พอได้ยินคำถามของเยี่ยนจ้าวเกอ จวงเจาฮุยก็งงงันเล็กน้อย
หลังจากได้สติกลับมา สีหน้าของเขาก็กลายเป็นประหลาดพิกลอย่างไม่อาจควบคุม
จวงเจาฮุยมองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความสับสนอยู่ครู่หนึ่ง คล้ายโกรธคล้ายไม่โกรธ คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ข้าคิดออกแล้ว เมิ่งหวานนั่นมาจากโลกเบื้องล่างใบเดียวกับเจ้า สำนักที่อยู่โลกเบื้องล่างของนางถูกเขากว่างเฉิงของเจ้าทำลายไปกระมัง”
“บิดาของนางเป็นใคร บิดาของนางเป็นใคร…ฮ่า! บิดาของนางเป็นใครหรือ”
จวงเจาฮุยพลันหัวเราะขึ้น “เจ้าคงไม่อยากรู้แน่”
“แต่อีกไม่นานเจ้าจะได้รู้แล้ว”
รอยยิ้มของเขาเต็มไปด้วยแววเยาะเย้ย “อีกไม่นาน!”
จวงเจาฮุยจ้องเยี่ยนจ้าวเกอ “ข้าอยากจะเห็นนัก ว่าสีหน้าของเจ้าหลังจากทราบเรื่องจะเป็นอย่างไร แต่ตอนนี้ข้าขอบอกเลยว่าไม่น่ายินดีอย่างนั้นแน่”
“อ้อ?” เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินแล้วกลับไม่มีโทสะ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านก็พกความเสียดายไปด้วยเถอะ”
ว่าแล้วเขาก็จับเปลวเพลิงกลุ่มนั้น หุบห้านิ้วลง หมายจะขยี้เปลวเพลิง!
ใบหน้าของจวงเจาฮุยค่อยๆ สลายไปในเปลวเพลิง
ทว่าบนใบหน้าของเขายังคงปรากฏความสุข กรีดร้องว่า “เยี่ยนจ้าวเกอ ข้าจะรอเจ้าอยู่ด้านล่าง วันนั้นอยู่อีกไม่ไกล อีกไม่นานหรอก! อีกไม่นาน!”
“ถึงแม้ท่านจะไม่ได้บอกอะไรข้าเลย แต่จากคำพูดของท่าน ข้าก็พอจะทายออกคร่าวๆ แล้ว หลังจากเมิ่งหวานถูกท่านพาตัวไป นางก็ปลอดภัยไร้เรื่องราว” เยี่ยนจ้าวเกอมุมปากโค้งขึ้นเล็กน้อย “แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว”
จวงเจาฮุยตวาด “โจรน้อยแซ่เยี่ยน ข้าจะรอดูว่าเจ้าจะตายอย่างไร!”
“นั่นไม่ใช่เรื่องที่ท่านควรเป็นห่วงแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะเหอะๆ พลางออกแรงที่ห้านิ้ว ทำลายเปลวเพลิงกลุ่มนั้นโดยสมบูรณ์
พลังชีวิตอันเปี่ยมล้นครานี้เหลือเพียงน้อยนิด ชีวิตของจวงเจาฮุยขาดสะบั้นเช่นนี้
เยี่ยนจ้าวเกอหยิบแผ่นหยกชิ้นนั้นขึ้นมาดู ‘จอมยุทธ์ที่ฝึกเคล็ดวิชาวรยุทธ์ที่พิเศษ มีพลังชีวิตกล้าแข็งเช่นนี้ เวลาฆ่าช่างยากเย็นจริงๆ’
ทว่าครั้งนี้แผ่นหยกไม่ได้มีการตอบสนองใดๆ
จวงเจาฮุยใช้การดับสิ้นของหงส์เพลิงไปแล้ว ความสามารถที่เตรียมไว้ล่วงหน้าซึ่งจวงเซินบิดาของเขาได้ทิ้งเอาไว้ให้ก็ถูกจัดการแล้วเช่นกัน
มาตรแม้นว่าจวงเจาฮุยจะมีพลังชีวิตแข็งแกร่งกว่านี้ ครั้งนี้ก็ต้องไปเจอมัจจุราชแล้ว
ครั้นจวงเจาฮุยถูกสังหาร นั่นหมายความว่าความแค้นระหว่างเยี่ยนจ้าวเกอ เขากว่างเฉิง กับประมุขทักษิณจวงเซิน ได้เลื่อนขึ้นไปอยู่ระดับใหม่แล้ว
จิตใจของเยี่ยนจ้าวเกอกลับสงบราบเรียบยิ่ง ไม่เศร้าและไม่ยินดี เขาเก็บตราประทับตะวันและแผ่นหยก หันไปมองอาหู่และพ่านพ่าน กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ค้นหาในอารามเอกนิกายเป็นครั้งสุดท้าย พวกเราก็ไปได้แล้ว”
ถึงแม้ทั้งสองฝ่ายจะสู้กันแค่ชั่วครู่เดียว เยี่ยนจ้าวเกอก็กำจัดพวกจวงเจาฮุยได้ แต่พลังที่กระตุ้นไปไม่อ่อนแอเลย
ผลกระทบที่การต่อสู้ก่อให้เกิด ทำให้อารามเอกนิกายทั้งหมดต่างได้รับผลกระทบ กำลังจะถล่มลง
ที่นี่ถึงอย่างไรก็ถูกทิ้งร้างมาหลายปี ไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนเช่นในอดีต
ในอารามยังมีของวิเศษและโอสถอยู่ไม่น้อย
กระนั้นหลังจากผ่านวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในอดีต และผ่านการกัดกร่อนของวันเวลาอันยาวนาน สิ่งของส่วนใหญ่ก็เสื่อมสลายไปแล้ว
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ในสิ่งที่เหลืออยู่ก็ยังคงมีของล้ำค่าอยู่ไม่น้อย
บางอย่างในจำนวนนี้ สำหรับคนส่วนใหญ่อาจจะดูธรรมดา ไม่มีคุณค่าเท่าไร
ทว่าสำหรับเยี่ยนจ้าวเกอ มันกลับสามารถเปลี่ยนความเสื่อมโทรมให้กลายเป็นความน่าอัศจรรย์ เปลี่ยนของเสียให้กลายเป็นของวิเศษได้
หลังจากจัดการสิ่งของที่ต้องตาต้องใจเหล่านี้เสร็จ เยี่ยนจ้าวเกอก็พาอาหู่และพ่านพ่านกลับตำหนัก
พวกเขาคารวะเทวรูปบรูมครูสามพิสุทธิ์อีกครั้ง จากนั้นเยี่ยนจ้าวเกอก็มาถึงตรงหน้าโต๊ะบูชา มองดูลวดลายอาคมบนผ้าเหลืองที่ใช้สีชาดเขียน
“อ้อ จะถอยออกไปแล้วรึ”
เพราะคนจากเนินต้นจักรพรรดิถูกการโจมตีจากภัยพิบัติทั้งสามของผนึกป้องกันในอารามเอกนิกายก่อน ดังนั้นคนกลุ่มที่สองของเขาสามขาที่ตามมาในภายหลังจึงสบายขึ้นมา
แม้การทำงานพร้อมกันของสามภัยพิบัติจะน่ากลัว แต่ก็เป็นการลดทอนความต่อเนื่องอย่างอ้อมๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี