ลอร์เรน ยังคงดื้อดึงพอที่จะขอให้แฮร์ริสันช่วยอธิบาย
แต่เธอก็ไม่เคยได้รับคำอธิบายนั้นจากเขาเลยแม้แต่ตอนที่เธอกำลังจะตาย
ลอร์เรนได้เสียชีวิตไป 7 ปีหลังจากให้กำเนิด เกรกอรี เกรแฮม
หลังจากที่เธอได้เลิกกับแฮร์ริสันแล้วเธอก็ได้รู้ว่าเธอท้อง
เด็กน้อยคนนี้คือความโศกเศร้าของเธอ เขาเป็นตัวแทนของความรักที่สวยงามของเธอและเป็นหลักฐานในการโดนทิ้งของเธอ
ความรู้สึกของเธอที่มีต่อเด็กคนนี้จึงรู้สึกซับซ้อนมาก ซึ่งตัวเธอเองก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่าความรู้สึกนั้นเป็น ความรักหรือความเกลียดชัง
แต่ยิ่งไปกว่านั้น ตั้งแต่ความสัมพันธ์ของเธอกับแฮร์ริสันได้ถูกเปิดเผย ผู้คนในตระกูลนีซ ที่รู้สึกละอายใจที่เป็นคนทำลายบ้านของเธอ กลัยมองว่าเธอนั้นเป็นความอัปยศต่อครอบครัวและพวกเขาก็ได้ขับไล่เธอออกจากบ้าน
นับตั้งแต่นั้นมา ลอร์เรนก็พาเกรกอรีย้ายไปกับเธอและได้อาศัยอยู่ในปราสาทแห่งนี้
ในสมัยนั้น คู่สองคนแม่ลูก ถูกครอบครัวนั้นไล่ออกไปและไม่ชอบพวกเขา ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีมรดกที่พ่อของลอร์เรนเหลือทิ้งไว้เลี้ยงชีพอยู่บ้าง แต่ชีวิตของพวกเขาก็ยังคงลำบาก
ลอร์เรนติดอยู่กับความสัมพันธ์ที่มีแต่ทำให้เธอเจ็บปวด และความภาคภูมิใจของเธอขัดขวางไม่ให้เธอไปที่จีนเพื่อตามหาแฮร์ริสัน เกรแฮม
นับตั้งแต่นั้นมาเธอก็ได้รับการแต่งตั้ง เป็นเวลาสามวันที่ไม่มีข่าวคราวของแฮร์ริสันอีกเลย
เธอจึงไม่ได้บอกเขาถึงการมีอยู่ของเกรกอรี
เจ็ดปีผ่านไป และในปีนั้นหิมะก็ตกลงมาอย่างหนัก
ปราสาททั้งหลังถูกปกคลุมไปด้วยหิมะและกลายเป็นประติมากรรมน้ำแข็งของเมือง
ลอร์เรนนอนเงียบ ๆ บนเตียงและมองที่เกรกอรีด้วยความสงสารปนความเศร้าหมองในดวงตาของเธอ
เจ็ดปีที่ผ่านมาในฐานะแม่ เธอไม่เคยอารมณ์ดีเวลาที่ได้อยู่ใกล้ ๆ กับเขา
ในทันทีที่เธอเห็นเขา เธอจะนึกถึงความจริงที่ว่าเขาไม่เพียงแต่มีเลือดของเธอเท่านั้น แต่เลือดของชายคนนั้นยังไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเขาอีกด้วย
เมื่อเขาเติบโตขึ้น เขามีลักษณะที่โดดเด่นและคล้ายคลึงกับชายคนนั้นมากขึ้น
ด้วยเหตุนี้ ความขุ่นเคืองและการไม่ยอมรับในหัวใจของเธอก็เพิ่มขึ้น
ลอร์เรนรู้ว่ามันไม่ยุติธรรมกับเด็กเลย แต่ส่วนใหญ่ผู้คนก็เป็นเช่นนั้น พวกเขาเต็มใจที่จะเห็นสิ่งที่พวกเขาต้องการเห็นเท่านั้นและจะไม่กังวลกับสิ่งที่พวกเขาไม่ต้องการเห็น
เป็นเรื่องจริงที่ต่องยอมรับว่า เธอไม่ต้องการพบแฮร์ริสันอีกต่อไป ดังนั้นเธอจึงไม่อยากอเห็นหน้าเกรกอรีที่คล้ายกับแฮร์ริสันด้วยซ้ำ
เกรกอรีตัวน้อยอาศัยอยู่อย่างนั้นกับแม่ที่เย็นชาของเขาเป็นเวลาเจ็ดปี
เมื่ออายุได้เจ็ดขวบ แม่ของเขาเสียชีวิต และชีวิตของเขาได้เปลี่ยนจากการเป็นเด็กกำพร้าพ่อไปเป็นเด็กกำพร้าโดยสมบูรณ์
ข้อดีคือเขายังมีที่ไป
แม้ว่าแม่ของเขาจะเสียชีวิตไปแล้วและคนในตระกูลนีซก็ปฏิบัติต่อเขาไม่ดีนัก แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาลำบากแต่อย่างใด
พวกเขายังคงมอบปราสาทและธุรกิจเล็ก ๆ สองสามอย่างที่แม่ของเขาที่ทิ้งไว้ก่อนหน้าที่เธอจะเสียชีวิต พวกเขาไม่ได้ใช้อำนาจของพวกเขาเพื่อ นำพวกเขาสองคนแม่ลูกกลับมาแต่อย่างใด
ถึงแม้ว่าชีวิตของ เกรกอรีตอนเป็นเด็กจะค่อนข้างยาก ลำบาก แต่เขาก็สามารถผ่านพ้นไปได้เพราะได้รับการสนับสนุน
พ่อบ้านอาวุโส คุณออสบอร์นเป็นคนที่คอยติดตามแม่ของเขาและเฝ้าดูเธอเติบโตขึ้นมาตั้งแต่เธอยังเป็นเด็ก
หลังจากที่ลอร์เรนจากไป เขาก็ได้อยู่กับเด็กหนุ่มและเลี้ยงดูเขา สำหรับเกรกอรี เขาเป็นคนที่สำคัญมาก
อาจกล่าวได้ว่าหากไม่มีออสบอร์น เกรกอรีน่าจะตายไปนานแล้ว
ถึงแม้ว่าเขาจะมีเงิน แต่ลูกอายุไม่กี่ขวบที่มีมรดกมากมายขนาดนั้นก็ไม่จำเป็นว่าจะดีเสมอไป มันอาจจะนำความโชคร้ายมาสู่ตัวเขาเองด้วยซ้ำ
เมื่อมีพ่อบ้านที่เฉลียวฉลาดอย่างคุณออสบอร์นอยู่เคียงข้าง เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
มิสเตอร์ออสบอร์นไม่เพียงดูแลเกรกอรีในทุกวิถีทางที่ทำได้ แต่เขาจะช่วยเหลือเรื่องธุรกิจด้วยเช่นกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก