คืนนี้ฟ้ามืดแต่ไม่มีฝนสายลมพัดเอื่อยๆ หนานกงอิ๋นยืนมองไปทางตำหนักร้างห่างจากวังหลวงสิบลี้ ที่นั่นเขาส่งเจียงฟางซินไปเฝ้า เจียงเป้าบิดานางอาศัยความดีความชอบของบิดามาบังคับให้เสด็จพ่อพระราชทานงานแต่งครั้งนี้ เขารู่ว่าสกุลเจียงไม่ถูกกับสกุลจางพอเจียงซิวยวี่จากไปเขาครองราชย์สิ่งแรกที่ทำคือเนรเทศเจียงเป้าไปปกครองเมืองหน้าด่าน
บิดาเป็นเช่นไรบุตรสาวเป็นเช่นนั้นโหดเหี้ยมถึงกลับยุยงให้บรรดาสนมตบตีกัน เขาไม่เคยเจอหน้านางวันแต่งยังทิ้งนางไว้ในตำหนักมีแค่ตอนเช้านางมาถวายพระพรจากนั้นพอรู้ว่าครอบครัวถูกเนรเทศนางก็รังเกียจเขา หึสมควรแล้วต้องเป็นข้าที่เกลียดเจ้าไม่ใช่เจ้ามีสิทธิ์เกลียดข้า ฉู่กงกงเดินเข้ามาหาก่อนจะเอ่ยขึ้น
"ฝ่าบาทดึกแล้วบรรทมเถิดพ่ะย่ะค่ะ พรุ่งนี้มีราชการแต่เช้า"
"ข้าจะไปตำหนักกุ้ยฮวาหน่อยส่งนางไปที่นั่นมาเกือบปีแล้วอยากรู้ว่านางเป็นคนดีขึ้นหรือยัง ฉู่กงกงไม่ต้องเรียกคนอื่นตามหลี่หมิงหลงมาก็พอ"
หลี่หมิงหลงมาถึงแล้วทั้งสามคนก็ออกทางหลังวัง วิชาตัวเบาฮ่องเต้ไม่ด้อยไปกว่าหนานกงเยี่ยน้องชาย ไม่ถึงหนึ่งเค่อก็มาถึงประตูตำหนัก เห็นเทียนดับไม่มีตะเกียงก็กำลังจะหันหลังกลับ แต่ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ
"ข้ากลับแล้วนะ เกิดไอ้ฮ่องเต้ใจคอคับแคบนั่นส่งคนมาหาเรื่องข้าจะซวยอีก เมื่อวานจางซิ่วเอ๋อร์ก็มาหาเรื่องครั้งนึงแล้ว ไม่รู้ไอ้ลูกเต่าหนานกงอินจะรั้งข้าไว้ทำไมหย่าๆปลดๆซะก็จบข้าจะได้ไปหาท่านพ่อ เมืองหลวงจอมปลอมใครอยากอยู่กัน"
"พี่ฟางซิน รอเขาแต่งจางซิ่วเออร์ก่อนค่อยปลดท่านกระมังเจ้าคะ หรือเจ้าว่าไงซูฉี"
"ไม่รู้สิ อย่าไปใส่ใจเลยมีต้นไม้ใบหญ้าเราก็หาเก็บเอา ไม่ลำบากนักหรอกเขาไม่ชอบก็อย่าไปเสนอหน้าก็เท่านั้น"
จางซูฉีเป็นนักสำรวจ มีบางอย่างเคลื่อนที่นางจึงไม่ต้องการสนทนาต่อไม่รู้ว่าคนหรือสัตว์ฝีเท้าเบามากกันไว้ก่อน ทุกคนจึงพยักหน้าแล้วตัดบททั้งสามคนจึงเงียบแต่โดยดี ข้างในเงียบไปแล้วไม่มีเสียงพูดคุยอีก
นิ้วยาวเรียวนั้นกำแน่นจนเห็นกระดูกนิ้วขาวที่โปนออกมาหลี่หมิงหลงสะกิดเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านอ๋องเย็นชาและภรรยาแสนซน