ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี นิยาย บท 799

เฮยจู่ก็คือยอดฝีมือคนที่สังหารจอมปีศาจเทาเที่ย สร้างฝักกระบี่กลืนฟ้าและเตากลืนกิน รวมถึงหลอมกระบี่ปีศาจเทาเที่ยผู้นั้น

กระดูกหงส์เพลิงที่จวงเจาฮุยต้องการ ก็เป็นสมบัติที่เฮยจู่ทิ้งไว้เช่นกัน

หากคำนวณดูแล้ว เฮยจู่คงจะเกิดมาก่อนเฉาเจี๋ย

ที่ก่อนหน้านี้เขาไม่ทราบว่าเฮยจู่ได้ทิ้งรังสัตว์ร้ายไว้ในเขตตะวันอาคเนย์ นับว่ายังพอแก้ตัวได้

ทว่าตอนนี้ในเมื่อทราบแล้ว ย่อมทำเป็นไม่สนใจไม่ได้อีก

ถึงอย่างไรเฮยจู่ในอดีตก็ไม่ได้มีพลังฝึกปรือด้อยกว่าเขาเฉาเจี๋ย

เยี่ยนจ้าวเกอตอบ “หากคาดไว้ไม่ผิด เฮยจู่สมควรเสียชีวิตไปแล้ว เพียงแต่ว่ารายละเอียดและสถานที่อย่างเป็นรูปธรรม ข้าเองก็ไม่ทราบ”

“แต่หากดูจากปฏิกิริยาในตอนที่ข้าหลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์ เจ้าของคนเดิมไม่ได้อยู่ในโลกใบนี้แล้ว”

เฉาเจี๋ยได้ยินก็พยักหน้าเล็กน้อย สายตากวาดผ่านพวกเยี่ยนจ้าวเกอ เยี่ยนตี๋ และเฟิงอวิ๋นเซิง “จื้อเหลียงเคยบอกว่า ท่านแม้จะมีตราประทับตะวัน แต่ไม่ทราบถึงข่าวคราวของราชันพระอาทิตย์”

เยี่ยนจ้าวเกอตอบอย่างตรงไปตรงมา “ขอไม่ปิดบัง หลังจากข้ามาถึงโลกซ้อนโลก ก็เพิ่งเคยได้ยินชื่อของราชันพระอาทิตย์เป็นครั้งแรก”

“ตอนที่ได้ตราประทับตะวันในโลกแปดพิภพเมื่อก่อนหน้านี้ ของวิเศษชิ้นนี้เดิมทีใช้สะกดร่องแยกนพยมโลกแห่งหนึ่ง เจ้าของคนเดิมไม่ได้ทิ้งข่าวสารอะไรเอาไว้”

“ที่กระตุ้นเคล็ดวิชาของของวิเศษชิ้นนี้ได้ เป็นเพราะข้าค่อยๆ ศึกษามันด้วยตัวเอง”

เฉาเจี๋ยได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้พูดว่าเชื่อหรือพูดว่าไม่เชื่อ “เช่นนั้นพวกท่านเคยเจอราชันพระจันทร์มาก่อนหรือไม่?”

พวกเยี่ยนจ้าวเกอส่ายหน้า

เยี่ยนตี๋กล่าวว่า “มงกุฎจันทราของวิเศษชิ้นนี้เป็นจอมยุทธ์ที่อยู่ในโลกแปดพิภพ ซึ่งค้นพบโดยบังเอิญ และไม่ได้เจอกับเจ้าของคนเดิม”

เยี่ยนจ้าวเกอพูดเสริม “หลังจากมายังโลกซ้อนโลก และได้ยินเรื่องเก้านพเคราะห์แห่งคุนหลุนใหม่ พวกเราจึงค่อยอนุมานว่าของวิเศษชิ้นนี้เกี่ยวข้องกับราชันพระจันทร์โดยอิงตามตราประทับตะวัน ต่อมาจึงได้ข้อพิสูจน์จากราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องและจากปากของท่านเฉินลูกศิษย์ของท่าน”

เฉาเจี๋ยพยักหน้าช้าๆ สายตาอยู่บนตัวเฟิงอวิ๋นเซิง “ดาบของสหายน้อย ให้ข้าดูได้หรือไม่?”

เฟิงอวิ๋นเซิงปลดดาบเทพอาทิตย์ยะเยือก ส่งให้ประมุขอาคเนย์พร้อมกับฝักดาบ

‘พลังแห่งการกัดกร่อน ไม่ใช่พระเกตุ แต่เป็นพลังของพระราหู…’ เฉาเจี๋ยดึงดาบยาวสีดำออกมาครึ่งหนึ่ง จ้องมองอยู่สักพัก ‘ต่อมาค่อยหลอมผสมพลังอาทิตย์ย้อน สองรวมเป็นหนึ่ง ความสำเร็จน่าจะอยู่บนดาบราหูในอดีต’

เขาดันดาบกลับไปในฝัก แล้วมองเฟิงอวิ๋นเซิงอีกครั้ง ‘ไม่ใช่ยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่กลับชาติมาเกิด แต่เข้ากับดาบเล่มนี้ได้ อีกทั้งยังไม่ใช่วิญญาณดาบด้วย หายาก ช่างหายากนัก…’

เฉาเจี๋ยส่ายหน้า ก่อนจะคืนดาบเทพอาทิตย์ยะเยือกให้เฟิงอวิ๋นเซิง

เขาเหมือนไม่มีสิ่งที่จะถามต่อแล้ว เพียงแต่สุดท้ายก็ใช้สายตาสำรวจพวกเยี่ยนจ้าวเกออย่างละเอียด

ในดวงตาฉายแววชมเชย แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา

เฉาเจี๋ยโบกมือเบาๆ “แม้เขตตะวันอาคเนย์จะกว้างใหญ่ พวกท่านสามารถไปที่ไหนก็ได้ เพียงแต่ทางเนินต้นจักรพรรดิในเขตเพลิงทักษิณ เรื่องราวมีเพียงหัวหางไม่มีปม บางทีอาจเกิดปัญหาตามมา”

เมื่อรับรู้ถึงเจตนาส่งแขกในคำพูด พวกเยี่ยนจ้าวเกอก็ประสานมือ จากนั้นก็บอกลาและผละมา

หลังจากออกจากตำหนักใหญ่ เฟิงอวิ๋นเซิงก็ถามอย่างสงสัย “รู้สึกว่าประมุขอาคเนย์ผู้นี้ยังตั้งใจจะบอกอะไรอีกสักอย่างกระมัง?”

เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะ “น่าจะเกี่ยวกับคัมภีร์กระบี่สังหารเซียนที่ข้าฝึกฝน”

เยี่ยนตี๋ว่า “การอนุมานต่อหลินฮั่นหัวของเจ้าน่าจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว”

ชายหนุ่มพยักหน้า ก่อนจะเจอเฉินจื้อเหลียง อาหู่ และเสี่ยวอ้ายที่รออยู่ด้านนอก

เมื่อทราบว่าประมุขอาคเนย์อนุญาตให้เขากว่างเฉิงสร้างสำนักรับลูกศิษย์บนทะเลหวงเจีย เฉินจื้อเหลียงก็ยิ้มเอ่ยว่า “เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ขอยินดีกับทุกท่านแล้ว”

เยี่ยนจ้าวเกอแบมือ ญาณจริงแท้รวมตัวกันกลายเป็นเงาแสงของสตรีนางหนึ่งที่กลางฝ่ามือ “ยังมีอีกเรื่อง ไม่ทราบว่าท่านเฉินรู้จักคนผู้นี้หรือไม่?”

สตรีนางนั้นมีท่าทางอ่อนหวาน ดวงตากระจ่างดูปราดเปรียวเจ้าเล่ห์และอ่อนโยนอยู่หลายส่วน เหมือนกับกวางน้อยตัวหนึ่ง

เป็นลักษณะของเมิ่งหวานนั่นเอง

เฉินจื้อเหลียงมองสักพัก จากนั้นก็ส่ายหน้าเบาๆ “ไม่เคยเห็นมาก่อน เป็นไร เป็นคนคุ้นเคยของสหายน้อยเยี่ยนหรือ?”

เยี่ยนจ้าวเกอตอบตรงๆ “มิผิด”

มู่จวินจมลงสู่ความคิดอีกครั้ง

ครู่ต่อมา เขาก็ตอบอย่างจริงใจว่า “ข้าไม่เคยพบหน้านางมาก่อน นอกจากนั้นตัวข้ายังไม่เคยไปยังโลกเบื้องล่างที่พวกท่านเกิดมา ทว่า…”

“ตอนข้ามองนาง ข้ามีความรู้สึกคุ้นหน้าอย่างบอกไม่ถูก”

เยี่ยนจ้าวเกอฮึกเหิม เฉินจื้อเหลียงที่อยู่ด้านข้างใบหน้าฉายแววประหลาดใจ

มู่จวินสบสายตาที่เป็นประกายของเยี่ยนจ้าวเกอ พร้อมกับเอ่ยอย่างช้าๆ ว่า “หน้าตาของสตรีนางนี้ คล้ายกับคนที่ข้าเคยเจอในอดีตอยู่หลายส่วน”

แม้ภายนอกของมู่จวินดูเหมือนจะยังอายุน้อย ความจริงมีอายุหลายปีแล้ว คนที่เขาเคยพบเจอในชีวิตมีมากมายดุจทะเลหมอก ไม่อาจนับได้

แต่ว่าเมิ่งหวานมีหน้าตาโดดเด่น คนที่คล้ายกับนาง ลักษณะภายนอกไม่สมควรขี้เหร่ ไม่เคยเจอยังพอว่า ขอแค่เคยเจอ ก็ต้องเหลือภาพทรงจำไว้ให้มู่จวินบ้าง

ด้วยพลังฝึกปรือ ด้วยสติปัญญาเฉลียวฉลาด ด้วยไหวพริบปฏิภาณ ด้วยความจำอันน่าทึ่งของมู่จวิน คนที่เคยพบหน้าครั้งหนึ่ง สามารถพลิกหาจากในส่วนลึกของความทรงจำได้

“แต่ข้าไม่อาจยืนยันได้ว่าระหว่างทั้งสองคนมีความเกี่ยวข้องกันหรือไม่”

มู่จวนพูดพลางครุ่นคิดอย่างละเอียดอีกครั้ง จากนั้นก็ยกมือขึ้น ใช้นิ้ววาดใส่อากาศ

เงาแสงเหลือร่องรอย เกิดเป็นภาพวาดภาพหนึ่งด้านหน้าเยี่ยนจ้าวเกอ

ในภาพวาด เป็นเงาร่างของสตรีนางหนึ่ง ใบหน้าคล้ายกับเมิ่งหวานเจ็ดส่วนเป็นอย่างน้อย

‘มีจริงๆ หรือนี่?’ เฉินจื้อเหลียงรู้สึกประหลาดใจ

หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอมองดูภาพนั้นครู่หนึ่ง ก็ถามเสียงเบาว่า “ท่านมู่ ท่านทราบประวัติความเป็นมาของนางหรือไม่?”

มู่จวินตอบ “ลูกศิษย์ของประมุขทักษิณ ศิษย์แห่งเนินต้นจักรพรรดิบนเขาลีลาหงส์ หลิวเซี่ยนถิง”

………………..

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี