ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก นิยาย บท 145

”อ๊ากกกกก! อย่าเข้ามา อย่าเข้ามา!”

แสงไฟภายในห้องส่องสว่างเมื่อเปิดสวิตช์ไฟ

เซลีนโผเข้าหาอ้อมกอดของซีเวีย หลังจากนั้นซีเวียก็ลูบหลังของเซลีนเบาๆทั้งถอนหายใจ

“โอ้ เด็กน้อย ฉันคิดว่ามีบางอย่างจริง ๆ ลองมองดู มันเป็นแค่ผ้าม่านเท่านั้น คุณนอนหลับโดยไม่ได้ปิดหน้าต่าง ดังนั้นลมจึงพัดเข้ามาในห้องจากด้านนอก มือที่คุณพูดถึงเป็นเพียงผ้าม่านเท่านั้น”

หญิงชราโบกมือของเธอให้ดู

เซลีนเพ่งมองไปที่จุดนั้นและในไม่ช้าก็รู้ว่าภาพหลอนที่เธอเห็นนั้นเป็นการเข้าใจผิดจริง ๆ แล้วมันคือผ้าม่าน

เธอถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง

“ฉันเห็นภาพหลอนเหรอ?”

“มันต้องเกิดจากเเรงกดดันที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้”

ที่จริงแล้วซีเวียค่อนข้างจะพูดไม่ออกด้วยซ้ำเซลีนที่กลัวผ้าม่านและปลุกทุกคนกลางดึก

แต่ถึงอย่างนั้นมันคงเป็นเรื่องดีถ้าเธอจะหยุดพูดเมื่อเห็นใบหน้าที่ซีดเซียวของเซลีน

เช่นนั้นเธอจึงตบมือของเธอ “ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว อย่าให้พูดซ้ำซาก มันไม่มีอะไร ไปพักผ่อนกันซะ”

เธอจึงนำคนอื่น ๆ ออกไป

เซลีนยืนอยู่ตรงนั้นอ้าปากค้างราวกับอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่คำพูดนั้นไม่ได้หลุดออกจากริมฝีปากของเธอ

แซลลี่ยังคงจ้องมองดูเพื่อให้มั่นใจก่อนที่จะเดินออกจากห้องเช่นกัน

ที่ทางเดินซีเวียหยุดและถามกับแซลลี่ “คุณได้อัปเดตเกี่ยวกับข้อมูลของเซลีนและผู้คนในเมืองหลวงหรือไม่?”

แซลลี่ตอบด้วยท่าทางเคารพ “พวกเขาตรวจสอบแล้วแต่ไม่ได้รับคำตอบที่แท้จริง ถึงมันเพิ่งยอมรับว่าสิ่งนั้นเป็นเรื่องจริงก็ตาม เช่นนั้นพวกเราน่าจะได้รับคำตอบโดยเร็ว”

ซีเวียขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจของเธอ

แซลลี่เพิ่มเติม “มันหายไปกว่าสองทศวรรษหลังจากนั้น ไม่แปลกเลยที่พวกเขาจะป้องกันเอาไว้ก่อน ตระกูลที่มีชื่อเสียงและมีอิทธิพลเช่นพวกเขาจะไม่ทอดทิ้งเซลีน หากพวกเขาสามารถยืนยันได้ว่าเธอเป็นส่วนหนึ่งของสายเลือดของพวกเขา”

ซีเวียคำรามอย่างหนัก

“นี่เป็นความเกี่ยวข้องของเจนนิงส์ทั้งหมด ต้องไม่มีอะไรผิดพลาด อนาคตของซีเวีย และอนาคตของเจนนิงส์ ขึ้นอยู่กับมันเป็นอย่างมาก เราต้องระมัดระวังแต่ละย่างก้าว”

แซลลี่ตอบรับในทันที “ฉันรู้คุณแม่”

ไม่มีคำพูดใดอีก ซีเวียนำคนของเธอออกจากที่เกิดเหตุ

แซลลี่ถอยหายใจเมื่อจ้องมองร่างของท่านผู้หญิงที่กำลังห่างออกไป

ฌอนมาจากด้านหลังและเย้ยหยันอย่างเย็นชา

“มันคือฉันที่มีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการผูกมิตรกับกับผู้หญิงมอร์ริสันคนนั้น และสร้างเจนนิงส์ให้เป็นอยู่อย่างปัจจุบันนี้ แต่เธอได้มอบมรดกทั้งหมดให้กับนังดาราคนนั้น เธอทำกับฉันแบบนั้นเพื่ออะไร? บ้าเอ้ย!”

แซลลี่เม้มริมฝีปากของเธอเบา ๆ

“เจนนิงส์คืออะไร?” กับดวงตาที่หม่นลงของเธอ เธอคลี่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ที่ริมฝีปากของเธอ

“ถ้าพวกเราทำสำเร็จ เซลีนตัวน้อยของพวกเราจะกลายเป็นซินเดอเรลล่า แฮนค็อกและมอร์ตันนับประสาอะไร เจนนิงส์จะต้องคุกเข่าประจบประแจงพวกเรา ฌอน อย่ามองเพียงอะไรก็ตามที่อยู่แค่ตรงหน้าคุณและกังวลกับผลประโยชน์เพียงเล็กน้อย ไม่มีอะไรดี ๆ จะมาจากสิ่งนั้น”

ฌอนตาสว่างขึ้น

“ถูกของคุณ พวกเราต้องทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ! พวกเราปล่อยให้มันเกิดความผิดพลาดไม่ได้!”

คนทั้งคู่กลับไปยังห้องนอนของพวกเขาด้วยความมุ่งมั่น ในขณะนั้นเองที่ฝีเท้าของแซลลี่หยุดลง

“นี่คืออะไร?”

ที่บนหัวเตียงมีกล่องของขวัญห่อด้วยความประณีต กล่องถูกผูกด้วยริบบิ้นสีชมพู เห็นได้ชัดว่ามีคนวางเอาไว้ที่นั่น

“โอ้ฌอน คุณเป็นคนวางมันเอาไว้ตรงนั้นเหรอ?”

แซลลี่ถามด้วยความยินดีด้วยคิดว่ามันเป็นของขวัญเซอร์ไพร์สจากฌอน

อย่างไรก็ตามฌอนขมวดคิ้ว

“มันไม่ใช่ของผม”

เขามองไปที่แซลลี่ด้วยความสงสัย

ใบหน้าของแซลลี่ที่มองเห็นเปลี่ยนอารมณ์ไปอย่างรวดเร็ว

“คุณพยายามจะพูดอะไร? มันก็มีแค่คุณกับฉันในห้องนี้ ดังนั้นจึงเป็นคุณไม่ก็ฉัน มันเป็นผีไม่ได้หรอก คุณก็รู้ใช่ไหม?”

คนทั้งคู่ไม่สามารถควบคุมความรู้สึกชวนขนลุกที่คืบคลานมาจากทั่วทุกมุมห้องได้

ผิวของเขาซีดเผือดท่ามกลางขนที่ลุกชันในตอนนั้น ฌอนกระแอมในลำคอขึ้นในที่สุด

“พอได้แล้ว คุณจะไม่รู้ว่าเป็นใครถ้าคุณไม่เปิดของขวัญ? ไม่จำเป็นต้องสงสัยมากจนเกินไปหรอก”

แซลลี่เห็นด้วย ดังนั้นเธอจึงก้าวออกไปแล้วเปิดกล่อง

ภายในกล่องมันไม่ใช่ของขวัญราคาแพง ด้านในวางโลหะเก่า ๆชิ้นเล็กที่มีสีลอกออกเอาไว้ นอกจากนั้นยังมีโน้ตแนบมาด้วย

แซลลี่นิ่วคิ้วพลางหยิบโน้ตขึ้นมา

ในเวลาต่อมาใบหน้าของเธอก็ถอดสี

“อ๊ากกกก!”

หลังจากร้องออกมาด้วยความกลัวไม่นานเธอก็ก้าวถอยหลังและเขวี้ยงโน้ตไปบนเตียง

“มันคืออะไร? มันเขียนอะไรเอาไว้?”

ฌอนหยิบมันขึ้นมาดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น คำที่เขียนลงไปในโน้ตทำให้ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไป

กระดาษโน้ตสีฟ้าเขียนด้วยลายมือที่สวยงานด้วยถ้อยคำไม่กี่คำ

“ฉันกลับมาแล้ว!”

“มันคือเธอ! เธอกลับมา! วิญญาณอาฆาตของเธอกลับมาเพื่อแก้แค้นฉัน!”

แซลลี่รู้สึกตกใจจนเสียขวัญขณะที่ฌอนขยำกระดาษในกำมือของเขาด้วยความฉุนเฉียว จากนั้นเขาก็มองลงไปที่ชิ้นอลูมิเนียมในกล่อง

มันเป็นชิ้นส่วนอลูมิเนียนที่มีสีถลอกจากการเสียดสีอย่างรุนแรง แม้แต่มือสมัครเล่นยังสามารถบอกได้ว่ามันมาจากรถ

“ฉันไม่เชื่อเด็ดขาด! วิญญาณอาฆาตอะไรที่จะมาเอาชีวิตพวกเรา! ไม่หลอนเกินไปเหรอ! ฉันไม่กลัวคนเป็น ทำไมฉันต้องกลัวคนที่ตายไปแล้ว?”

แซลลี่ค่อย ๆ สงบสติอารมณ์ได้ในคำพูดของฌอน

“แต่... แต่คุณจะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นนี้อย่างไร?”

“ฮึ! ต้องมีใครบางคนตั้งใจวางมันเอาไว้ตรงนั้น เพื่อทำให้เราตกใจ!”

เขาหยิบของในกล่องแล้วเดินออกไป

ทันใดนั้น เสียงกรีดอย่างอื่นดังมาจากมุมทางเดิน

มันมาจากห้องของเซลีน

เขาทั้งคู่รีบวิ่งไปที่ห้องด้วยใบหน้าที่ซีดราวกับกระดาษ

ก่อนที่พวกเขาจะไปถึงประตู เซลีนหนีออกมาด้วยความตื่นตระหนก เวลานี้ร่างของเธอสั่นตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าและใบหน้าของเธอก็เปียกโชกไปด้วยน้ำตา

เมื่อเห็นแซลลี่และฌอน เธอโผเข้าหาพวกเขาราวกับเป็นที่พึ่งสุดท้ายของเธอ

“คุณแม่!”

แซลลี่กอดเธอขณะที่เซลีนร้องไห้ในอ้อมกอดของเธอ “คุณแม่ ฉันได้ยินเสียงของผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว มันน่ากลัวมาก คราวนี้เป็นเรื่องจริง ฉันไม่ได้หลอน เธอกลับมาแล้วจริง ๆ”

แซลลี่อาจจะไม่เชื่อเธอ ถ้ามันไม่ได้เกิดเรื่องขึ้นก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตามเมื่อผ่านเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดด้วยตัวของเธอเองมาแล้ว คำพูดของเซลีนฟังดูมีน้ำหนักพอสมควร

“ไม่ต้องกลัว ฉันจะเข้าไปข้างในกับคุณ”

“แต่...”

เซลีนยังคงหวาดกลัวอยู่ เมื่อฌอนตำหนิอย่างรุนแรง “จะต้องกลัวอะไรอีก? ถ้ามันเป็นผีจริง ๆ มันจะกินคุณเข้าไปไหม? ตามฉันเข้ามา!”

ด้วยเหตุนั้นเขาจึงนำเข้าไปในห้องของเธอ

ทุกอย่างในห้องเป็นปกติ

ไม่ว่าจะเป็นแสงไฟหรือเฟอร์นิเจอร์ในห้อง มันก็ดูเหมือนเดิมเหมือนกันที่พวกเขาจัดวางมันเอาไว้ภายใน

นอกเหนือจากเตียงที่ถูกทิ้งให้ยับย่นจากการหนีออกไปอย่างเร่งรีบที่ดูจะผิดปกติ

ฌอนไม่พูดไม่จาเดินไปที่หน้าต่างที่ยื่นออกจากผนังและตรวจดูผ้าม่านอย่างละเอียด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก