เยี่ยนตี๋สั่งการและจัดการเรื่องในสำนัก ส่วนเยี่ยนจ้าวเกอไปพบเฟิงอวิ๋นเซิง
หลังจากผ่านการฝึกฝนในหลายปีมานี้ เฟิงอวิ๋นเซิงในปัจจุบันก็ใกล้จะบรรลุเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์แล้ว
ถ้าหากไม่ใช่เพราะฟู่เอินซูมีพรสวรรค์ไม่ธรรมดาเช่นกัน อีกทั้งหลายปีมานี้ยังไม่ได้ใช้เวลาไปโดยเสียเปล่า เฟิงอวิ๋นเซิงเกรงว่าจะเป็นคลื่นลูกหลังกลบคลื่นลูกหน้าแล้ว
แม้จะเป็นเช่นนั้น ฟู่เอินซูก็สัมผัสได้ว่าเสียงฝีเท้าของลูกศิษย์ตนกระชั้นชิดเข้ามาด้านหลังเรื่อยๆ แล้ว
ที่ฟู่เอินซูข้ามด่านยากซึ่งจอมยุทธ์ในโลกแปดพิภพจำนวนนับไม่ถ้วนใฝ่ฝันแต่กลับไปไม่ถึง เลื่อนจากขั้นบรรลุธรรมสู่ระดับศักดิ์สิทธิ์สำเร็จ แรงกดดันส่วนหนึ่งมาจากเฟิงอวิ๋นเซิง
ลูกศิษย์ของตนสามารถไล่กลบคลื่นลูกหน้า ปักเสาหลักสำเร็จ ฟู่เอินซูย่อมปลาบปลื้มยินดี
ทว่าสำหรับนางที่ต้องการแข็งแกร่งมาโดยตลอด นี่เป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดยิ่งเรื่องหนึ่ง
ฟู่เอินซูย่อมไม่อาจควบคุมเฟิงอวิ๋นเซิง นางได้แต่ต้องเพิ่มความกดดันให้แก่ตัวเอง และพากเพียรให้มากกว่านี้
ที่แล้วมานางก็เป็นคนที่คลั่งการฝึกฝนซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนน้อยนิดในเขากว่างเฉิง ในที่สุดการฝ่าฟันครั้งนี้ก็มีผลสำเร็จ
เยี่ยนจ้าวเกออดทอดถอนใจไม่ได้ คนที่ประสบความสำเร็จมีสิ่งที่ถนัดต่างกันไปคนละแบบ แต่จะมากจะน้อยก็มีจุดร่วมอยู่บ้าง
อย่างเช่น คนที่สำเร็จส่วนหนึ่ง ล้วนถนัดในการเปลี่ยนแรงกดดันเป็นแรงผลักดัน สามารถอดทนในสิ่งที่คนทั่วไปอดทนไม่ได้ ดังนั้นจึงประสบความสำเร็จในสิ่งที่คนทั่วไปทำไม่ได้
เฟิงอวิ๋นเซิงที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นตัวอย่างอีกตัวอย่างหนึ่ง
“อุปสรรคในครั้งนี้ของเจ้า จำเป็นต้องเข้าฌานเพื่อตกตะกอนและทุ่มเทฝึกฝน” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แต่ข้าเชื่อว่าเมื่อข้ากลับมาจากสถานบำเพ็ญหลีเฮิ่นน้อย เจ้าน่าจะรประสบความสำเร็จ ทลายด่านออกมาแล้ว”
เฟิงอวิ๋นเซิงนั่งขัดสมาธิอยู่ในห้องสงบใจ นางได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า “อุปสรรคครั้งนี้ยากเย็นยิ่ง แต่ข้าเองก็มีความมั่นใจ”
“เพราะเข้าร่วมการสร้างค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลาย ประมือกับผู้วิเศษเซิงกับกวนลี่เต๋อ ข้าจึงได้รับผลประโยชน์มากมาย”
ถึงอย่างไร พวกผู้วิเศษเซิงกับกวนลี่เต๋อก็มีพลังฝึกปรือสูงเกินไป สูงเหนือกว่าเฟิงอวิ๋นเซิงในตอนนี้มาก
ในสถานการณ์ปกติ จอมยุทธ์ระดับมหาปรมาจารย์ อย่าว่าแต่ต่อสู้กับจอมยุทธ์ขั้นสะพานเซียน แม้จะมองดูอีกฝ่ายลงมืออยู่ด้านข้าง ก็ไม่เข้าใจหลักการที่อยู่ด้านใน
เฟิงอวิ๋นเซิงอาศัยพลังของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ และการช่วยเหลือจากค่ายกล เข้าร่วมการต่อสู้ที่พลังฝึกปรือในตอนนี้ของตนเองไม่อาจสัมผัสได้ นี่เป็นทรัพย์สมบัติที่มีค่ามหาศาล
ไม่เหมือนกับที่เยี่ยนจ้าวเกอและเยี่ยนตี๋แลกเปลี่ยนกระบวนท่ากับนาง เพราะนั่นเป็นการต่อสู้เป็นตายอย่างแท้จริง สิ่งที่ได้มาไม่อาจทดแทนและไม่อาจเลียนแบบได้
หลังสู้จบ ยังมีการชี้แนะของพวกเยี่ยนตี๋ เยี่ยนจ้าวเกอ และหยวนเจิ้งเฟิง ทำให้นางสามารถขบคิดสิ่งที่ได้มาเหล่านี้ได้
สำหรับเฟิงอวิ๋นเซิงแล้ว ไม่ใช่แค่ในตอนนี้เท่านั้น ต่อจากนี้หลังจากที่ปีนขึ้นสู่ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ได้สักระยะหนึ่ง ก็ยังจะได้รับประโยชน์เช่นกัน
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ขอให้เจ้าสำเร็จโดยเร็ว พวกเราไว้เจอกันใหม่”
เฟิงอวิ๋นเซิงเงียบงันลงเล็กน้อย
“เป็นอะไรไป” เยี่ยนจ้าวเกอเยถามด้วยความสงสัย
สีหน้าลังเลของเฟิงอวิ๋นเซิงในตอนนี้มีให้เห็นน้อยครั้งยิ่ง
นางระบายลมหายใจยาว เงยหน้ามองเยี่ยนจ้าวเกอ กล่าวเสียงเบาว่า “การเข้าฌานในครั้งนี้ ถ้าหากข้าเลื่อนจากจั้นบรรลุธรรมเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์ หลังจากออกฌานแล้ว ข้าคิดจะออกเดินทางสักครั้ง”
เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินแล้ว สีหน้าก็จริงจังขึ้นหลายส่วน “จะไปไกลมากเลยหรือ”
ถ้าหากเป็นแค่ระยะทางสั้นๆ เฟิงอวิ๋นเซิงที่ตรงไปตรงมาคงไม่ลังเลเช่นนี้
“อืม ไกลอยู่บ้าง และอาจจะค่อนข้างนาน” เป็นอย่างที่คาด เฟิงอวิ๋นเซิงพยักหน้า “ไม่ใช่แค่โลกซ้อนโลก ข้าอาจจะหาวิธีไปยังโลกเบื้องล่างด้วย”
เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินถึงตรงนี้ก็เข้าใจโดยพลัน
การออกเดินทางที่เฟิงอวิ๋นเซิงว่า คล้ายกับการออกเดินไปยังมหาสมุทรที่ทะเลชั้นนอกในครั้งนั้นของซือคงจิงเมื่อครั้งยังอยู่ในโลกแปดพิภพ
เป้าหมาย ไม่ใช่การเก็บเกี่ยวประสบการณ์ แต่เป็นการเคี่ยวกรำตัวเองในระดับสูงสุด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี