เวลาผันแปร การทดสอบแห่งจันทราสลายหายกลายเป็นควันเมฆ
สำหรับเฟิงอวิ๋นเซิงแล้ว มงกุฎจันทราไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต และไม่ใช่เป้าหมายของชีวิตมานานแล้ว
แต่ว่าขณะมองดูนางที่ล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า จนในที่สุดก็ประสบความสำเร็จ เยี่ยนจ้าวเกอก็ทอดถอนใจ รู้สึกดีใจแทนนาง
ราวๆ แปดปีก่อนหน้านี้ นางควรจะได้ทุกสิ่งนี้ไปแล้ว
เดิมทีไม่จำเป็นต้องรอนานขนาดนั้น แต่ว่าเรื่องราวมักเต็มไปด้วยอุปสรรค เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง เฟิงอวิ๋นเซิงสุดท้ายก็ได้แต่เดินเฉียดมงกุฎจันทรา
แม้แต่โอกาสจากการทดสอบแห่งจันทราก็หายไปด้วยเช่นกัน
ดีที่ในที่สุดทุกอย่างก็จบลงเสียที
บุรุษหนุ่มที่อยู่ใต้การครอบคลุมของเงาแสงหงส์เพลิงผู้นั้น มองเหตุการณ์นี้ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ‘เป็นแค่คนจากโลกเบื้องล่าง กลับครอบครองของล้ำค่ามากมายขนาดนี้ ไม่กลัวว่าตนจะแบกรับความสำคัญของพวกมันไม่ไหวหรือ? ประเดี๋ยวก็กลายเป็นชาวบ้านไร้ความผิด ครั้นครองหยกก็กลายเป็นผิดหรอก’
เฟิงอวิ๋นเซิงไม่ได้อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ นางจึงสูญเสียพลังมากเกินไปในการต่อสู้กับเมิ่งหวาน
ตอนนี้แม้ว่าจะชิงมงกุฎจันทรามาได้ แต่ก็ไม่มีพลังพอจะต่อสู้อีก ไม่ว่าจะเป็นมงกุฎจันทราหรือดาบเทพอาทิตย์ยะเยือก นางล้วนไม่อาจกระตุ้นพลังของพวกมันต่อได้
เยี่ยนจ้าวเกอร่วมมือกับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก บังคับตราประทับตะวันกับดาบปีศาจเทาเที่ยพร้อมกัน ก็ถือว่าถึงขีดสุดแล้วเช่นกัน
เขาสูญเสียพลังของญาณจริงแท้ไปมหาศาล ความเร็วในการฟื้นฟูของคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตและคัมภีร์นภาหยินหยางไล่ตามความเร็วในการถูกผลาญพลังไม่ทัน อีกไม่นานเยี่ยนจ้าวเกอก็จะไม่อาจควบคุมอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงได้อีก
ทว่าโอกาสที่เขารอมาถึงแล้ว
ในตอนที่เฟิงอวิ๋นเซิงโจมตีเมิ่งหวาน และได้มงกุฎจันทรามา เยี่ยนจ้าวเกอก็หยิบผลึกชิ้นหนึ่งออกมา แล้วใช้ฝ่ามือบี้มัน
เขาดีดนิ้วครั้งหนึ่ง “พ่านพ่าน?”
นอกจากสถานที่ที่ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันแล้ว พ่านพ่านที่บัดนี้ร่างกายใหญ่ขึ้นเท่าภูเขาอยู่ในบ่อเลือดอันเกิดจากหัวใจปีศาจของเทาเที่ย ก็ก้มหน้ามองด้านหน้าตัวเอง ผลึกชิ้นหนึ่งที่ตอนแรกลอยอยู่กลางอากาศ เหมือนกับถูกอะไรบางอย่างเหนี่ยวนำ พลันแตกสลาย
พ่านพ่านกะพริบตาปริบๆ ผิวยังคงมีแสงสีฟ้าครามเคลื่อนไหว พุ่งออกด้านนอกบ่อเลือด
หลังจากเวลาผ่านไป วังศิลาที่อยู่ติดกับบ่อเลือดแม้ไม่ได้กลายเป็นหลุมดำ แต่ก็ถล่มอย่างต่อเนื่อง
พ่านพ่านพุ่งออกจากวังศิลาผ่านช่องว่าง จากนั้นร่างกายก็ใหญ่ขึ้นอีกขั้นหนึ่ง
ร่างกายขนาดมหึมาที่ตอนแรกเหมือนกับภูเขา พองออกอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมที่ว่าง บังฟ้าบังตะวัน
สุดท้าย แม้แต่วังศิลาทรุดโทรมด้านหน้า ก็ยังดูเล็กจ้อยเมื่อเทียบกับตัวมัน!
ในดวงตาของพ่านพ่านฉายแววคลุ้มคลั่งอีกครั้ง หลังจากร้องคำรามครั้งหนึ่ง มันก็อ้าปากขึ้น กัดใส่วังศิลาที่กำลังพังทลายลง!
ตำแหน่งที่มันกัดคือบริเวณที่บ่อเลือดแห้งขอดอยู่ เป็นหัวใจของเทาเที่ยนั่นเอง
บ่อเลือดถูกพ่านพ่านกัดใส่ จากนั้นก็ถูกกลืนเข้าไป
ส่วนหนึ่งของวังศิลาทรุดโทรมที่ตอนแรกมีบ่อเลือดเป็นศูนย์กลาง พลันคงสภาพต่อไปไม่ไหว แหลกสลายลงโดยสิ้นเชิง
ซากปรักหักพังของตัววังที่อยู่รอบๆ พวกเยี่ยนจ้าวเกอซึ่งกำลังต่อสู้กันอยู่ในวังศิลา ยามนี้กำลังถล่มลงมา
เหนือศีรษะปรากฏดวงอาทิตย์อีกครั้ง มองเห็นท้องฟ้าของโลกซ้อนโลกได้แล้ว
รอบๆ เป็นน้ำทะเลที่ไหลเชี่ยว ประกอบกันเป็นน้ำวนขนาดยักษ์
ทุกคนตอนนี้กำลังอยู่ในใจกลางน้ำวน ด้านล่างน้ำวนเป็นสีดำสนิท คือหลุมดำขนาดยักษ์ซึ่งเกิดจากการพังทลายของศพเทาเที่ย
หลุมดำแผ่ขยายออก ลามไปรอบๆ กลืนกินทุกสิ่งที่อยู่ด้านบนอย่างดุร้าย หมายจะดึงทุกสรรพสิ่งลงไป
บ่อเลือดถูกพ่านพ่านกลืนกิน วังศิลาพังทลายโดยสมบูรณ์
บุรุษที่อยู่ใต้การปกคลุมของเงาแสงหงส์เพลิง สัมผัสถึงความผิดปกติได้ทันที
พลังกลืนกินอันน่ากลัวของหลุมขมุกขมัวเบื้องล่างส่งผลต่อเขาเช่นกัน
ถึงกับมีลำแสงสีดำหลายสายพุ่งออกมาจากในน้ำวน ม้วนเข้ามาหาเขา!
เขาขมวดคิ้ว รีบร้อนเพิ่มพลัง หงส์เพลิงสยายปีกบินสูง ทะยานขึ้นด้านบน เพื่อหลบเลี่ยงไม่ให้ถูกหลุมสีดำขมุกขมัวด้านล่างดูดไว้
ด้วยพลังฝึกปรือของเขา ต่อให้มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงคอยคุ้มครอง แต่ถ้าเกิดกตกลงไปด้านในหลุมสีดำขมุกขมัวจริงๆ พอหลุมพังทลาย ก็ย่อมประสบผลร้ายมากกว่าผลดีเช่นกัน
ทว่าไม่ทันไร ด้านหน้าเขาก็มีประกายกระบี่สีดำสายหนึ่งปรากฏขึ้น กลิ่นอายพลังเหมือนกับหลุมสีดำขมุกขมัวเบื้องล่างถึงขีดสุด
เป็นเยี่ยนจ้าวเกอลงมืออีกครั้ง
อีกฝ่ายไม่หวั่นวิตก แต่เมื่อพินิจมองดูอย่างละเอียด จิตใจพลันเย็นเยียบไปครึ่งหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี