ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี นิยาย บท 91

ถุงย่อส่วนเป็นของวิเศษอย่างหนึ่ง ไม่อยู่ในระดับของอาวุธวิเศษหรืออาวุธวิญญาณ

ทว่าด้วยความที่วัตถุดิบหายาก สร้างได้ไม่ง่ายนัก ดังนั้นจึงพบเจอได้ยากอย่างยิ่ง

ภายในถุงขยายไปไกลได้ถึงพันลี้ บรรจุเมล็ดพันธุ์ปริมาณเท่าภูเขาลูกหนึ่งเอาไว้ในนั้นได้เลยทีเดียว

พื้นที่ที่สร้างขึ้นภายในถุงย่อส่วน สามารถจุสิ่งของปริมาณมากได้ และยังสามารถให้สิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ภายในได้ในช่วงเวลาสั้นๆ

สือเถี่ยระดับวรยุทธ์สูง จึงมีการรับรู้ที่ว่องไวมาก แม้ว่าเหยียนซวี่จะตั้งใจกลบเกลื่อนก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถรอดพ้นเขาสายตาเขาไปได้

“ระหว่างทางที่ข้าเร่งมาที่นี่ได้พบกับเยี่ยจิ่ง ลูกศิษย์ที่หายตัวไปก่อนหน้านี้ของสำนักเราเข้าโดยบังเอิญ” สีหน้าท่าทางเหยียนซวี่เป็นปกติ กล่าวอย่างไม่สะทกสะท้านว่า “ตอนนั้นเขาอยู่ในสภาพที่หมดสติไปแล้ว ข้าก็เลยช่วยเขาเอาไว้ แต่เนื่องจากต้องรีบเร่งมาช่วยเหลือที่นี่ ไม่กล้าชักช้าไปมากกว่านี้ ฉะนั้นจึงเก็บเขาเอาไว้ในถุงย่อส่วนเอาไว้ก่อนชั่วคราว”

พูดไปพลาง เหยียนซวี่ก็หยิบถุงเล็กๆ ใบหนึ่งออกมา

ถุงย่อส่วนที่ว่านี้มีสีดำ ปากถุงมัดเอาไว้ด้วยเชือกสีทอง มองจากภายนอกแล้วไม่มีอะไรพิเศษแต่อย่างใด

ทว่าเมื่อเหยี่ยนซวี่ปลดเชือกสีทองออก แล้วเปิดปากกระเป๋า ก็มีคลื่นพลังสีทองพ่นออกมาทันที

ตามด้วยคลื่นพลังสีทองที่พ่นออกมานั้น ก็มีร่างของคนคนหนึ่งปรากฏขึ้นต่อหน้ากลุ่มคนของเยี่ยนจ้าวเกอ

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มอย่างเงียบๆ บัดนี้คนผู้นั้นยังอยู่ในสภาวะไร้สติ บริเวณหลังมือและต้นคอที่โผล่พ้นออกมาจากเสื้อผ้า ล้วนมีลายเสมือนกับเปลวเพลิง

ไม่ใช่เยี่ยจิ่งแล้วจะเป็นใคร

สายตาของสือเถี่ยหยุดอยู่ที่ร่างของเยี่ยจิ่ง ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงการกวาดสายตามองแค่แวบหนึ่งเท่านั้น แต่เยี่ยจิ่งก็ค่อยๆ รู้สึกตัวขึ้นในทันที

เมื่อเยี่ยจิ่งตื่นขึ้นมา ภายในแววตาเผยให้เห็นถึงความสับสนมึนงง กระนั้นเขาก็ตื่นตัวอย่างรวดเร็ว แล้วมองสำรวจไปรอบทิศอย่างระแวดระวัง

ตอนที่เขามองเห็นเยี่ยนจ้าวเกอ ดวงตาทั้งสองก็พลันกลายเป็นสีแดงก่ำประดุจโลหิตในทันใด ราวกับมีเปลวเพลิงกำลังลุกไหม้อยู่ เขาลุกขึ้นยืนในทันที

สือเถี่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย ทว่าไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เยี่ยจิ่งยังคงยืนนิ่งอยู่กลับที่ ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ ทำได้เพียงแค่เงยหน้าขึ้นจ้องมองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความโกรธ

“ข้าชื่อว่าสือเถี่ย เจ้าเป็นศิษย์สำนักเราเช่นกัน ก็น่าจะทราบดีถึงตำแหน่งฐานะของข้า” สือเถี่ยกล่าวอย่างสงบนิ่งว่า “ข้าดำรงตำแหน่งผู้อาวุโสของตำหนักอาญา รับหน้าที่รักษากฎระเบียบของสำนัก”

“ในเมื่อเจ้าคิดว่าเจ้าเองไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็สามารถกล่าวกับข้าตรงนี้ให้ชัดเจนได้ หากเป็นความจริงก็จะไม่ทำให้เจ้าต้องคับข้องใจ”

เยี่ยจิ่งหายใจหอบ เบิกตาโตมองสือเถี่ย พูดเสียงดังว่า “คนของเขากว่างเฉิงล้วนแล้วแต่เป็นพวกเดียวกับพ่อลูกตระกูลเยี่ยนทั้งสิ้น!”

“พ่อของเขาก็เป็นผู้อาวุโสเช่นท่าน แล้วท่านจะไม่ปกป้องเขาได้อย่างไร ผิดใจกับพ่อของเขาเพราะข้า จะเรียกร้องความยุติธรรมให้กับข้าได้เช่นไร!”

เหยียนซวี่อยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆ ไม่ส่งเสียงใดๆ แต่พอเห็นปฏิกิริยาของเยี่ยจิ่ง ก็อดไม่ได้ต้องส่ายศีรษะ “หากไม่ใช่ท่านผู้อาวุโสสือ คนอื่นคงจะไม่พอใจเพราะท่าทีของเจ้าไปก่อนแล้ว”

เป็นเช่นที่เหยียนซวี่ได้คาดเอาไว้ ท่าทางสือเถี่ยไม่ได้สนใจเยี่ยจิ่งจริงๆ

น้ำเสียงของเขาไม่มีแม้แต่ความหวั่นไหวแม้แต่น้อยพูดว่า “ข้าจะไม่ผิดใจกับศิษย์น้องเยี่ยนเพราะเจ้า หรือเพราะผู้ใดก็ตาม แต่เพื่อความเป็นธรรมของกฎและระเบียบของสำนัก เพื่อคุณธรรมภายในใจของทุกคน ข้าก็ไม่ติดที่จะผิดใจกับผู้ใดทั้งนั้น”

“เยี่ยนจ้าวเกอเป็นคนที่ข้าเห็นตั้งแต่เด็ก แต่ก็เนื่องด้วยเหตุนี้ ข้าถึงยิ่งไม่ปล่อยให้เขาก้าวผิดทางไปเป็นแน่”

“กระนั้นถ้าหากพิสูจน์ได้ว่ามีผู้ใดกล่าวให้ร้าย กลับกันก็จะลงโทษในฐานความผิดเช่นเดียวกัน”

สือเถี่ยพูดเสียงเรียบนิ่งว่า “ข้ามองแค่ความจริงเท่านั้น”

อำนาจของเขาหนักแน่นประหนึ่งภูเขา ลึกซึ้งประหนึ่งทะเล การที่เขายืนอย่างสงบนิ่งอยู่ตรงนั้น น่าเกรงขามเสียจนทำให้เยี่ยจิ่งเงียบสงบลงได้

คำกล่าวที่สงบนิ่งนั้น ทรงพลังมหาศาล สะกดใจบรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์

เยี่ยจิ่งสูดหายใจเข้าลึกๆ ครั้งหนึ่ง แล้วมองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความโกรธเคือง “ตอนที่ข้ายังไม่ได้เข้าสำนัก เขามาที่ถังตะวันออก แย่งคนรักในวัยเยาว์ของข้าไป!”

“หลังจากนั้นข้าได้ฝากตนเข้าเป็นศิษย์สำนักเขากว่างเฉิง เขาก็มองข้าเหมือนเสี้ยนหนาม”

“การฝึกฝนประสบการณ์ที่หุบเหวปราการมังกรก่อนหน้านี้ เขาคิดจะสังหารข้า และไม่อยากจะทิ้งร่องรอยเอาไว้ จึงวางกับดักชั่วๆ ยืมมือคนอื่นปลิดชีพข้าอย่างถอนรากถอนโคน!”

“เมื่อแผนแรกไม่สำเร็จ เขาก็คิดอีกแผนหนึ่งขึ้นในใจ โดยนำเตาผนึกหินชั้นในของเขาโยนลงไปในหุบเหวปราการมังกร ทำให้ข้าเจียนตาย!”

“ข้าดวงแข็งไม่ได้สิ้นชีพไป แต่ที่บึงมังกรน้ำแข็ง เขาก็ยังจะคิดสังหารข้าอีก! ”

“ทำร้ายข้าถึงสามสี่ครา เห็นทีข้ากับเขาคงไม่มีทางอยู่ร่วมโลกกันได้!”

เยี่ยนจ้าวเกอยืนอย่างสงบนิ่งอยู่ด้านข้าง สายตาที่มองไปที่เยี่ยจิ่งไม่มีความยินดี ทว่าก็ไม่มีความโกรธเคือง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี