จอห์นใช้นิ้วนวดหัวคิ้วเข้าด้วยกัน พร้อมกับความรู้สึกรำคาญ
ท้ายที่สุดเขาก็ตัดสินใจยอมผ่อนปรนลง
สุดท้ายแล้ว การประกาศเรื่องความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ทำไปเพื่อปกป้องโคลอี้ แต่ถ้ามันทำลายความมั่นใจของเธอลง เธอก็ขอที่จะเก็บมันไว้อย่างถาวร และไม่พูดถึงมันดีกว่า อย่างไรก็ตาม หลังจากที่พวกเขาทั้งสองอยู่ด้วยกันมาเป็นเวลานาน เธอก็เข้าใจว่าเขารักเธอและจะไม่มีวันใส่ใจเกี่ยวกับตัวตนของเธอ
ส่วนในเรื่องครอบครัวของเขา จอห์นไม่กังวลเพราะตาและย่าของเขาจะเอ็นดูโคลอี้แน่นอน และเมื่อมาถึงพ่อและแม่ของเขาแล้ว อย่างไรก็ตาม จอห์นก็มีความคิดเป็นของเขาเอง
เมื่อจอห์นคิดเกี่ยวกับมัน เขาก็พูดขึ้นมาว่า “มานั่งตรงนี้สักพักก่อน แล้วบอกพนักงานว่าคุณต้องการอะไร อีกเดี๋ยวผมจะกลับมานะ”
โคลอี้ส่งยิ้มพร้อมกับพยักหน้าตอบรับ
หลังจากที่เขาจากไป โคลอี้นั่งคนเดียวบนม้านั่ง สายลมตอนกลางคืนพัดมากระทบบนผิวของเธอ ทำให้เธอรู้สึกสบายตัว
อยู่ดี ๆ ก็มีเสียงที่ไม่คาดคิดดังขึ้นมาจากด้านหลังของเธอ “โคลอี้?”
โคลอี้หันกลับไปมอง และพบแองเจลีนในชุดเดรสสีเหลืองพาสเทลกำลังยืนอยู่ด้านหน้าของต้นไม้ที่กำลังผลิใบ พร้อมกับมองมาที่เธออย่างแปลกใจ
โคลอี้ลุกขึ้นจากม้านั่งด้วยความตกตะลึง “ลูกพี่ลูกน้อง?”
“เป็นเธอจริง ๆ ด้วย ตอนแรกฉันคิดว่าอาจจะไม่ใช่เธอ”
แองเจลีนเดินเข้าไปหาพร้อมสำรวจโคลอี้จากบนจรดล่าง มองครั้งเดียวเธอก็รู้ได้ว่าชุดเดรสยาวที่แองเจลีนใส่เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของคริส นักออกแบบเสื้อผ้าแสนโด่งดัง ผนวกกับเมคอัพที่แสนประณีตงดงาม และเครื่องประดับสุดหรูหราในค่ำคืนนี้ โคลอี้อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาแองเจลีน
ผู้คนภายนอกไม่รู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างคริสกับจอห์น แต่ในฐานะเจ้าหน้าที่อาวุโสของบริษัทผลิตน้ำหอม G.K. เธอเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน เธอรู้ว่าคริสเกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวย แต่เพราะเขารู้สึกไม่พอใจกับการที่เขาถูกควบคุมของที่บ้าน ผนวกกับความรักที่เขามีต่อการเดินแบบ คริสจึงเปิดกิจการผับขึ้น
คริสและจอห์น เหมือนกับโจเอลจากตระกูลฟอสเตอร์ พวกเขาเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นพวกเขาก็เหมือนกับพี่น้องแท้ ๆ สำหรับจอห์นที่จะไปขอให้คริสช่วยออกแบบจัดแจงชุดให้โคลอี้ มันแสดงให้เห็นได้ว่าเธอนั้นแตกต่างในใจของเขา
โคลอี้ผู้ซึ่งเคยไปอาศัยในต่างประเทศมาก่อน เธอได้รับทักษะมามากมาย และเธอยังสามารถเอาชนะคนอย่างนายน้อยของตระกูลฟอสเตอร์มาได้
แองเจลีนได้เหมารวมความสัมพันธ์ของจอห์นและโคลอี้ไปแล้วว่าเป็นความสัมพันธ์ระหว่างเมียน้อยกับคุณชายที่ร่ำรวย และถึงแม้เธอจะดูถูกอยู่ในใจ แต่เธอก็ทำท่าทางไม่มีอะไรออกมาข้างนอก
เธอยิ้มบางเบาพร้อมกับทำท่าทางเชิญให้โคลอี้นั่งลงบนม้านั่ง “โคลอี้ เธอไม่ได้อยู่นอกหรอกหรือ? ทำมาถึงได้กลับมาที่นี่ล่ะ?”
โคลอี้ไม่อยากบอกแองเจล่าว่าพ่อขอให้เธอกลับมาแต่งงาน เธอจึงตอบกลับอย่างไปทีว่า “ ฉันไม่ค่อยชินกับการอยู่นอกคนเดียวเท่าไร ก็เลยกลับมา”
“ใช่แล้ว เธอไม่เคยไปต่างประเทศตั้งแต่เธอยังเด็ก ก็ไม่แปลกใจหรอกว่าทำไมเธอถึงไม่ชิน” แองเจลีนยิ้มพร้อมกับโทนเสียงที่เติมแต่งไปด้วยความทะนงตน
โคลอี้สัมผัสถึงความรู้สึกชั้นกว่าคนอื่นของแองเจลีนแต่ก็ยิ้มกลับและไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
ถึงโคลอี้จะเป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอ ทั้งนี้ก็เพราะคุณลุงคนโตสุดของตระกูลเฮนเดอสัน ได้ใช้ความพยายามทั้งหมดของเขา ทุ่มเททำงานตั้งแต่ยังเด็ก แล้วจึงตั้งบริษัทไทเกอร์ขึ้น ซึ่งเป็นบริษัทที่เจาะจงเฉพาะด้านแฟชั่น สถานะของพวกเขานั้นสูงกว่าสถานะของบ้านโคลอี้มาก พวกเขาขาดการติดต่อกัน และเมื่ออายุ 5 ขวบ แองเจอลีนก็ถูกส่งไปเรียนต่อต่างประเทศ และเพิ่งจะกลับมาเมื่อปีที่แล้ว ดังนั้นพวกเขาทั้งสองเลยไม่มีอะไรที่คล้ายกันซักอย่าง
แองเจลีนถอนหายใจขึ้นมา “พูดถึงเรื่องนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุการ์ณที่เกิดขึ้นเมื่อสองปีก่อน เธอคงไม่จำเป็นต้องไปต่างประเทศหรอก”
ในตาของโคลอี้ฉายความเศร้าหมอง เธอก้มหน้าต่ำลง
เหตุการ์ณที่เกิดขึ้นเมื่อสองปีก่อนคือร่องรอยที่ยากจะลบออกจากชีวิตของโคลอี้ ถึงแม้ว่าเธอจะบอกกับตัวเองหลายต่อหลายครั้งไม่ให้คิดถึง และใส่ใจกับมันอีก ครั้นที่เธอต้องเดินทางกลับมาที่เมืองหลวงอีกครั้ง เธอก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากรู้สึกแย่ และรับฟังคำพูดที่เลวร้ายจากคนอื่นครั้งแล้วครั้งเล่า
นี้คือเหตุผลว่าทำไมคืนนี้เธอถึงรู้สึกประหม่า
ถ้าคนขับรถแท็กซี่จำเธอและข่าวที่เกิดขึ้นเมื่อสองปีได้ แล้วถ้าหากครอบครัวของจอห์นก็จำเธอได้เหมือนกันล่ะ?
โคลอี้ก็คงจะไม่รู้จะอธิบายมันอย่างไร หรือจอห์นจะมองเธอเป็นคนอย่างไร
แองเจลีนมองโคลอี้ที่กำลังพยายามเปลี่ยนสีหน้าเลยถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วย “โคลอี้ เป็นอะไรหรือเปล่า?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก