ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่เข้าใจว่าหมายความว่าอย่างไร
ลู่ซิวจึงหัวเราะออกมาเบา ๆ “พระชายา ท่านอย่ามองว่าท่านบรรพบุรุษเย่อหยิ่งเลยพ่ะย่ะค่ะ แท้จริงแล้วเขาเก่งกาจมาก หนังสือแพทย์ที่เผยแพร่ไปทั่วหล้านั้น มีจำนวนมากที่ท่านบรรพบุรุษเป็นคนเขียนขึ้นมาเอง แต่ละเล่มล้วนเป็นสมบัติของแคว้นด้วย”
“สิบปีก่อน ท่านบรรพบุรุษหามุมมองใหม่ ๆ ที่จะเขียนหนังสือแพทย์ไม่เจอ จึงเลิกเขียนไป กระหม่อมคิดว่า เขาน่าจะตัดสินใจแล้วว่าจะเขียนหนังสือแพทย์ขึ้นมาใหม่พ่ะย่ะค่ะ” เขากล่าวเสียงเบา “บนโลกนี้ มีคนที่ประสบชะตากรรมเดียวกับองค์ชายเก้าจำนวนไม่น้อย คนที่น่าเวทนากว่าองค์ชายเก้าก็มีเยอะยิ่งกว่า มีท่านบรรพบุรุษออกหน้าเผยแพร่ความรู้เหล่านี้ เป็นกุศลยิ่งใหญ่พ่ะย่ะค่ะ”
ฉินเหยี่ยนเย่ว์เข้าใจทันที
ภายใต้ความโง่เขลาเบาปัญญาและการซุบซิบนินทาว่าร้าย จะมีคนที่บ้านแตกสาแหรกขาดอีกสักเท่าใด
หากเป็นคนที่ระดับอย่างลู่จิ้นออกหน้าเผยแพร่กฎพันธุกรรมออกไป แม้จะเป็นเพียงผิวเผิน แต่ก็สามารถหลีกเลี่ยงเรื่องน่าเศร้าเช่นเดียวกับตงฟางจิ่วไปได้อีกจำนวนมาก
ไม่เพียงแต่เท่านี้
เมื่อลู่จิ้นเขียนหนังสือออกมา หลังจากนั้นก็ออกหน้าโน้มน้าวเสด็จพ่อ เสด็จพ่อเป็นฮ่องเต้ที่ทรงพระปรีชาสามารถ ต้องการจะเป็นฮ่องเต้ที่ยิ่งใหญ่ ก็จักรับรู้ได้ว่าหนังสือแพทย์เล่มนี้ทลายการหยดเลือดเพื่อทดสอบสายเลือดที่สืบทอดกันมาได้อย่างแน่นอน ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญยิ่ง
หากเสด็จพ่อเห็นด้วยเรื่องที่ลู่จิ้นเขียนหนังสือออกมา เรื่องของน้องเก้าก็ย่อมบรรลุผลสำเร็จ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่า นี่เป็นการตระเตรียมที่ประณีตและชาญฉลาดอย่างหนึ่ง
นางหันไปมองตงฟางหลีโดยไม่รู้ตัว
เมื่อสักครู่นี้ เป็นเขาที่เร่งเร้าให้นางสอนสิ่งเหล่านั้นให้กับลู่จิ้น
ตงฟางหลีเบือนหน้าหนีไปอีกด้านด้วยความร้อนตัว กระแอมไอออกมาเบา ๆ “เอ่อ ข้ากระหายน้ำ”
ฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงรินน้ำชาให้เขาหนึ่งแก้ว
ตงฟางหลีจิบเบา ๆ หนึ่งอึก แล้วหลุบตาลง เห็นว่านางกำลังจ้องเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย ก็ส่งเสียงเหอะออกมา “ท่าทางดื่มชาของข้า พระชายาโปรดหรือ?”
“อย่าคิดเปลี่ยนเรื่องเพคะ เรื่องที่ลู่จิ้นเขียนหนังสือ ท่านเป็นคนวางแผนใช่ไหม?” นางขยับเข้าไปตรงหน้าเขาแล้วเอ่ยถามเสียงเบา “คำนวณถึงขั้นนี้ตั้งแต่เมื่อใดเพคะ?”
ภายในระยะเวลาสั้น ๆ เขาคำนวนถึงขั้นนี้ได้อย่างไร!
ต่อสู้กับเขา รังแต่จะทำให้สมองพังเอาได้
ตงฟางหลีเห็นว่านางไม่โกรธเคือง ก็เบาใจ “เหยี่ยนเย่ว์ ข้าขอโทษ”
“อย่าได้ใส่ใจเลยเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูด “หม่อมฉันมิได้กล่าวโทษท่าน”
ตงฟางหลีคิดเรื่องที่นางคาดไม่ถึงได้ หลังจากพวกเขาร่วมมือกัน ก็จักเป็นเหมือนกับการเปิดเส้นทางเส้นใหม่
“ทุกแผนการของท่านล้วนต้องให้หม่อมฉันร่วมมือด้วย หากท่านมิเชื่อหม่อมฉัน ต่อให้แผนการของท่านยอดเยี่ยมก็ต้องสูญเปล่า” นางพูดพร้อมทั้งหัวเราะเสียงเบา
แทนที่จะบอกว่าเป็นแผนการ มิสู้บอกว่าเป็นการจัดการอันชาญฉลาดดีกว่า
“ถึงจะกล่าวเช่นนี้ แต่สุนัขจิ้งจอกย่างท่านก็น่ากลัวเกินไปแล้วเพคะ พาหม่อมฉันไปขาย หม่อมฉันยังต้องช่วยท่านนับเงินอีก”
“ข้ามิขาดเงิน อีกอย่าง เจ้าเองก็ขายได้เงินไม่เท่าไร”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน