เยี่ยนจ้าวเกอกับฟู่ถิงสบตากัน ต่างพยักหน้า พากันเข้าไปในวังวน
แสงสว่างเบื้องหน้าไหลเวียน ภาพอันสับสนส่ายไหวไม่หยุดยั้ง
หลังจากแสงสว่างหายไปในท้ายที่สุด สิ่งที่อยู่ด้านหน้าพวกเยี่ยนจ้าวเกอก็คือมิติอันมืดมิดบริเวณหนึ่ง
แต่ว่าพอสัมผัสการไหลเวียนของปราณวิญญาณของที่นี่ได้ และสำรวจการโคจรของดวงดาวเรียบร้อย เยี่ยนจ้าวเกอก็ทราบว่าพวกเขากลับมายังโลกที่เต๋าหลักสายสามพิสุทธิ์ปกครองสำเร็จแล้ว
ถึงแม้ว่าความปั่นป่วนของมิติเบื้องหน้าจะกอปรกันหนาหนัก ซ้อนเป็นชั้นๆ ทำให้พวกเขาเคลื่อนไหวอย่างยากลำบาก แต่ก็สามารถนับวันรอกลับโลกซ้อนโลกได้แล้ว
โดยเฉพาะสำหรับเยี่ยนจ้าวเกอที่มีประสบการณ์ในการกลับจากโลกศาสนาพุทธมาแล้ว ครั้งนี้ง่ายดายกว่ามาก
คราก่อนเขายังมีพลังฝึกปรืออยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นรวมรูป มาวันนี้ได้เลื่อนเป็นขั้นเทวะสำแดง อีกทั้งยังฝึกฝนกระบี่ลวงเซียน การเคลื่อนไหวอยู่ในมิติจักรวาลที่สับสนแบบนี้จึงง่ายขึ้นไม่น้อย
“แม้ว่าเวลาจะผ่านไปไม่นาน แต่รอบนี้หลังจากได้ไปถึงโถงเซียน กลับมีความรู้สึกเหมือนติดอยู่ในช่วงเวลาหนึ่ง” เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะ
ฟู่ถิงพยักหน้าเล็กน้อย “ถ้าหากไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวของหลงเสวี่ยจี้แห่งมรกตท่องฟ้า และถ้าหากไม่ใช่เพราะท่านครอบครองมรดกของจักรพรรดิประกายกาฬ เกรงว่าพวกเราจะประสบผลร้ายมากกว่าผลดี”
เยี่ยนจ้าวเกอว่า “สมควรบอกว่าโชคดีที่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับประมุขจากเต๋านอกรีตนั่นเป็นผู้สืบทอดของตำหนักอาทิตย์ไร้ประมาณ ที่เคยมีความขัดแย้งกับจักรพรรดิประกายกาฬในอดีตมาก่อนมากกว่า”
หว่างคิ้วฟู่ถิงปรากฏความเคร่งขรึม “ท่านพ่อเคยบอกว่า อาวุธเซียนที่จักรพรรดิประกายกาฬทิ้งเอาไว้จะนำมาแต่คราเคราะห์”
“น่าเสียดายที่ไม่อาจแถลงไขสาเหตุที่อยู่ด้านในได้อย่างกระจ่าง ได้แต่ต้องรอข้ามีพลังฝึกปรือถึงระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงสุดก่อน ถึงจะบอกข้าได้”
“ดูจากตอนนี้ น่าจะเกี่ยวพันกับโถงเซียนเต๋านอกรีตแล้ว”
ฟู่ถิงหันไปมองเยี่ยนจ้าวเกอ “เมื่อครู่หลังจากออกจากโลกโถงเซียนมายังโลกของพวกเราแล้ว ข้าลองนึกถึงชื่อเทวกษัตริย์ไร้ประมาณดู”
รอยยิ้มบนใบหน้าเยี่ยนจ้าวเกอสลายไป ถามอย่างจริงจังว่า “ผลลัพธ์เล่า?”
นางระบายลมหายใจออกยาวๆ “ความรู้สึกที่ผิดปกตินั้นยังคงมีอยู่”
เยี่ยนจ้าวเกอมีสีหน้าครุ่นคิด
ฟู่ถิงย่อมไม่แซ่ซ้องสรรเสริญเทวกษัตริย์ไร้ประมาณ
ปัญหาคือแค่ในใจเกิดความคิด นึกถึงนามของอีกฝ่าย ก็เหมือนจะเกิดความผิดปกติขึ้นแล้ว
ในอีกมุมหนึ่งเท่ากับว่าในตอนที่นางทราบถึงการดำรงอยู่ของอีกฝ่าย ก็เหมือนมีเมล็ดพันธุ์ที่ไร้รูปร่าง หยั่งรากลงในจิตใจของนางแล้ว
ทว่าเมล็ดพันธุ์นี้ไม่ได้แตกหน่อ
ต่อจากนี้มันจะแตกหน่อหรือไม่ กลับยากจะบอก
เมื่อเชื่อมโยงถึงคำพูดในตอนแรกของจักรพรรดิแพร ประมุขอิสานหลิวเจิงกู่ และประมุขอาคเนย์เฉาเจี๋ย เยี่ยนจ้าวเกอก็อดคาดเดาไม่ได้ว่า ที่พวกเขาพูดจาไม่ชัดเจน ทำท่าทีมีลับลมคมใน ใช่เป็นเพราะการดำรงอยู่ของโถงเซียน และเทวกษัตริย์ไร้ประมาณหรือไม่
ถ้าหากเป็นเช่นนี้จริงๆ ก็โทษที่พวกเขาจะระวังตัวขนาดนั้นไม่ได้
พรสวรรค์กับพลังของฟู่ถิงเป็นอย่างไร?
ในโลกซ้อนโลกกับมรกตท่องฟ้าต่างนับว่ายอดเยี่ยม ในบรรดาคนที่เยี่ยนจ้าวเกอเคยสัมผัสด้วยตัวเอง คนที่เอาชนะนางได้อย่างเด็ดขาดหากอยู่ในระดับเดียวกันมีอยู่ทั้งสิ้นสองคน
หลงเสวี่ยจี้ เทพกระบี่น้อย
เยี่ยนตี๋ บิดาของตน
นอกจากนี้แล้ว ในหมู่คนที่เยี่ยนจ้าวเกอได้สัมผัสด้วยตัวเอง หากสู้กับฟู่ถิงโดยอยู่ระดับเดียวกัน อาศัยแค่พลังฝึกปรือของตัวเอง ไม่มีผู้ใดเอาชนะได้ง่ายๆ
ความแข็งแกร่งของฟู่ถิงไม่ได้อยู่ที่พรสวรรค์ ความเฉลียวฉลาด และวรยุทธ์ที่ฝึกฝนเท่านั้น
จิตใจ ความแน่วแน่ ประสบการณ์จากการต่อสู้ ไหวพริบ และการอ่านสถานการณ์เมื่อเจอศึก ความสามารถในการปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ของนาง ทุกอย่างล้วนโดดเด่นยิ่ง
แต่ว่ายอดอัจฉริยะเช่นนี้ กลับเหมือนยังคงไม่ได้รับการยกเว้นต่อคำต้องห้ามอย่างคำว่าเทวกษัตริย์ไร้ประมาณ
“คุณชายเยี่ยน เวลาท่านนึกถึง หรือว่าพูดถึงเทวกษัตริย์ไร้ประมาณ ไม่มีความผิดปกติใดเลยหรือ” ฟู่ถิงถามพลางขมวดคิ้ว
เยี่ยนจ้าวเกอจิตใจสั่นไหวเล็กน้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี