ด้านในอารามเอกนิกาย เยี่ยนจ้าวเกอจัดการคนจากเขาสามขาเสร็จแล้ว ตอนนี้กำลังพิจารณาธงวิญญาณที่ตนถืออยู่ในมือ
‘พลังถูกผลาญไปค่อนข้างมาก ไม่อาจใช้ได้อีกแล้ว’ เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม เก็บธงวิญญาณไว้
เมื่อไม่มีการสะกดจากเคล็ดวิชาเฉพาะของเขาสามขา ธงวิญญาณจึงขัดขืนอยู่บ้าง
แต่ว่าเมื่อนำไปวางไว้ข้างกงจักรมหาประกายกาฬในวังฝูงมังกร ก็ทำให้มันสงบลงได้อย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เปลวเพลิงสีทองกลางอากาศเริ่มสลายไปแล้ว
จนถึงปัจจุบัน ภัยพิบัติสามอย่างที่ปกป้องที่นี่ล้วนถูกกำจัดชั่วคราว
เจ้าของคนเดิมของสถานที่แห่งนี้มีพลังฝึกปรือสูงล้ำ ผนึกป้องกันที่ทิ้งไว้จึงมีอานุภาพแข็งแกร่ง
แต่ว่าสุดท้ายก็ยังผ่านการเคี่ยวกรำโดยกาลเวลานับหมื่นปี จึงทำอะไรเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้
มิติตรงหน้าเปลี่ยนเป็นมายา ทิวทัศน์ผันแปรอีกครั้ง กลายเป็นตำหนักใหญ่ของอารามเต๋าธรรมดาแห่งหนึ่ง
ด้านในตำหนักใหญ่ เทวรูปสามองค์ตั้งตระหง่าน จากซ้ายไปขวา เป็นใบหน้าของวัยชรา วัยกลางคน และวัยเยาว์
แต่ถ้าหากพิจารณาอย่างละเอียด จะรู้สึกได้ว่าเทวรูปสามองค์นี้คล้ายกับมีความรู้สึกชรา กลางคน อ่อนเยาว์อยู่ทุกองค์ ยากจะใช้อายุเพียงอย่างเดียวมากำหนด
เทวรูปสามองค์บ้างถือพัดวิเศษ บ้างถือไข่ประคำวิเศษ บ้างถือคฑาหรูอี้
แม้นจะเป็นรูปปั้น แต่กลับปล่อยกลิ่นอายเก่าแก่ลี้ลับ
เยี่ยนจ้าวเกอกับอาหู่ต่างปั้นสีหน้าเคร่งขรึม
เทวกษัตริย์เต๋าสายเอกพิสุทธิ์ เทวกษัตริย์บรรพกำเนิดสายหยกพิสุทธิ์ เทวกษัตริย์รัตนวิเศษสายเหนือพิสุทธิ์
นั่นเป็นรูปปั้นของบรมครูสามพิสุทธิ์แห่งสำนักเต๋า
ตำหนักใหญ่แห่งนี้เป็นตำหนักหน้า บูชาสามพิสุทธิ์ร่วมกัน สำนักที่สืบทอดเต๋าทุกสำนัก โดยพื้นฐานล้วนเหมือนกัน
แน่นอนว่า ทางโถงเซียนย่อมเป็นข้อยกเว้น
เมื่อบรรลุถึงตำหนักหลัง การสืบทอดของแต่ละสำนักก็จะไม่เหมือนกันแล้ว
ผู้สืบทอดสายหยกพิสุทธิ์ ตำหนักหลังจะบูชาเทวกษัตริย์บรรพกำเนิดองค์เดียว ผู้สืบทอดสายเอกพิสุทธิ์ ตำหนักหลังจะบูชาเทวกษัตริย์เต๋าองค์เดียว ผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์จะบูชาเทวกษัตริย์รัตนวิเศษองค์เดียว
สำนักที่ไม่ใช่ผู้สืบทอดสายตรง เพราะเทวกษัตริย์เต๋าสั่งสอนเต๋า เผยแผ่หลักคำสอนไปทั่วโลก ดังนั้นทุกคนจึงบูชาเทวกษัตริย์เต๋า
นี่เป็นการเคารพบูชา สืบย้อนไปถึงต้นตอ
นอกจากตำหนักหยกมายา ตำหนักดุสิต และตำหนักท่องมรกตที่แท้จริงในอดีต ไม่มีใครกล้าอ้างตัวเองเป็นบรมครูสายสามพิสุทธิ์แล้วเปิดสำนัก
สำนักและพรรคต่างๆ มีบูรพาจารย์ผู้ก่อตั้งสำนักและบรรพบุรุษแต่ละรุ่นของตัวเอง ซึ่งจะบูชากราบไว้ในศาลบรรพบุรุษจะไม่ได้อยู่กับตำหนักใหญ่
‘ที่ตำหนักหน้าตรงนี้ สมควรเป็นที่ควบคุมสะกดป้องกัน’ เยี่ยนจ้าวเกอมองรอบๆ ก่อนจะมาถึงมุมหนึ่งของตำหนัก
ที่นั่นวางโต๊บูชาตัวหนึ่งไว้ ด้านบนปูผ้าสีเหลืองผืนหนึ่ง ที่ใช้สีชาดเขียนลวดลายค่ายกลรูปหนึ่งไว้
เยี่ยนจ้าวเกอพินิจพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง สีหน้าอดแปลกประหลาดขึ้นไม่ได้ “…ไม่ใช่กระมัง”
เขาก้มมองแส้ปัดหักครึ่งในมือ “บัดซบ ล้อข้าเล่นหรือ”
“คุณชาย มีเรื่องอะไรหรือ” อาหู่เดินเข้ามา สีหน้าประหลาดใจเหลือประมาณ
มุมปากของเยี่ยนจ้าวเกอกระตุกเล็กน้อย หัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ “อย่าเพิ่งไปสนใจเรื่องเหล่านั้น ฟังข้าให้ดี”
เขาใช้นิ้วชี้รูปค่ายกลที่ใช้สีชาดวาด พร้อมกับอธิบายให้อาหู่ฟัง “ความลี้ลับในนี้ เจ้าจำไว้แล้วใช่หรือไม่”
อาหู่แม้นว่าจะไม่ได้เชี่ยวชาญค่ายกลเท่าเสี่ยวอ้าย แต่ว่าการอธิบายของเยี่ยนจ้าวเกอลึกซึ้งเรียบง่าย วิเคราะห์อย่างชัดเจน ด้วยความสามารถของอาหู่จึงยังทำความเข้าใจได้
“ข้าจำได้แล้วขอรับคุณชาย” หลังจากอาหู่ไตร่ตรองในใจรอบหนึ่งก็พยักหน้าตอบ
เยี่ยนจ้าวเกอว่า “จำได้ก็ประเสริฐ ต่อจากนี้ข้าจะเข้าไปหาของ เจ้าเฝ้าที่นี่ไว้”
“ถึงผนึกป้องกันจะถูกข้าทะลวงเข้ามาแล้ว แต่อีกไม่นาน พลังของมันจะฟื้นกลับมา”
เขาอธิบาย “ข้าสังหารคนจากเขาสามขาเหล่านั้น กลับไม่พบแส้ปัดอีกครึ่งบนตัวพวกเขา นี่แสดงให้เห็นว่าพวกเขายังมีคนที่ถือแส้ปัดรออยู่ด้านนอกเพื่อรอสนับสนุน”
“ถ้าหากทราบว่าคนก่อนหน้านี้ถูกข้าสังหาร หรือรอนานแต่ไม่มีสัญญาณ คนที่อยู่ด้านนอกอาจจะเข้ามาได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี