อีกอย่างเนลล์ก็กำลังตั้งครรภ์อยู่ด้วย
เธอควรจะต้องนึกถึงเธอให้เยอะ ๆ เข้าไว้
เมื่อคิดได้แบบนั้นเคธี่จึงพยักหน้าตกลง
“เอาล่ะ กลับไปพักผ่อนกันก่อนเถอะ แล้วเราค่อยมาคิดกันอีกทีว่าจะไปดูการแสดงกันอยู่ไหม หลังจากที่ทานอาหารเย็นเสร็จ”
"แบบนั้นก็ดีเหมือนกัน"
เมื่อตกลงกันได้แล้ว พวกเขาก็นั่งรถกลับมาที่คฤหาสน์
เมื่อพวกเขากลับมาถึงคฤหาสน์ พวกเขาก็ได้รู้ว่าฌอนกลับมาจากห้องทดลองได้สักพักแล้ว
ในเวลานี้เขากำลังอยู่ในห้องกระจกหลังบ้าน เพื่อดูแลต้นลูกปัดสีทองอยู่
หลังจากที่รู้ว่าพวกเขากลับมากันแล้ว ฌอนก็เดินออกมาจากด้านหลังของบ้าน และถามว่า “วันนี้คุณไปที่ไหนมาบ้าง?”
เคธี่จึงเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับสถานที่ที่พวกเขาไปกันมาในวันนี้
ฌอนตกใจมาก เมื่อรู้ว่าพวกเขาไปที่วังนางฟ้า
“พวกคุณทุกคนไปที่วังนางฟ้ากันมาเหรอ?”
เคธี่หัวเราะออกมา “ใช่ค่ะ เราอยากรู้เรื่องนี้ เราก็เลยไปดูให้เห็นกับตาตัวเอง”
ฌอนเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา “ที่นั้นมันมีอะไรดี? พวกเขากำลังใช้มันเป็นเครื่องมือในการหาเงิน ผมค่อนข้างเชื่อในตัวเองมากกว่า เรื่องแบบนั้น”
เนลล์ก็หัวเราะออกมาเช่นกัน “ฉันเห็นด้วยกับคุณลุงค่ะ แต่ฉันรู้สึกว่าผู้คนที่นี่จะเชื่อเรื่องนี้กันอย่างจริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อพูดถึงผลไม้ที่ได้รับพรจากคำทำนายอะไรนั้นละก็ ทุกคนต่างก็ยอมตาย เพียงเพื่อจะได้กินมัน”
ฌอนส่ายหน้า
“พวกหูหนวกตาบอดไร้การศึกษา”
แต่เหมือนกับว่าเขาคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เพราะจู่ ๆ เขาก็หันกลับมามองหน้าเนลล์
“ในเมื่อคุณรู้เรื่องนี้แล้ว คุณได้ถามถึงเจ้าของที่อยู่เบื้องหลังของวังนางฟ้านั้นรึเปล่า?”
เนลล์ถึงกับอึ้งไปเลย
เคธี่ยิ้มออกมา “เราถามคนงานที่นั้นไปแล้วค่ะ เราจะไม่ถามเรื่องนี้ได้ยังไง? แต่ว่าคนงานที่นั่นปฏิเสธที่จะบอกเรา เราจึงรู้มาแค่ว่าเขามาจากภาคตะวันออกค่ะ”
“คนจากภาคตะวันออกเหรอ?”
ฌอนเผยหน้าตาดูถูกเหยียดหยามออกมา “เป็นคนของตระกูลฟลินเดอร์”
"ห้ะ?"
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ
สีหน้าของเนลล์เปลี่ยนไปในทันที “คนจากตระกูลฟลินเดอร์งั้นเหรอคะ?”
“ใช่ ตอนแรกฉันก็ไม่รู้มาก่อนเหมือนกัน แต่แล้วก็มีช่วงหนึ่งที่ฉันบังเอิญได้ไปเจอ การพบปะระหว่างใครบางคนกับคนจากวังนางฟ้า ฉันได้ยินบทสนทนาของพวกเขาและพบว่ามีคนที่นั้นทำงานให้กับครอบครัวฟลินเดอร์ แต่ฉันก็ยังคงไม่แน่ใจว่าครอบครัวฟลินเดอร์ เป็นคนสร้างสถานที่แห่งนั้นขึ้นมา หรือมีใครสร้างมาก่อนอยู่แล้ว และพวกเขาก็มายึดไปในภายหลัง แต่ยังไงก็ตามตอนนี้มันอยู่ในกำมือของพวกเขาแล้ว”
สีหน้าของทุกคนหม่นหมองลงทันที ที่เขาพูดจบ
ในบรรดาพวกเขา เนลล์และกิดเดียนต่างก็ยืนหยัดต่อสู้กับตระกูลฟลินเดอร์มาโดยตลอด
เนื่องจากเคธี่มีความสัมพันธ์กับเนลล์ เธอจึงมีความคิดเห็นมากมายเกี่ยวกับครอบครัวฟลินเดอร์ด้วย
ในตอนแรก ทุกคนไม่ได้คิดอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่พวกเขาก็คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าวังนางฟ้าจะเป็นสมบัติของตระกูลฟลินเดอร์
พวกเขาจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เมื่อนึกถึงการมาที่นี่ของพวกเขา
จากนั้นกิดเดียนก็พูดออกมาทันทีว่า “ไม่น่าแปลกใจเลยสักนิดเดียว”
เนลล์ตกใจ เธอถามเขาว่า “เป็นอะไรไปเหรอคะ? ไม่น่าแปลกใจเรื่องอะไร?”
กิดเดียนเม้มปาก ก่อนจะพูดว่า “พวกคุณทุกคนอาจจะคิดว่ามันบ้าไปหน่อย ถ้าผมพูดออกไป แต่ตอนนั้นผมเห็น ชิม่อน ฟลินเดอร์อยู่ที่นั่นด้วย”
ทุกคนตกใจหนักเข้าไปอีก
เนลล์โพล่งออกมาว่า “ชิม่อน ฟลินเดอร์จะไปอยู่ที่นั่นได้ยังไงคะ? เขาอยู่ที่เมืองหลินไม่ใช่เหรอ?”
กิดเดียนพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “ใช่ นั่นถึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม ผมถึงได้รู้สึกประหลาดใจ แต่ถ้าวังนางฟ้าเป็นทรัพย์สินของครอบครัวฟลินเดอร์จริง มันก็คงไม่แปลกที่เขาจะอยู่ที่นั่น”
ทันใดนั้น ทุกคนก็เงียบลง จนสถานการณ์เริ่มอึมครึม
หลังจากผ่านไปได้ระยะหนึ่ง เนลล์ก็พูดออกมาด้วยความหงุดหงิดว่า “ดูเหมือนว่าเราจะเจอไอ้สารเลวนั่น ในทุกที่ที่เราไป”
เคธี่ปลอบใจเนลล์ด้วยการตบหลังมือของเธอเบา ๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก