บนแกนร่างของเยี่ยนจ้าวเกอมีแสงห้าสีกะพริบ มาจากอวัยวะภายในทั้งห้า แปลงเป็นเทพห้าองค์
ห้าปัญจธาตุโคจร สร้างพลังชีวิตไร้สิ้นสุด
มันทำให้พลังป้องกันของกายเนื้อและความสามารถในการฟื้นฟูของเขาเพิ่มขึ้นอย่างใหญ่หลวง คล้ายกับกลายเป็นรอยตราพลิกนภาร่างมนุษย์ กระแทกใส่ศีรษะของซ่างจวินอย่างหักโหม
เดิมทีขวานย้อนเอกภพ อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงในมือซ่างจวินเป็นอาวุธโจมตี แต่ตอนนี้ถูกกดดันจนได้แต่ต้องใช้มันป้องกัน
ขณะที่สู้ เยี่ยนจ้าวเกอก็พึมพำไปด้วย “อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงที่หลอมเซ่นออกมากลับมีคุณสมบัติไม่เลวทีเดียว”
เขาผลักฝ่ามือขึ้นไป เกือบกระแทกขวานหยกขาวของซ่างจวินจนหลุดมือ
“แต่ว่านอกจากพลังของผู้เป็นนายจะมีจำกัดแล้ว ยังใช้ประโยชน์ของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงไม่ถึงขั้นสมบูรณ์แบบหรือ?”
“แม้ว่าจะแสดงอานุภาพของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้ แต่ไม่อาจช่วยเหลือเกื้อกูลกันได้ ระหว่างทั้งสองเหมือนมีเส้นด้ายกั้นอยู่”
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มขึ้นอย่างเข้าใจ “สำเร็จเพราะแสงวิเศษ แพ้ก็เพราะแสงวิเศษ”
ในมือเขามีของสิ่งหนึ่งเพิ่มขึ้นมา มันมีลักษณะเป็นก้อนยาว คล้ายกับกระบี่สั้น แต่ว่าไม่มีคมกระบี่และปลายกระบี่
ที่ปลายถูกลับจนเรียบ ราวกับถูกหักทิ้ง แต่ว่าบนผิวตรงปลายที่หักมีลวดลายสลักอยู่
เป็นตรากระบี่กาลเวลา
ขณะที่เยี่ยนจ้าวเกอตบฝ่ามือออกสะกดซ่างจวินไว้ เขาก็ทิ่มตรากระบี่กาลเวลาใส่ขวานย้อนเอกภพเล่มนั้น
เมื่อถูกรอยตราของตรากระบี่กาลเวลาประทับใส่ แสงสว่างของขวานย้อนเอกภพก็พลันริบหรี่ลงไปมาก
คมขวานที่มีลักษณะเหมือนหยกขาว บัดนี้คล้ายกับถูกคลุมด้วยฝุ่นชั้นหนึ่ง สูญเสียแสงสีไป
ต่อจากนั้นก็เป็นอีกหนึ่งฝ่ามือ ซ่างจวินต้านทานไม่ไหว ง่ามนิ้วฉีกขาด ขวานยักษ์หยกขาวถูกกระแทกหลุดจากมือ กระเด็นออกไป
เยี่ยนจ้าวเกอมองซ่างจวิน ขณะเดียวกันนั้นส่ายหน้าเล็กน้อย “ตอนเห็นหยางชงข้ายังรู้สึกเหลือเชื่ออยู่เล็กน้อย ถึงอย่างไรเขาก็อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก อีกทั้งยังฝึกฝนมาหลายปี หรือเขาจะไม่เคยคิดมาก่อนเลย ว่าพลังฝึกปรือของตัวเองมีปัญหามากเพียงใด”
“ตอนนี้พอเห็นท่านที่มีพลังฝึกปรือสูงกว่า ข้าก็ดูเหมือนจะเข้าใจขึ้นมาหน่อยแล้ว”
“แสงศรัทธาในร่างของพวกท่าน ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อการหลอมปราณฝึกยุทธ์ของพวกท่านเท่านั้น ในขณะเดียวกันยังส่งผลกระทบต่อแนวคิดและจิตใจของพวกท่านโดยไม่ให้รู้ตัวอีกด้วย”
“ทุกอย่างจะค่อยๆ สลักในส่วนลึกของวิญญาณ กลายเป็นสัญชาตญาณและความคิดที่เคยชินจนเป็นปกติ ไม่เกิดความกังขาและปฏิเสธ”
ชายหนุ่มแตะนิ้วกับริมฝีปาก “กระนั้นยิ่งเข้าใกล้มหามรรคาเท่าไรก็ยิ่งเข้าใกล้ความจริงเท่านั้น ตามเหตุผลแล้ว เมื่อพลังฝึกปรือสูงถึงระดับหนึ่ง สมควรสัมผัสได้ไม่ใช่หรือ แต่ว่าระดับของท่านในตอนนี้ดูเหมือนจะยังสัมผัสไม่ได้”
“เช่นนั้นจะต้องมีระดับสูงถึงขนาดไหน จึงจะรู้สึกได้ถึงปัญหา”
เยี่ยนจ้าวเกอสำรวจซ่างจวินตั้งแต่หัวจรดเท้า พลันทำให้ซ่างจวินมีสีหน้าเขียวคล้ำ “มารเต๋านอกรีต มาตรแม้ว่าจะทำตัวโอหังได้ชั่วขณะ แต่หลายปีหลังจากนี้เจ้าจะมีสภาพเป็นอย่างไร”
เขาสืบเท้า ก้าวเท้าสิบสองก้าว มิติเกิดระลอกคลื่น คนถอยไปด้านหลัง คล้ายกับขี่เมฆ
หัตถ์ค้ำดินคว่ำพิรุณของสำนักเมฆเลือนดาว แม้ตั้งชื่อว่า ‘หัตถ์’ ความจริงเป็นวิชาฝ่ามือและท่าร่าง
การสืบเท้าสิบสองก้าวติดต่อกันแทบจะมีความสามารถในการเคลื่อนย้ายมิติ
ซ่างจวินกลับไม่กล้าสู้กับเยี่ยนจ้าวเกอต่ออีก คิดจะหนีไป
ไกลออกไป โถงเซียนของเขามียอดฝีมือในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสิบ ขั้นประมุขในหมู่คนอยู่
ขอแค่เขาหนีรอดไปได้ ก็จะปลอดภัยทันที
แต่เยี่ยนจ้าวเกอไหนเลยจะปล่อยให้เขาไป
มือซ้ายของชายหนุ่มกำเป็นมุทรากระบี่ มือขวาทิ่มตรากระบี่กาลเวลาออกไปเฉียงๆ
เขารวมเป็นหนึ่งกับประกายกระบี่ คล้ายกับแปลงร่างกลายเป็นกระแสเวลา ติดตามซ่างจวินไปอย่างรวดเร็ว
กาลเวลาเคลื่อนคล้อยไม่หยุดพัก ความเร็วของเวลาในมิติที่อยู่รอบเยี่ยนจ้าวเกอราวกับจู่ๆ ก็สูงขึ้น
ความเร็วของเขามองไปเหมือนกับเร็วขึ้นขั้นหนึ่งอย่างฉับพลัน ระยะห่างที่จำเป็นต้องใช้เวลาหลายอึดใจถึงจะไปถึงสำหรับซ่างจวิน เยี่ยนจ้าวเกอกลับรุดไปถึงในชั่วอึดใจเดียว
ซ่างจวินถูกกดดันจนลนลาน บิดกายมาฟันฝ่ามือใส่เยี่ยนจ้าวเกอ
ประกายกระบี่ของเยี่ยนจ้าวเกอสลายไป หลบรอดสภาวะฝ่ามือของซ่างจวิน
เขาต่อยหมัดออก แสงและความมืดตัดสลับ ความโกลาหลปรากฏขึ้น
วินาทีถัดมา ความโกลาหลหายไป แสงและความมืดเกิดขึ้นไม่หยุดยั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี