ลู่จิ้นได้ยินว่ามีสุรา ดวงตาทั้งสองข้างก็เป็นประกาย
ตงฟางหลีรู้ว่า ฉินเหยี่ยนเย่ว์กำลังหาทางลงให้เขา คิ้วที่ขมวดแน่นก็คลายออก ก่อนจะให้คนยกสุราดีเข้ามา
“เจ้าเจ็ด เจ้านี่ช่างรู้ความเสียจริง” หลังจากลู่จิ้นได้กลิ่นสุราหอม ๆ แล้วก็เอ่ยปากชมยกใหญ่ “ศิษย์น้อง ข้าดื่มสุราเสร็จแล้วค่อยไปอยู่กับเจ้าก็แล้วกัน”
“มิต้องให้ท่านมาหรอก” ตงฟางหลีเสียงเย็นเยียบ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตบบ่าของเขาเป็นการปลอบใจ “เจ้าแข่งกับผู้เฒ่าอันใดกัน? มา ข้าเทียบเจ้ากับตงฟางจิ่วแล้วทำบันทึกก่อนดีกว่า
“ที่นี่หรือ?”
“ที่นี่ก็ได้เพคะ”
“นี่...” ตงฟางหลีมองผู้คนที่เต็มอยู่ในห้อง ก็เงียบไปสักพัก แล้วถอดอาภรณ์ออกเงียบ ๆ
“ท่านถอดอาภรณ์ทำไมเล่า? ถอดถุงเท้าก็พอแล้วเพคะ” ช่วงเวลาที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์หันหน้านั้น เขาก็ได้ถอดเสื้อตัวนอกออกแล้ว
ทั้งไหล่ที่กว้าง เอวบาง กล้ามเนื้อและกล้ามหน้าท้องที่สะดุดตาเป็นพิเศษนั้น
หากมิใช่มีพวกลู่ซิวและตู้เหิงอยู่ นางจะต้องก้าวเข้าไปลูบคลำจนหนำใจเป็นแน่
มีก้างขวางคอพวกนี้อยู่ ไม่เหมาะให้นางลงมือ จึงทำได้เพียงละสายตาไปทางอื่น พูดด้วยลำคอตีบตัน “สวมกลับเข้าไป สวมกลับเข้าไปเสีย”
ตงฟางหลีสีหน้ามืดครึ้ม สวมอาภรณ์กลับเข้าไปเงียบ ๆ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์เทียบลายมือ นิ้วมือ นิ้วเท้า เส้นผมและอีกมากมายระหว่างเขาและตงฟางจิ่ว ก่อนจะเขียนข้อเปรียบเทียบลงบนกระดาษอย่างตั้งอกตั้งใจ
“มีส่วนที่คล้ายกันบ้างไหม?” ตงฟางหลีโน้มตัวเข้ามาดู ทว่าดูไม่ออกว่านางวาดยันต์ผีอันใดอยู่
“มี แต่ว่าความน่าเชื่อถือค่อนข้างอ่อนเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์นวดหว่างคิ้ว “พวกท่านมีบิดาดนเดียวกันแต่ต่างมารดา จึงเปรียบเทียบได้ยากสักหน่อยเพคะ เรื่องนี้คงต้องให้เสด็จพ่อมาเทียบด้วยตนเอง”
ทว่า นางที่เป็นสะใภ้ จะสามารถตรวจร่างกายของฮ่องเต้แบบเปิดเผยได้อย่างไร
“หากเป็นพี่สาวของน้องเก้า สามารถเทียบออกมาได้หรือไม่?” ตงฟางหลีพูด


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน