ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี นิยาย บท 837

เยี่ยนจ้าวเกอยกฝ่ามือขึ้น ฟาดใส่ศีรษะของจอมยุทธ์ศาสนาพุทธผู้หนึ่ง

จอมยุทธ์ศาสนาพุทธเหล่านั้นตะลึงลาน ส่วนศิษย์สายเหนือพิสุทธิ์ร้อนรน “คนผู้นี้ เหตุใดจึงไม่ฟังคำเตือน?!”

การทำตามใจตัวเองของเยี่ยนจ้าวเกอไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่นั่นเท่ากับว่าพวกเขายังไม่ทันผละจากที่นี่ ก็จะถูกลากเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย

หากยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ระดับสูงสุดของศาสนาพุทธมาถึงที่นี่ จะไม่ได้แค่ขวางเยี่ยนจ้าวเกอเท่านั้น แม้แต่พวกเขาก็ต้องถูกดักไว้ที่นี่ด้วยเช่นกัน

เยี่ยนจ้าวเกออมยิ้มที่มุมปาก ฝ่ามือหนึ่งฟาดลง กระแทกกะโหลกของจอมยุทธ์ศาสนาพุทธผู้นั้นจนแหลกละเอียดโดยพลัน!

พริบตาที่พระบรรพชิตรูปนั้นมรณะ ก็มีรัศมีแสงหลายสายปรากฏ พุ่งออกมาจากในร่าง จากนั้นก็แหวกมิติออกไป

รัศมีแสงเหล่านี้ไม่มีคุณสมบัติโจมตี และไม่เผยกลิ่นอายพลังที่แข็งแกร่งอะไร

แต่กลับมองข้ามพลังของเยี่ยนจ้าวเกอและหีบกลืนฟ้ากลืนดินโดยสิ้นเชิง

เหมือนกับทั้งสองฝ่ายอยู่ในระดับชั้นที่แตกต่าง ต่อให้พบกัน แต่ก็ไม่อาจแตะต้องกันได้

ความแข็งแกร่งของพลังฝ่ามือจากท่ารอยตราพลิกนภาของเยี่ยนจ้าวเกอ สามารถบิดเปลี่ยนทิศทาง แต่ว่าดูจากแสงสีทองแล้ว มันเหมือนเป็นมายาและโปร่งแสง ทะลุฝ่ามือไปโดยตรง

พลังกลืนกินอันน่ากลัวของหีบกลืนฟ้ากลืนดิน เมื่ออยู่ต่อหน้ารัศมีแสงอันเป็นเอกเทศน์นี้ ก็เหมือนกับเงาฟองความฝันที่ไม่ใช่ความจริงเช่นกัน

เยี่ยนจ้าวเกอเชื่อว่าต่อให้ตนนำกระบี่ปีศาจเทาเที่ยหรือตราประทับตะวันออกมา ก็ไม่อาจขัดขวางรัศมีแสงนี้ได้

หากสัมผัสอีกฝ่ายไม่ได้ ทุกอย่างก็ไร้ประโยชน์

ทว่ารัศมีแสงนั้นไม่ใช่ภาพลวงตา

ชายหนุ่มแน่ใจว่าขอแค่รัศมีแสงนี้ลอยหายไป แค่ครู่เดียวจะนำยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ของศาสนาพุทธคนหนึ่งมาที่นี่ทันที

บางทีอาจจะเป็นยอดฝีมือศาสนาพุทธที่เทียบได้กับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนของสำนักเต๋า

และอาจจะเทียบได้กับยอดฝีมือระดับสุดยอดที่สูงส่งที่สุดในหมู่คน อยู่ในระดับสูงสุดของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ในสำนักเต๋าเช่นกัน

นี่อาจจะเป็นบุคคลในศาสนาพุทธที่เทียบได้กับจักรพรรดิหรือกษัตริย์…

ตามคำพูดของพวกซุนจ้งต๋าที่เป็นลูกศิษย์สายเหนือพิสุทธิ์ ยิ่งอีกฝ่ายมีพลังสูงเท่าไร ก็ยิ่งมาถึงเร็วเท่านั้น การมาถึงในพริบตาและการปรากฏตัวขึ้นอย่างทันทีใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

รอยยิ้มที่มุมปากของเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้จางลง พลังงานกลางฝ่ามือเปลี่ยนแปลงไป แฝงความโกลาหลไว้

เคล็ดวิชาของคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตถูกเขาโคจร ท่ามกลางความโกลาหลนั้น ไม่มีหน้าไม่มีหลัง ไม่มีไกลไม่มีใกล้ เป็นจุดเริ่มต้นของสรรพสิ่ง และจุดจบของสรรพสิ่ง

เยี่ยนจ้าวเกอยามนี้ฟาดฝ่ามือลงอีกรอบ รัศมีแสงสายนั้นสั่นไหวเล็กน้อย พุ่งเข้าหาความโกลาหล ก่อนจะดับสลายและหายไปไร้ร่องรอย

รายละเอียดในนี้มีแค่เยี่ยนจ้าวเกอเท่านั้นที่เข้าใจ

ในสายตาของคนอื่นๆ กลับเห็นแค่เยี่ยนจ้าวเกอฟาดฝ่ามือใส่จอมยุทธ์ศาสนาพุทธคนนั้น จากนั้นรัศมีแสงก็กะพริบ

จอมยุทธ์สายเหนือพิสุทธิ์เห็นดังนั้น ก็ใช้มือประคองหน้าผาก เงยหน้าถอนใจ “คนจากโลกซ้อนโลกอย่างท่านไม่เคยเจอกับศาสนาพุทธมาก่อน ท่านทำตามใจชอบก็ทำพวกเราแย่ไปด้วยสิ”

แต่เกาฉิงกลับมองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยแววตาเป็นประกาย “เอ๋ ท่านผู้นี้ตรงไปตรงมาดีนัก”

สหายในสำนักด้านข้างนางต่างยิ้มอย่างหนักใจ “ศิษย์น้องเอ๋ย เขาได้ระบายแค้นแล้ว แต่พวกเรากลับต้องโชคร้าย รีบออกจากที่นี่เพื่อกลับไปยังมรกตท่องฟ้าโดยเร็วเถอะ พวกเราไม่มีเวลาตรวจสอบความผิดปกติของภูเขาที่อยู่ห่างออกไปนั้นแล้ว”

“ตอนตี้ทำได้แค่หวังว่าระดับพลังของยอดฝีมือศาสนาพุทธที่กำลังจะมาคงไม่สูงจนเกินไป เช่นนั้นแล้วพวกเราจะยังมีเวลา และมีโอกาสหนีไปจากที่นี่”

ขณะที่พูด เขาเห็นเยี่ยนจ้าวเกอยกฝ่ามือขึ้นอีก สังหารจอมยุทธ์ศาสนาพุทธคนแล้วคนเล่า

ผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์ที่ตกใจอยู่แล้ว ขณะมองภาพนี้ มุมปากก็ยิ่งบิดเบี้ยว

จอมยุทธ์ศาสนาพุทธเหล่านั้นกลับสงบจิตใจ ใช้สีหน้าที่มองการตายเหมือนกับความสุขสูงสุดมองเยี่ยนจ้าวเกอ

บรรพชิตหนุ่มที่ถูกร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกจับตัวไว้รูปนั้นเอ่ยอย่างราบเรียบ “อาตมากับทุกคนในสำนักไม่กลัวความตาย ความตายเป็นแค่จุดเริ่มต้นของชีวิตเท่านั้น”

“การละทิ้งกรรมหวนคืนสู่แดนสุขาวดี สามารถหลุดพ้นจากทะเลทุกข์ในโลกมนุษย์ได้”

“ส่วนตัวประสกได้ทำบาปใหญ่ถึงขนาดนี้ ตกลงสู่วิถีมาร ย่อมต้องเจอกรรมตามสนอง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี