ท้ายที่สุดเขาก็ก้มศีรษะลงและพูดว่า “ก็ได้ แต่ถ้าพูดในฐานะเพื่อน ผมก็ไม่อยากเห็นคุณต้องเจ็บปวด เมื่อสี่ปีที่แล้วที่ผมเลือกที่จะอยู่ข้างเขาเพราะสถานการณ์ในตอนนั้นมันบีบบังคับ ไม่ใช่เพราะว่าผมจะมีเจตนาร้ายต่อคุณนะ วิก ผมหวังว่าคุณคงเข้าใจ”
วิกกี้ไม่ได้พูดอะไรตอบ คิ้วของเธอยังคงสงบเหมือนในก่อนหน้านี้ แต่ส่วนที่ลึกลงไปในดวงตาของเธอกลับมีแสงระยิบระยับ
เธอตอบเขาอย่างเฉยเมยว่า “ทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นมันเป็นอดีตไปแล้ว”
ใช่ มันเป็นอดีตไปแล้ว!
บาดแผลทั้งหมดที่เธอได้รับมา เธอสามารถทำเป็นไม่สนใจมันได้ ทุกความเจ็บปวดที่เธอต้องทนทุกข์อยู่กับมันเธอสามารถลืมได้ และทุกคนที่ทรยศหักหลังเธอ เธอก็สามารถให้อภัยพวกเขาได้เช่นกัน
แม้ว่าจะมีอยู่สิ่งหนึ่งที่เธอไม่สามารถเมินเฉยได้นั้นก็คือ การลืมและการให้อภัย
นั่นคือพวกพี่น้องของเธอที่ต้องเสียชีวิตไปเพราะเธอ
แม้ว่าพวกเขาจะรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเธอกับเกรกอรีเป็นอย่างดี แต่พวกเขาก็ยังเต็มใจที่จะเชื่อใจเธอ และเชื่อในคำมั่นสัญญาของเธอที่ว่าเธอจะไม่มีวันทรยศต่อองค์กร
ทุกคนปฏิบัติต่อเธอด้วยความจริงใจและต้อนรับเธอด้วยความกระตือรือร้น พวกเขาเชื่อว่าสีดำก็คือสีดำและสีขาวก็คือสีขาว แม้จะรู้ว่าเธอเป็นเพื่อนสมัยเด็กของเกรกอรี แต่พวกเขาก็เชื่อในความเชื่อมั่นของเธอ และเชื่อว่าเธอจะไม่ทำให้ทุกคนต้องตกอยู่ในอันตราย เพราะความเห็นแก่ตัวของเธอเอง
สุดท้ายแล้วพวกเขาได้อะไรกลับมา?
มันเป็นการทรยศที่สามารถเผาไหม้ทุกสิ่งให้เป็นจุล และเป็นการถูกสังหารที่ไร้ซึ่งมนุษยธรรม มันเป็นความเจ็บปวดและความเสียใจที่หล่อหลอมออกมาจากเลือดสด ๆ
หลายคืนนับไม่ถ้วนที่วิกกี้ต้องนอนอยู่บนเตียงเหล็กเล็ก ๆ ภายในห้องขังของเธอ เธอจ้องมองเข้าไปในคืนที่มืดมิดและเกิดความสงสัยในตัวเองขึ้นมา
ถ้าหากว่าเธอสามารถย้อนเวลากลับไปได้ เธอจะเลือกอะไร?
เธอคงไม่เลือกที่จะอยู่กับเกรกอรีอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น เธอก็คงจะไม่เลือกเชื่อในตัวเขาเช่นกัน ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดเขาเลือกที่จะแยกกิจการสาธารณะออกจากกิจการส่วนตัวของเขา เขาจะไม่ใช้ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นอาวุธ และจะไม่ใช้ประโยชน์จากความรู้สึกของเธอ
เธอไร้เดียงสาเกินไป!
เธอมันซื่อเกินไปจริงๆ!
ด้วยวิธีนี้เองที่เขาใช้ประโยชน์จากความไว้วางใจและความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขา อย่างค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป เขาได้ใกล้ชิดกับเหล่าสมาชิกหลักขององค์กรนกหงส์หยก ด้วยการใช้ความไว้วางใจจากองค์กรนกหงส์หยกในตัวของวิกกี้ เขาจึงปล่อยข้อมูลปลอมบางส่วนและในที่สุดก็สามารถจับได้ทั้งหมดในคราวเดียว จากนั้นเขาก็ฆ่าพวกเขาทิ้งทั้งหมด
ช่างเป็นคนที่โหดร้ายไร้หัวใจ!
เธอได้รับรู้แล้วว่าเขาเป็นคนที่มีจิตใจโหดร้ายมากเพียงใด แต่ว่าทำไมเขาถึงไม่ฆ่าเธอทิ้งไปพร้อม ๆ กับพวกเขาเหล่านั้น?
วิกกี้ครุ่นคิดอยู่กับเรื่องนี้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่สุดท้ายเธอก็ไม่ได้คำตอบจากมัน
บางทีเธออาจจะไม่รู้คำตอบไปตลอดทั้งชีวิตของเธอเลยก็เป็นได้
ขณะที่เธอกำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเธอเองนั้น ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น เธอจึงรีบดึงสติของตัวเองให้กลับมาสู่ปัจจุบัน แต่สิ่งที่เธอได้เห็นก็คือ ภาพของยูเลียนาที่กำลังควงแขนของเกรกอรีเอาไว้ และพวกเขาทั้งสองกำลังเดินตรงเข้ามาหาเธอด้วยสีหน้าฉุนเฉียว
“เกรกอรีค่ะ เธอเป็นคนตบหน้าฉัน ดูนี่สิคะหน้าของฉันยังบวมอยู่เลย ฉันแค่อยากจะเทน้ำให้เธอดื่มสักแก้วก็แค่นั้น แต่เธอดันไม่พอใจแล้วก็มาตบหน้าฉัน คนไร้เหตุผลแบบนี้จะอยู่บนโลกใบนี้ได้ยังไงกันคะ?”
เธอจับแขนของเกรกอรี พลางมองไปที่เขาด้วยสีหน้านับถือและท่าทางที่ไม่พอใจ
การแสดงออกของเกรกอรีนั้นเหมือนไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ไม่มีร่องรอยของความสุขหรือความโกรธเลยแม้แต่น้อย แต่ทว่าเขาจ้องมองไปที่วิกกี้ด้วยความดูถูกเหยียดหยามและมุ่งร้าย
"โอ้? คุณบอกว่าเธอตบหน้าคุณใช่ไหม?
"ใช่ค่ะ"
“คุณก็แค่ตบเธอกลับซะสิ จะลากผมมาถึงที่นี่ทำไม?”
เมื่อได้ยินเขาพูดอย่างนั้น ยูเลียนาก็ถึงกับตกตะลึง
มัสซิโมกระแอมในลำคอของเขา และเขาก็อดไม่ได้ที่จะอธิบายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น “เกรกอรี นี่มันไม่ใช่ความผิดของวิกเลยนะ ยูเลียนาตั้งใจสาดน้ำใส่วิกค์ก่อน และนั่นเป็นสาเหตุที่วิกตอบโต้เธอกลับ”
“วิกเหรอ?”
เกรกอรีพูดคำออกมานั้นเบา ๆ ก่อนจะเหลือบตามองมาไปที่มัสซิโม
มัสซิโมกลืนน้ำลายที่แห้งผาดลงคอ
จากการจ้องมองของเกรกอรี มัสซิโมก็รู้ตัวได้ในทันทีว่ากำลังถูกภัยอันตรายคุกคามอยู่ เขาหุบปากของเขาทันทีแล้วก้าวถอยหลังก่อนจะหันหน้าออกไป และมองไปทางอื่นโดยแสร้งทำเป็นว่าไม่ได้พูดอะไรออกมา
จากนั้นเกรกอรีก็เลิกจ้องมองไปที่เขา
ขณะที่วิกกี้ยืนดูเรื่องราวทั้งหมดนี้ เธอก็รู้สึกหนาวเย็นข้างในหัวใจ แต่การแสดงออกของเธอยังคงมั่นคง
เธอตอบอย่างเย็นชาว่า “ใช่ฉันตบหน้าเธอเองแหละ แล้วไงเหรอ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก