่องจากฝึกฝนวิชาพิเศษ ในการทดสอบแห่งจันทราครั้งที่สี่

อวิ๋นซิ่วชิง สตรีแห่งจันทราคนที่สามซึ่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ชุบเลี้ยง เพื่อเป็นตัวสำรองให้กับนาง

คนเหล่านี้ เมิ่งหวานมีความมั่นใจเด็ดขาด

ขอแค่นางไม่มีปัญหาอะไร นางก็คือผู้ชนะเลิศตลอดกาลของการทดสอบแห่งจันทรา พวกเฉินซู่ถิง ฝานชิวไม่อาจเขย่าตำแหน่งของนางได้

ยิ่งอย่าพูดถึงหลิงฮุ่ยแห่งเขาไร้พรมแดน และพวกเหนียนเหล่ยแห่งตำหนักอัสนีสวรรค์

เฟิงอวิ๋นเซิงเสียเวลาไปเปล่าๆ สองปี เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ไม่อาจไล่ตามนางได้ทัน

แต่ว่าถ้าหากไม่มีการเสียเวลาสองปีนี้ ทุกคนต่างฝึกฝนเป็นปกติ ตนไหนเลยจะก้าวข้ามศิษย์พี่เฟิง และเอาชนะศิษย์พี่เฟิงได้?

นี่เป็นเรื่องเดียวในการทดสอบแห่งจันทราที่นางไม่มีความมั่นใจ

มงกุฎจันทราสำหรับเฟิงอวิ๋นเซิงเป็นทิฐิอย่างหนึ่ง ส่วนเรื่องในอดีตนั้น ส่วนลึกของจิตใจของเมิ่งหวานก็มีความเสียดายเช่นกัน

ปัจจุบัน ปัญหานี้ในที่สุดก็จะมีคำตอบแล้ว

เฟิงอวิ๋นเซิงกลับเหมือนสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาจริงๆ ชดเชยเวลาสองปีที่เสียไปเปล่าๆ ถึงขั้นที่พัฒนาเร็วและพัฒนาไปไกลกว่านาง

เมิ่งหวานรู้สึกดีใจแทนเฟิงอวิ๋นเซิง แต่นางไม่มีทางยกธงขาวยอมแพ้

ต่อให้ไม่ถูกสำนักแสงสว่างพามายังโลกซ้อนโลก ยังอยู่ในโลกแปดพิภพ ในการเผชิญหน้ากับเขากว่างเฉิงที่สยบทั้งแปดทิศ นางก็จะไม่มีทางยกธงขาว

ขณะมองเฟิงอวิ๋นเซิงที่อยู่เบื้องหน้า เมิ่งหวานก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ศิษย์พี่เฟิง น่าเสียดายนัก ตอนนี้ข้าต้องเป็นคู่ต่อสู้เสียแล้ว แม้ว่าจะไม่มีการทดสอบแห่งจันทรา พวกเราก็ต้องสู้กันอยู่ดี ท่านคือลูกศิษย์ของเขากว่างเฉิง ข้าคือลูกศิษย์ของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ และเขากว่างเฉิงก็ได้ทำลายสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว”

“ข้าแม้ว่าจะไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจและการกระทำมากมายของสำนัก ของอาจารย์ปู่หวงผู้เป็นอาจารย์ลุงของอาจารย์ อาจารย์ลุงหวงเจ้าสำนัก และศิษย์พี่หวง แต่สุดท้ายข้าก็เป็นศิษย์ของอาจารย์ เป็นศิษย์ของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ เพราะท่านอาจารย์ชุบเลี้ยงและชี้แนะข้า จึงค่อยๆ เดินมาถึงวันนี้ได้”

“เพื่อท่านอาจารย์ เพื่อสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ข้าจะแพ้ไม่ได้ ข้าถึงขั้นไม่อาจดำเนินการทดสอบแห่งจันทราที่ช้าไปหลายปีต่อได้ เรื่องราวในตอนนี้ จำเป็นต้องใช้ความเป็นไปได้ทั้งหมด ใช้ความสามารถทั้งหมดเพื่อชิงชัย ข้าจำเป็นต้องใช้มงกุฎจันทราเป็นอาวุธ เพื่อสู้กับศิษย์พี่เยี่ยนผู้นั้น เพื่อสู้กับท่าน”

เมิ่งหวานสีหน้าไร้อารมณ์ แต่สายตาแน่วแน่ ไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย

เฟิงอวิ๋นเซิงอาจจะเป็นคนไม่กี่คนบนโลกใบนี้ที่เข้าใจเมิ่งหวานมากที่สุด

ด้วยความเข้าใจที่นางมีต่อเมิ่งหวาน เกรงว่านางจะปฏิเสธเรื่องละทิ้งสำนักแสงสว่าง แล้วสวามิภักดิ์ต่อราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องเหมือนกับถังหย่งฮ่าว

เมิ่งหวานในตอนนี้ไม่เหมือนกับถังหย่งฮ่าว ที่พลังฝึกปรือไม่อาจส่งผลต่อจางเชาได้ มีความสามารถในการกล่าวว่า ‘ไม่’

แต่นางไม่ได้พูด

นางไม่ได้คุ้นเคยกับจางเชา แต่เพื่อตอบแทนการเลี้ยงดูของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ นางยินดีฟังความเห็นของจางเชา ยอมรับว่ามงกุฎจันทราเป็นของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่ของนางเมิ่งหวานเพียงคนเดียว

บางทีท่าทีเช่นนี้อาจจะไม่คงอยู่ตลอดกาล แต่อย่างน้อยปัจจุบันก็ยังคงเป็นเช่นนี้

การต่อสู้กับเฟิงอวิ๋นเซิงในตอนนี้ก็เหมือนกัน

อานุภาพนั้นไม่ด้อยกว่าการลงมือด้วยพลังทั้งหมดของยอดฝีมือที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดงเลย!

พลังอาทิตย์ยะเยือกกับพลังแห่งจันทรากระแทกกัน สภาวะน่าตกใจยิ่ง

เยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ด้านข้างเห็นดังนั้นก็ยิ้มขึ้นเล็กน้อย “น่าเสียดายที่ไม่อาจชมการต่อสู้นี้สบายๆ ได้”

กระบี่รุ้งพร่างพราวมาอยู่ในมือ หนึ่งกระบี่ฟันออก ประกายกระบี่ที่เหมือนกับกระแสเวลาของคังเม่าเซิง พลันถูกกระเพื่อม เหมือนกับพร้อมจะขาดออกได้ตลอดเวลา

คังเม่าเซิงกับคังจิ่นหยวนเห็นดังนั้นต่างสูดหายใจเย็นเยียบ ‘ท่านพ่อเคยบอกว่าวิชากระบี่ของเขาคมกล้าเหนือจินตนาการ แต่หากไม่เห็นด้วยตาตัวเอง ใครจะนึกออกบ้างว่าจะมีอานุภาพขนาดนี้?’

เยี่ยนจ้าวเกอเห็นกลับหัวเราะขึ้น ‘เป็นวรยุทธ์จากคัมภีร์นภากาลเวลาจริงๆ เสียด้วย น่าเสียดายที่วรยุทธ์ของข้าคือกระบี่สังหารเซียน ไม่ใช่กระบี่ลวงเซียน’

ในใจแม้จะคิดเช่นนี้ แต่ว่าขณะที่เยี่ยนจ้าวเกอฟันกระบี่ใส่คังเม่าเซิงด้วยสีหน้าผ่อนคลาย ขณะเดียวกันก็ฟาดฝ่ามือหนึ่งใส่จางเชาไปด้วย

จางเชาผลักสองมือออกพร้อมกัน ดวงอาทิตย์สีทองสองดวงผสานกัน ประกอบกันเป็นพลังหมัดที่กล้าแข็ง ก่อนจะปะทะกับฝ่ามือของเยี่ยนจ้าวเกอ

ทว่าพลังของทั้งสองฝ่ายเพิ่งจะสัมผัสกัน แสงอาทิตย์สีทองก็พลันริบหรี่ลงไป อุณหภูมิเริ่มเย็นลง

พลังหมัดอันกล้าแข็งของจางเชาถูกรอยตราพลิกนภาพลิกเอกภพ แล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ไม่รอให้จางเชาตอบสนองต่อ สภาวะฝ่ามือของเยี่ยนจ้าวเกอก็เปลี่ยนแปลงอีกครั้ง

เขาหุบสี่นิ้ว เหลือไว้เพียงแค่นิ้วชี้ จากนั้นก็แทงใส่จางเชา

แสงสว่างสีขาวซีดปรากฏขึ้นบนปลายนิ้วของชายหนุ่ม มันเหนี่ยวนำให้พลังหมัดอันกล้าแข็งของจางเชากลายเป็นพลังหมัดที่นุ่มนวล ก่อนจะม้วนกลับไปหาตัวเขาเอง!

คัมภีร์นภาหยินหยาง บรรยายถึงหยินหยาง!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี