ฌอนไม่ได้ไปกับพวกเขา เพราะว่าเขาต้องกลับไปทำงานที่ห้องแล็บ
แต่ว่าเนลล์ก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะเหตุผลเดียวที่ทำให้เธอมาที่คือการได้ใช้เวลากับเคธี่เท่านั้น
คนขับรถในรอบนี้เป็นคนขับรถของคฤหาสน์ ไม่ใช่เครเมอร์ ที่เป็นคนขับรถให้พวกเขาเมื่อวันก่อน
เมื่อพวกเขากำลังเดินทางไปในเมือง เคธี่ดูตื่นเต้นมาก หลังจากที่เธอได้แนะนำอนุสาวรีย์ให้แก่พวกเขาแล้ว เธอก็เริ่มเล่าให้เนลล์ฟังถึงกิจวัตรประจำวันของเธอ
เนลล์บอกได้เลยว่าแม่ของเธอดูมีความสุขมากเลยทีเดียว
เธอมีความสุข เพราะในที่สุดเธอก็ยอมรับเนลล์ ให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเธอหรือเปล่า? หรือเธอแค่นึกถึงเรื่องราวในอดีตเท่านั้น?
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร เนลล์ก็รู้สึกได้ว่าทุกอุปสรรคระหว่างพวกเธอทั้งสองคนได้ค่อย ๆ หายไป
เธอรู้สึกราวกับว่าเธอได้กลับไปอยู่ที่จินซองอีกครั้ง
ช่วงบ่ายแก่ ๆ พวกเขาเริ่มรู้สึกเหนื่อยจากการเที่ยวชมสถานที่ต่าง ๆ แล้ว และเนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงวันด้วย พวกเขาจึงเลือกรับประทานอาหาร ที่ร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในเมือง
ร้านอาหารตั้งอยู่ในโรงแรม ทั้งตัวอาคารถูกฉาบไว้ด้วยสีขาว เมื่อพวกเขาเดินเข้าไป พนักงานในร้านอาหารก็จำเคธี่ได้ในทันที พวกเขาจึงทักทายเธอด้วยความเคารพ
เธอก้มหน้าลง และกระซิบกับเนลล์ว่า “ที่นี่ลุงฌอนค่อนข้างเป็นคนที่มีมีชื่อเสียง ผู้คนเข้ามาทักทายฉันเพราะรู้ว่าฉันอยู่กับเขา แต่มันช่างน่าตลก ที่พวกเขายังอุตสาห์จำฉันได้ เพราะว่าฉันถูกขังให้อยู่แต่ที่บ้านเสมอ”
เนลล์หัวเราะลั่นออกมา “หลังจากที่ดูแถวย่านนี้แล้ว ฉันสังเกตเห็นว่าชาวบ้านที่นี่ไม่ค่อยฟุ่มเฟือยกันเลยนะคะ พวกเขาดูใจดี ฉันดีใจที่คุณได้ใช้ชีวิตอยู่ในที่ดี ๆ แบบนี้”
เคธี่ถอนหายใจออกมา “ขอบคุณพระเจ้า ที่ฌอนได้ช่วยฉันไว้ในตอนนั้น ฉันคงจะไม่ได้อยู่ที่นี่แน่ ๆ ถ้าไม่ได้เขาช่วยเอาไว้”
เนลล์พยักหน้า
เคธี่ยิ้มออกมา แล้วพูดว่า “เปลี่ยนเรื่องคุยกันเถอะ วันนี้ฉันจะพาทุกคนมาลองชิมอาหารพื้นเมืองของที่นี่กัน เพราะของที่เราทำกินที่บ้านเป็นอาหารแบบฟิวชั่นล้วน ๆ ถ้าเธอชอบรสชาติของสูตรดั้งเดิม ฉันจะได้ให้เชฟเตรียมอาหารแบบนั้นให้กับเธอ”
จากนั้นกลุ่มของพวกเขาก็เข้าไปหาโต๊ะนั้งกัน
เนื่องจากพวกเขามาถึงที่นี่ช้าไปหน่อย ห้องส่วนตัวจึงเต็มทั้งหมด พวกเขาจึงจำเป็นต้องนั้งทานอาหารในห้องรวม
แต่ทว่าพวกเขากลับไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก เมื่อเจอโต๊ะดี ๆ ที่ริมหน้าต่าง พวกเขาก็พากันนั่งลง
เมื่อทุกคนได้ที่นั้งกันแล้ว เคธี่ก็เริ่มสั่งอาหาร ระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟ พวกเขาก็จิบชาแล้วพูดคุยกันไปพลาง ๆ
ในเวลานี้พวกเขาได้ยินลูกค้าจากโต๊ะอื่น กำลังพูดถึงเรื่องบางสิ่งบางอย่างขึ้นมา
พวกเขาค่อนข้างเสียงดัง มันจึงทำให้ได้ยินการสนทนาของพวกเขาได้อย่างชัดเจน
“นี่ ได้ยินรึเปล่า? คืนนี้จะมีการแสดงที่โรงละครนะ”
“มันมีอะไรใหม่เหรอ? ฉันก็เห็นว่ามันมีแต่การแสดงเดิม ๆ อยู่ตลอดไม่ใช่เหรอ?”
“แต่ว่าคืนนี้ไม่เหมือนกับทุกครั้งนะ เดอะดรีมวอยซ์จะแสดงละครของพวกเขา เรื่องชีวประวัติของนางฟ้าในวันนี้ ถ้าคุณเป็นแฟนละครเพลงของพวกเขา คุณจะรู้ว่าในรอบไม่กี่ปี พวกเขาจะทำการแสดงแค่ครั้งเดียว ถ้าพลาดวันนี้ไป คุณอาจจะไม่มีโอกาสได้ดูพวกเขาแสดงอีกเลยก็ได้นะ”
"จริงเหรอ? ถ้าอย่างนั้นเราไปซื้อตั๋วกันดีกว่า”
ความอยากรู้อยากเห็น พุ่งขึ้นมาบนหน้าอกของเนลล์ ขณะที่เธอเห็นว่าพวกเขาดูตื่นเต้นกันมากแค่ไหน
เธอหันไปมองเคธี่ “คุณแม่คะ พวกเขากำลังพูดถึงการแสดงอะไรเหรอคะ?”
เคธี่หัวเราะออกมา และตอบว่า “เธอหมายถึงที่เขาพูดกันอยู่นั้นเหรอ? ตำนานได้กล่าวเอาไว้ว่ากาลครั้งหนึ่งก่อนที่อารยธรรมจะมาสู่ดินแดนแห่งนี้ หินวิเศษก้อนใหญ่ได้ตกลงมาจากท้องฟ้า ก่อนจะตกลงสู่ท้องทะเลทรายของเรา ด้วยพลังเวทย์มนตร์ หินก้อนนั้นได้ดูดซับสิ่งที่ดีที่สุดของธรรมชาติและค่อย ๆ เปลี่ยนไปเป็นนางฟ้าที่สวยงาม”
“นางฟ้าผู้ที่สุดแสนจะใจดี เมื่อเธอเห็นผู้คนรอบตัวของเธอกำลังจะตาย เพราะความกระหายน้ำ เธอจึงได้ร้องไห้ออกมา และเมื่อน้ำตาได้ไหลอาบลงบนแก้มของเธอ มันจึงกลายเป็นแม่น้ำ เธอรู้ว่าแม่น้ำจะปนเปื้อนไปด้วยทรายทันที เพราะไม่มีต้นไม้อยู่รอบ ๆ บริเวณนั้น และแม่น้ำก็จะแห้งเหือดไปด้วยแสงแดดที่ร้อนจัด ดังนั้นเธอจึงตัดผมของเธอออก และเมื่อมันแตะถึงพื้น มันก็ได้งอกงามขึ้นมาเป็นต้นไม้ที่แข็งแรง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก