ในช่วงนี้เขาจึงเดินทางไปเรื่อยเพียงเพื่อคลายความเบื่อหน่าย
เขายังไม่เคยคิดเรื่องที่เป้าหมายของเจฟฟ์ถลำลึกไปกว่านี้ด้วยซ้ำ
ทว่าไม่ใช่มันไม่เคยแวบขึ้นมาในหัวเพราะมันมี ทว่าลางสังหรณ์ของเขาบอกว่ามันอันตราย เขาจึงไม่เก็บมันมาคิดอีก
นั่นคือสาเหตุที่เขาเงอะงะเมื่อกิดเดียนถามเขา
ชิมอนมองกิดเดียนด้วยความรู้สึกสับสน
กิดเดียนก็ไม่ได้เร่งเร้า เขาเพียงแค่รอเงียบ ๆ จนกว่าเขาจะพูด
หลังจากผ่านไปนาน ในที่สุดชิม่อนก็ส่ายหน้าด้วยท่าทางลำบากใจ “ผมไม่รู้ ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไมเขาต้องได้หยกอาถรรพ์ไป!”
กิดเดียนเอ่ยออกมาเสียงแผ่ว “ผมเองก็เชื่อเหมือนกันว่าคุณฟลินเดอร์ไม่รู้เรื่องนี้ แต่ตอนนี้เรื่องก็เกิดขึ้นแล้ว อีกทั้งพวกเราก็รู้เรื่องหมดแล้ว ผมยังหวังว่าคุณฟลินเดอร์จะไม่เอาแต่สนใจตัวเองแล้วละเลยคนอื่น ถ้าเป็นไปได้ เรามาสืบเรื่องนี้ด้วยกัน อย่างไรก็ตามถ้าเจฟฟ์มีจุดประสงค์มีแอบแฝงจริง ๆ ถึงตอนนั้นตระกูลฟลินเดอร์จะได้รับผลกระทบไปด้วย และผมเกรงว่าคุณฟลินเดอร์จะไม่เป็นข้อยกเว้นเหมือนกัน”
เมื่อชิม่อนได้ฟังเช่นนั้น เขาก็เผยยิ้มออกมาด้วยความสิ้นหวัง
“คุณอาจจะยังไม่รู้ แต่ผมถูกขับออกจากตระกูลแล้ว ดังนั้นในอนาคตไม่ว่าตระกูลของผมจะรอดหรือไม่ ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับผม”
กิดเดียนเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ
เขาคาดไม่ถึงว่าชิม่อนจะถูกขับออกจากตระกูล
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มเข้ม “ถ้าเป็นแบบนั้น ผมจะไม่บังคับคุณอีก ขอบคุณที่เล่าเรื่องทั้งหมดนี้ ในอนาคตถ้ามีโอกาสผมจะตอบแทนบุญคุณคุณ”
เมื่อพูดจบชายหนุ่มจึงลุกขึ้นยืน
ชิม่อนก็ลุกขึ้นเช่นกัน
ชิม่อนคิดทบทวนแล้วในที่สุดเขาก็เอ่ยขึ้น “ผมจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อสืบหาที่อยู่ของคุณนายลีย์ แต่คนอย่างเจฟฟ์ ฟลินเดอร์ ถ้าเขาคิดจะซ่อนบางอย่างเอาไว้ ผมเกรงว่าจะเป็นเรื่องยากที่จะหาตัวเขาเจอ เพราะฉะนั้นอย่าคาดหวังมากจนเกินไปนะครับ”
กิดเดียนชะงักฝีเท้าโดยไม่หันกลับมา
เพียงครู่เดียวเขาก็หันกลับมาพูดเบา ๆ “ขอบคุณนะครับ”
หลังจากเขาก็สาวเท้าเดินออกไป
ประตูไม้บานเก่าส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด แล้วชายผู้นั้นก็หายไปท่านกลางสายลมยามค่ำคืน ในขณะที่ชิม่อนยืนข้องมองร่างนั้นอยู่ข้างใน เขายืนอยู่ตรงนั้นเงียบ ๆ เป็นเวลานาน
กิดเดียนขึ้นรถทันทีเมื่อเขาเดินออกมาจากวิหารเทพ
คนขับรถหันหน้ามาถาม “ท่านประธานครับ เราจะไปที่ไหนต่อไหมครับ?”
กิดเดียนนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ “กลับไปที่คฤหาสน์”
“รับทราบครับ”
จากนั้นจึงสตาร์ดรถแล้วขับไปยังเส้นทางที่ไปยังปราสาท
ขณะที่นั่งอยู่ในรถ กิดเดียนมองทิวทัศน์ที่ผ่านไปอย่างเร็วพลางหรี่ตาลง
เรียวนิ้วขยับแหวนแต่งงานอย่างเหม่อลอย เนลล์สวมให้เขาในวันที่พวกเขาได้แต่งงานกัน
ค่ำคืนนี้อากาศหนาวเย็น มุมปากของชายหนุ่มยกขึ้นน้อย ๆ อย่างเย้ยหยันราวกับมีสายตาคมกริบในความมืดมิด
‘เจฟฟ์ ฟลินเดอร์ ตอนนี้ธาตุแท้ของนายถูกเปิดโป่งแล้ว’
‘ฉันสะกดรอยตามนายมาหลายปีแล้ว ฉันรู้มาตลอดว่านายแตกต่างจากคนปกติทั่วไป แต่ฉันคิดไม่ถึงเลยว่านายจะมีภูมิหลังเช่นนี้ มนุษย์จากเมื่อพันปีก่อน... ไม่แปลกใจเลย ฉันเคยจับได้เมื่อสิบปีก่อน แต่นายปิดบังเอาไว้ เมื่อก่อนฉันไม่รู้ว่านายเกี่ยวข้องกับตระกูลฟลินเดอร์ แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้ว...หึ!’
กิดเดียนถอดแหวนแต่งงานออกจากนิ้วนางข้างซ้าย ด้วยเป็นเวลากลางคืน ทำให้เขาสังเกตเห็นได้ว่าจู่ ๆ สีของเพชรที่อยู่บนแหวนแต่งงานก็เปลี่ยนไป สีแดงราวกับเลือดส่งประกายแวววาวในความมืด
เขากดลงบนเพชรเบา ๆ ด้วยแรงกดหลายระดับ
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ณ อาคารเหล็กสีเทาที่อยู่ห่างออกไปหลายหมื่นไมล์ กลุ่มคนมุงดูรหัสที่แสดงขึ้นบนหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างกะทันหันทั้งตะโกนขึ้นด้วยความตกใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก