เยี่ยนจ้าวเกอหันไปมองเซี่ยกวง ประหลาดใจเหลือแสน “จะกลับไปอย่างไร ย่อมต้องไปทางตะวันออกอยู่แล้ว”
“เอ่อ…” เซี่ยกวงสะอึก จากนั้นก็กล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่น “คุณชาย เยี่ยนเมื่อครู่นี้ท่านไม่ได้บอกว่าหากร่องรอยถูกเปิดเผย จะมีศัตรูไม่ต่ำกว่าหนึ่งกลุ่มมาหาเรื่องไม่ขาดสายหรอกหรือ”
“สำหรับจอมยุทธ์ที่มาจากเขตตะวันอาคเนย์อย่างพวกเรา เขตเพลิงทักษิณนี้ล้วนเต็มไปด้วยศัตรู…”
เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินก็ยิ้มเล็กน้อย “ถ้าหากว่าท่านเดินทางคนเดียว ย่อมเป็นเช่นนั้นแน่ แต่ตอนนี้ไม่ใช่ว่ามีข้าร่วมทางกลับตะวันออกเฉียงใต้ด้วยหรอกหรือ”
เซี่ยกวงงุนงงอีกครา อ้าปากพะงาบ แต่ครั้งนี้ไม่มีเสียงออกมา
“ประมุขทั้งสิบ รวมถึงประมุขทักษิณล้วน ทั้งหมดถูกเชิญไปที่เขตมหานภากลางแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ย “ตามประสบการณ์ในอดีต พวกเขาน่าจะเข้าฌาน ต่อให้จอมยุทธ์ทางเขตเพลิงทักษิณคิดแจ้งข่าว ประมุขทักษิณก็คงไม่ได้รับข่าว”
ไม่อย่างนั้นมิพักเอ่ยถึงเรื่องอื่น ความตายของจวงเจาฮุย ก็มากพอที่จะทำให้จวงเซินวางเรื่องราวในมือ แล้วกลับเขตเพลิงทักษิณทันที
เยี่ยนจ้าวเกอแบมือ กล่าวด้วยรอยยิ้ม “มีคำกล่าวว่า ‘ในภูเขาไร้พยัคฆ์ วานรย่อมเป็นใหญ่’ พยัคฆ์อย่างประมุขทักษิณไม่อยู่ วานรอย่างข้าคิดจะคิดจะทำตามใจในเขตเพลิงทักษิณยังยากอยู่บ้าง แต่คิดหนีออกไปกลับไม่ยากแล้ว”
เซี่ยกวงได้ยินก็กลืนน้ำลาย
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างผ่อนคลาย ทั้งยังเหน็บแนมตัวเองและสัพยอก แต่ว่าความหมายในวาจา กลับทำให้เซี่ยกวงต้องสยิวกาย
พูดง่ายๆ อธิบายอย่างชัดเจนก็คือ ในเขตเพลิงทักษิณ ถ้าประมุขไม่ออกโรง เยี่ยนจ้าวเกอจะไปจะมาล้วนขึ้นอยู่กับความต้องการของตัวเอง
ถ้าเป็นคนที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนระยะท้าย เซี่ยกวงคงไม่รู้สึกแปลกใจ
แต่ปัญหาอยู่ที่ เยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ ยังไม่ได้ปีนขึ้นสะพานเซียนเลย…
เขตเพลิงทักษิณย่อมมีประมุขทักษิณจวงเซินเป็นผู้ปกครอง อยู่เหนือคนทั่วไป
แต่รองจากจวงเซิน ยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ก็ไม่ใช่ว่ามีไม่กี่คน
ไม่ว่าเป็นใครก็ล้วนโลดแล่นในใต้หล้ามาหลายปี เรียกได้ว่าเป็นยอดฝีมือระดับสุดยอดที่มีชื่อเสียงบนโลกซ้อนโลก
นอกจากนี้แล้ว ยังมียอดฝีมือในขั้นสะพานเซียนอีกมามาย แต่ละคนล้วนเป็นผู้ทรงอำนาจที่ยิ่งใหญ่ทั้งสิ้น
หากไม่ใช่ประมุขพรรค ก็เป็นระดับผู้อาวุโส
ถ้ายึดตามสถานการณ์ปกติ ในกลุ่มคนผู้นี้ไม่ว่าใครก็บดขยี้จอมยุทธ์ขั้นเทวะสำแดงคนหนึ่งได้ทั้งสิ้น
เหล่าศิษย์เอกของสำนักเช่นจวงเจาฮุย หลงฮั่นหัว เฉิงโม่ เมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่มีระดับพลังฝึกปรือมากกว่าตัวเองเกินไป ก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน
อัจฉริยะแห่งยุคเช่นฟู่ถิง ก็ไม่กล้าบอกว่าอาศัยเพียงพลังของตัวเอง ไม่อาศัยเบื้องหลัง ก็สามารถไปมาในเขตเพลิงทักษิณได้อย่างอิสระเช่นกัน
พวกเขาสามารถบดขยี้ยอดฝีมือที่อยู่ในระดับเดียวกันได้เป็นจำนวนมาก สามารถท้าสู้หรือแม้แต่เอาชนะคู่ต่อสู้ที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ด โดยที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหกได้
กระนั้นปัญหาก็คือ คู่ต่อสู้ของพวกเขา เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเป็นยอดฝีมือในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปด ไปจนถึงจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า
อีกทั้งยังมีไม่ต่ำกว่าหนึ่งคน
“คุณชายเยี่ยน…” เซี่ยกวงถามอย่างเหลือเชื่อ “ความหมายของท่านคือ ถ้ามีคนขวาง พวกเราก็ทะลวงกลับไปหรือ”
เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินดังนั้น บนใบหน้าก็ปรากฏแววครุ่นคิดอย่างจริงจัง จากนั้นก็ตอบว่า “ทะลวงกลับไปหรือ อืม…ถ้าไม่เจอคู่ต่อสู้ที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าขึ้นไป แม้ว่าจะมีคนขวางทาง พวกเราก็ทะลวงกลับไปได้ไม่เป็นไร”
แม้เยี่ยนจ้าวเกอจะปั้นสีหน้าใคร่ครวญอย่างจริงจัง แต่วาจาที่กล่าวออกมาก็ยังทำให้หลายๆ คนคิด ว่าถ้าเขาไม่ได้กำลังคุยโว เขาคงเป็นคนเสียสติแน่
เขามองเซี่ยกวง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “บางครั้งข้าก็ชอบนำทัพเสี่ยงอันตราย แต่ไม่ถึงขั้นเอาชีวิตตัวเองมาล้อเล่น”
“เป็นอะไรไป ข้าทำเจ้าตกใจหรือ ยังอยากจะร่วมทางกับข้าหรือไม่”
เซี่ยกวงมองเยี่ยนจ้าวเกอที่มีสีหน้าสงบนิ่ง ในใจเกิดความรู้สึกผิดอย่างฉับพลัน
เขาเดิมทีเป็นคนเลือดลมพลุ่งพล่าน ไร้ความกลัวเกรง พลันกล่าวเสียงดัง “ได้ติดตามคุณชายเยี่ยนท่านไปในครั้งนี้ เป็นเรื่องน่ายินดีของชีวิต ไหนเลยจะไม่ยินดี”
เซี่ยกวงก่อนหน้าเก็บตัวอยู่ในเรือน ถึงแม้ว่าคนในตระกูลจะนำข่าวสารของโลกภายนอกมาบอกเล่าให้เขาฟัง แต่ว่าข่าวที่เขาได้มาก็ยังคงมีจำกัดจำเขี่ย
กระนั้นเขาก็เคยได้ยินชื่อของเยี่ยนจ้าวเกอมาก่อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี