เขาพยักหน้าและมองไปที่เธอ เจเน็ตควบคุมตัวเองไว้และบ่นออกมา “การขอแต่งงานครั้งนี้ไม่เห็นจะโรแมนติกเอาซะเลย งานแต่งงานก็ไม่มี ดังนั้นฉันจะไม่ยอมรับมันหรอก อย่ามาเพ้อฝันไปหน่อยเลย”
เลียมตอบด้วยการยักไหล่อย่างไม่สนใจไยดี “ไม่เป็นไร ตราบใดที่กฎหมายยังรองรับอยู่”
เจเน็ตพูดอะไรไม่ออก
ในไม่ช้า รถก็มาถึงสนามบิน
เจเน็ตรู้สึกลังเลเมื่อเห็นตั๋วเครื่องบินที่เลียมเตรียมเอาไว้ให้เธอ
เธอนึกถึงปฏิกิริยาของพ่อของเธอเมื่อเขากลับถึงบ้าน และรู้เรื่องที่เกิดขึ้น สุดท้ายแล้ว เธอก็ยังคงไปขึ้นเครื่องบินกับเลียม
เธอรู้ว่าไม่สามารถหันหลังกลับไปได้แล้วหลังจากตัดสินใจเรื่องนี้
แม้ว่าเธอจะพูดว่าเธอปฏิเสธที่จะยอมรับการแต่งงาน ทว่าลึก ๆ แล้วเธอเองก็เห็นด้วย
เธอเห็นด้วยกับการจดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้อง และเธอก็เต็มใจเซ็นชื่อของเธอลงไป เธอยอมรับในเสียงที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของหัวใจของเธอเช่นกัน
เป็นเวลา 16:00 น.แล้ว ตามเวลาที่พวกเขามาถึงที่เมืองหลวง
เจเน็ตไม่ได้รับโทรศัพท์ใด ๆ บนเครื่องเนื่องจากเธอปิดโทรศัพท์
อย่างไรก็ตาม โทรศัพท์ของเธอเริ่มดังไม่หยุดเมื่อเธอลงจากเครื่องบิน
เป็นทั้งอีธานและอัลริกที่โทรเข้ามา
เธอลังเล แล้วรับสายจากพี่ชายของเธอ แทนที่จะรับสายจากพ่อของเธอ
ทันทีที่เธอยอมรับสายก็สามารถได้ยินเสียงของอัลริกที่เต็มไปด้วยความโมโห
“เจเน็ต! เธอเป็นบ้าหรือไง? เธอรู้ไหมว่าคุณพ่อไม่เห็นด้วยกับความสัมพันธ์ของเธอกับผู้ชายคนนั้น แต่แล้วเธอกลับพาเขามาที่บ้านอย่างนั้นเหรอ?! ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน? กลับบ้านเดี๋ยวนี้!”
เจเน็ตนั่งอยู่ในรถโดยที่ศีรษะของเธอก้มลง เธอเล่นรอยขาดบนกางเกงยีนส์ของเธออย่างไร้อารมณ์
“เราแต่งงานกันแล้ว”
“แต่งงานอะไร? อย่ามาไร้สาระกับฉัน... เธอเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? เธอสองคนคือ...”
เมื่ออัลริกได้รับรู้อย่างกะทันหัน คนที่ปลายสายก็เงียบไปชั่วขณะ เจเน็ตรู้ว่าอัลริกโกรธมากจนพูดอะไรไม่ออก ด้วยเหตุนั้นเธอจึงพูดขึ้น “พี่ชาย ตอนนี้ฉันรู้สึกหงุดหงิดและสับสน ฉันไม่อยากทะเลาะกับพ่อตอนนี้ ช่วยปลอบใจเขาให้ฉันที ฉันจะพาเลียมกลับไปและคุยกับเขาตัวต่อตัวกับเขา”
อัลริกหัวเราะออกมาอย่างประชดประชัน “เหรอ ตอนนี้พวกเธอโตแล้วใช่ไหม? ปลอบเขาให้เธออย่างนั้นเหรอ? ทำไมฉันต้องทำแบบนั้นด้วย? เธอเคยคิดถึงพี่ชายของเธอก่อนที่เธอจะตัดสินใจอะไรที่ร้ายแรงลงไปหรือเปล่า? ฉันช่วยขโมยสัญญาให้กับเธอ แต่เธอกลับไปแต่งงานกับไอ้เด็กแจ็คแมนนั่น แล้วฉันควรจะตอบคำถามของพ่ออย่างไร? เธออยากให้ฉันไปทะเลาะกับเขาหรือไง?!”
“พี่ชายฉันขอโทษ”
“ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพี่! เธอทิ้งครอบครัวได้เพราะผู้ชายคนเดียว ฉันไม่มีน้องสาวอย่างเธอ!”
เจเน็ตรู้สึกตกหลุมพราง เธอรู้ว่าอัลริกพูดคำพูดเหล่านั้นออกมาจากความโกรธ ทว่าแต่กลับไม่สามารถกลั้นความรู้สึกอยากร้องไห้ของเธอได้
ชั่วพริบตา เธอเงยหน้าของเธอขึ้นและหันไปมองด้านนอกหน้าต่าง เธอเบิกตาเพื่อหยุดน้ำตาไม่ให้ไหล
“พี่จะเป็นพี่ชายของฉันตลอดไป พี่อาจจะปฏิเสธที่จะยอมรับว่าฉันเป็นน้องได้ แต่ฉันวางใจให้พี่ดูแลกิจการของตระกูล ไม่ต้องเป็นห่วงฉันดูแลตัวเองได้ เมื่อพ่อไม่โกรธแล้ว ฉันจะกลับไป นั่นคือทั้งหมดสำหรับตอนนี้ ฉันจะวางสายแล้ว พี่ดูแลตัวเองด้วย”
เธอวางสายอย่างรวดเร็ว หลังจากที่เธอพูดในส่วนของเธอราวกับว่าเธอจะเจ็บปวดถ้าเธอพูดคำอื่นออกมา
ตลอดทางเลียมที่นั่งข้างเธอและสังเกตเธออย่างเย็นชาโดยไม่พูดอะไรสักคำ
บรรยากาศบนรถเงียบจนน่าขนลุก
ความเงียบถูกทำลายลงเมื่อพวกเขามาถึงทางเข้าวิลล่า
“นายน้อย เราถึงแล้ว”
เลียมพยักหน้า เปิดประตูรถแล้วลงจากรถ
เจเน็ตตามลงมาด้วยเช่นกัน
เมื่อเธอถึงบ้าน เธอมุ่งหน้าที่ไปที่ห้องนอน เลียมเดินตามไปหลังจากขนกระเป๋าลงจากรถ
พวกเขาอยู่ที่บ้านตามลำพัง ดังนั้นเจเน็ตจึงไม่ได้ล็อกประตู เลียมจึงสามารถเข้ามาภายในห้องได้เหมือนกัน เขาเห็นเธอนั่งลงที่ข้างหน้าต่างโดยมีร่องรอยของน้ำตาอยู่บนใบหน้า
แววตาของเขาแสดงความเศร้าเสียใจออกมา
ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้ปลอบโยน เขารู้ดีว่าบางครั้งการปลอบโยนใครบางคนก็ไม่มีประโยชน์
อีธานไม่ชอบเขา และเลียมเองก็ไม่ชอบตระกูลแฮนค็อกเหมือนกัน นี่คือความไม่ชอบของกันและกันที่ไม่สามารถประนีประนอมได้
เธอต้องเลือก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก