“เหยี่ยนเย่ว์ เรื่องนี้พยายามอย่าเข้ามายุ่งมากเกินไปเสียจะดีกว่า หากพี่สามรู้ว่าเป็นความเห็นของเจ้า เขาจักเป็นสุนัขจนตรอก วิธีการของคนผู้นั้นน่าหวาดกลัวมากทีเดียว”
เนิ่นนานที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไร้คำตอบ
ตงฟางหลีเหลือบสายตาขึ้นมอง ถึงได้พบว่า ระหว่างที่กำลังพูดนั้น หญิงผู้นี้ได้พิงพนักพิงผล็อยหลับไปแล้ว
เขาอาศัยแสงสลัวมองใบหน้าเหน็ดเหนื่อยของนาง คิดจะสัมผัสแก้มนาง ก็กลัวว่าจะรบกวนจนนางตื่น จึงวางมือลงเงียบ ๆ
วันนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย นางเหนื่อยล้าถึงเพียงนี้ก็มิใช่เรื่องแปลก
ตงฟางหลีคว้ามือของนางขึ้นมาเบา ๆ ทั้งสิบนิ้วประสานกัน
หลังพูดคุยเปิดอกกับฉินเหยี่ยนเย่ว์แล้ว ความคิดก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรุนแรง
ที่ยามเช้ายังเล่นตัว เพราะกลัวว่าจะถูกมองความคิดได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
ครั้นเมื่อสารภาพความในใจออกไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากได้ฟังฉินเหยี่ยนเย่ว์ตอบคำถามต่อหน้า ความรู้สึกที่กดไว้ในส่วนลึกของหัวใจก็ไม่จำเป็นที่จะต้องซุกซ่อนอีกต่อไป ความคิดที่สับสนวุ่นวายเหล่านั้นในอดีตก็ถูกโยนออกไปจนสุดขอบฟ้า
วันนี้ เป็นความรู้สึกที่แท้จริงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ตงฟางหลีที่ตัดใจปลุกนางไม่ได้ หยิบอาภรณ์ตัวหนาขึ้นมาคลุมให้
รถม้ายังคงแล่นไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า
ก่อนที่ความเร็วจะลดช้าลงเรื่อย ๆ จนหยุดนิ่งในที่สุด
รถม้าหยุดได้หนึ่งเค่อ ก็ยังคงไม่มีทีท่าว่าจะเคลื่อนไปข้างหน้าต่อ
“เกิดอันใดขึ้น?” ตงฟางหลีเหลือบมองท้องฟ้าที่มืดลงแล้ว จึงเอ่ยถาม
“ท่านอ๋อง ข้างหน้าถูกขวางไว้พ่ะย่ะค่ะ” คนขับรถม้าเหงื่อเย็นไหลอาบ “ทั้งคนและรถม้าเบียดเสียดกัน จึงมีคนมามุงดูเรื่องสนุกกันมาก ไปต่อไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”
“อ้อ? เกิดอันใดขึ้น?”
“ได้ยินว่ามีคนหมดสติอยู่คนหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ” คนขับรถม้าพูด “หมอที่อยู่ใกล้ ๆ นี้ไม่กล้ารักษาให้ จึงปิดประตูไปตั้งนานแล้ว คนที่มุงดูเรื่องสนุกจึงมีมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วก็แออัดกันอยู่กลางถนนพ่ะย่ะค่ะ”
ตงฟางหลีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
ชาวตงลู่มีบุคลิกนิสัยเรียบง่าย คนที่ผ่านไปมาประสบปัญหา หลาย ๆ คนก็จะเข้ามายื่นความช่วยเหลือ ย่อมไม่ดึงดูดคนมามุงเยอะถึงเพียงนี้อย่างแน่นอน
ตงฟางหลีดวงตาเป็นประกายวาววาม เขาเอนกายแนบชิดได้ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากถามหยั่งเชิง “เหยี่ยนเย่ว์ คืนนี้พวกเรา...”
“ตงฟางหลี ท่านได้กลิ่นเลือดไหมเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ขมวดคิ้วเป็นปม ขัดคำพูดของเขาให้กลับไป “เหมือนว่าหม่อมฉันจะได้กลิ่นที่ไม่น่าพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง ข้างหน้าเกิดอะไรขึ้นหรือ?”
ตงฟางหลีสีหน้าดำทะมึน
“ได้ยินว่ามีคนหมดสติไป” เรื่องสำคัญที่เขาอยากจะพูดถูกขัดจังหวะ ก็มีสีหน้าคาดไม่ถึง
“หมดสติหรือ? ไยถึงไม่มีคนเชิญท่านหมอมาเล่า? กลิ่นเลือดนี้พิกลนัก หม่อมฉันลงไปดูสักหน่อย” ฉินเหยี่ยนเย่ว์สวมเสื้อคลุมกันลมตัวใหญ่ แล้วกระโดดลงจากรถม้าไปทันที
“นี่...” ตงฟางหลีห้ามไว้ไม่ทัน
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ฝ่ากำแพงมนุษย์ เบียดเสียดเข้าไปจนถึงข้างใน
ตรงกลางถนนมีรถม้าจอดอยู่หนึ่งคัน
ล้อของรถม้าคันนั้นเกิดปัญหาขึ้น มิอาจเคลื่อนตัวไปข้างหน้าได้ กระทั่งม้าและเกวียนก็ยังคงอยู่กลางถนน
ด้านข้างรถม้านั้น มีคนที่ท่าทางราวกับสาวใช้ผู้หนึ่งกำลังคุกเข่าอยู่อีกฝั่ง ดวงตาทั้งสองข้างบวมเป่ง นางโขกศีรษะไปพลางขอร้องวิงวอนให้คนช่วยเหลือ

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน