หลังจากการทะเลาะกันครั้งใหญ่ระหว่างมัสซิโมและยูเลียนา ก่อนที่พวกเขาออกไปจากคฤหาสน์
ยูเลียนารู้สึกท้อแท้จากความรู้สึกผิดและพาลให้เธออารมณ์เสีย เมื่อเธอกลับออกมาจากอาคารใหญ่และไปยังอาคารเล็ก เธอได้ขังตัวเองอยู่ในห้องของเธอและไม่ออกไปไหนอีกเลย
ในทางกลับกัน เกรกอรีกำลังอาบน้ำและทำงานด้านธุรกิจของเขาต่อไป
เมื่อถึงเวลาทานอาหารเย็น
เขาบีบบริเวณหว่างคิ้วของเขาพลางมองดูเวลา ที่ขณะนี้เป็นเวลาหกโมงเย็นแล้ว
ดังนั้นเขาจึงกดกริ่งเพื่อเรียกพ่อบ้านออสบอร์น
“คุณลุงออสบอร์น เธอกลับมารึยัง?”
แน่นอนว่าพ่อบ้านออสบอร์นรู้ดีว่า 'เธอ' คนที่เกรกอรีหมายถึงนั้นคือใคร
เขาก้มศีรษะลงเล็กน้อยพลางตอบออกไปเบา ๆ ว่า “ยังไม่กลับมาเลยครับ”
ยังไม่กลับเหรอ?
หน้าผากของเกรกอรีย่นขึ้นจนรัดแน่น คลื่นของความหงุดหงิดก่อตัวขึ้นในใจของเขาโดยไม่รู้ตัว
เขาโบกมือไล่พ่อบ้านออสบอร์นให้ออกไป ก่อนจะเดินไปที่หน้าต่างและจ้องมองไปยังแสงที่ส่องประกายระยิบระยับภายใต้ท้องฟ้าในเวลาพลบค่ำ คิ้วของเขาตึงขึ้น
ผู้หญิงคนนี้กำลังทำอะไรอยู่?
ทั้งสองคนมีข้อตกลงกันไว้ว่าจะไม่รบกวนเธอ และอนุญาตให้เธอพักที่คฤหาสน์แห่งนี้ เพื่อแลกกับการที่เธอจะช่วยเขาถอดรหัสความลับของแผนที่นั้น
ท้ายที่สุด มันก็ป็นแค่เพียงความสัมพันธ์แบบให้ความร่วมมือซึ่งกันและกัน และเขาก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปกำหนดที่อยู่ของเธอ
แต่ทว่าลึกลงไปในหัวใจของเขา เสียงของหัวใจก็ดูเหมือนว่ากำลังส่งเสียงร้องออกมาอย่างสิ้นหวัง และต้องการที่จะออกตามหาเธอเพื่อเก็บเธอไว้ให้อยู่ในสายตาของเขา และเธอจะได้ไม่ต้องจากไปอีก!
เกรกอรีเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยพลางหลับตาลงก่อนจะสูดลมหายใจเข้าไปจนเต็มปอด
ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจหันหลังเดินออกไป โดยไม่ได้โทรหาเธอก่อน
ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ แต่ต่างสถานที่
ภายในบาร์ที่ทันสมัยแห่งหนึ่ง วิกกี้กำลังถือแก้วไวน์แดงในขณะที่เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างบาร์ เธอมองดูกลุ่มคนที่อยู่บนฟลอร์เต้นรำอย่างไม่ใส่ใจนัก
ตอนนี้ยังเป็นเวลาประมาณหกโมงเย็นหรือหนึ่งทุ่ม ซึ่งถือว่ายังไม่มืดสักเท่าไหร่ ไฟบนท้องถนนเพิ่งจะถูกเปิดขึ้น ชีวิตกลางคืนที่แท้จริงยังไม่เริ่มต้นขึ้น ในร้านมีลูกค้าอยู่แค่ไม่กี่คน แต่คนส่วนใหญ่ที่มาเป็นพนักงานของบาร์
เจนนี่ เทย์เลอร์ถือค็อกเทลและวางลงบนโต๊ะบาร์ข้าง ๆ วิกกี้ เธอเลียนแบบท่าทางของวิกกี้ในการเอามือดันที่โต๊ะบาร์ และกระโดดขึ้นไปบนเก้าอี้ในคราวเดียว
เธอยิ้มขณะที่พูดว่า “พี่คะ ทำไมวันนี้พี่ถึงได้มาหาฉันอย่างกะทันหันแบบนี้?”
วิกกี้เหลือบมองเธออย่างเฉยเมย เธอเผยยิ้มออกมาและตอบว่า “ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่ผ่านมาแถวนี้พอดี และก็จำได้ขึ้นมาว่าเธอทำงานอยู่ที่นี่ ฉันก็เลยแวะมาหา”
เจนนี่พยักหน้าก่อนจะถามเธอว่า “แล้วตอนนี้พี่ทำงานอยู่ที่ไหน พี่สบายดีรึเปล่า?”
โดยปกติแล้ววิกกี้จะไม่ใส่ใจกับคำถามแรก เธอจึงตอบเพียงคำถามที่สองเท่านั้น “ฉันสบายดี”
น้ำเสียงของเธอฟังดูเฉยเมย เธอหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาจิบ แต่สายตาของเธอก็ยังคงจับจ้องไปที่ฟลอร์เต้นรำอย่างไม่ลดละ
ลูกค้าไวรุ่นสองสามคนกำลังเต้นรำไปกับเสียงเพลง และถึงแม้ว่าบนฟลอร์เต้นรำจะมีคนเพียงไม่กี่คน แต่สิ่งนั้นก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาหมดสนุกสนานได้
จู่ ๆ เธอก็นึกถึงอะไรบางอย่างได้ขึ้นมา เธอหันไปถามเจนนี่ว่า “เมื่อไหร่เธอจะเลิกทำงานนี้?”
เจนนี่ส่งยิ้มให้กับเธอพลางตอบว่า “ฉันส่งหนังสือแจ้งพวกเขาไปแล้ว และพวกเขาต้องการให้ฉันทำงานอีกครึ่งเดือน ทันทีที่พวกเขาจ้างคนใหม่มาทำงานแทนฉันได้ ฉันก็ไม่ต้องมาทำงานที่นี่อีกแล้ว”
วิกกี้ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
“อีกครึ่งเดือนเลยเหรอ?”
เจนนี่โบกมือราวกับว่าเธอไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร “ฉันทำงานที่นี้มานานแล้วนะพี่ และพวกเขาก็ปฏิบัติต่อฉันค่อนข้างดีเลยทีเดียว อีกอย่างฉันก็เป็นเพื่อนกับหัวหน้างานของฉัน ฉันไม่สามารถออกไปแบบกระทันหันได้หรอก ที่สำคัญฉันก็ไม่อยากรบกวนพวกเขาด้วยเหมือนกัน”
เมื่อคิดตามคำอธิบายของเธอ วิกกี้ก็พยักหน้ารับด้วยความเข้าใจ
“โอเค ยังไงมันก็เป็นการตัดสินใจของเธอ แต่ยังไงก็ระวังตัวไว้ด้วยนะ"
เจนนี่พยักหน้ารับ
ทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่พักใหญ่ ในช่วงเวลานั้นวิกกี้ก็ทำตัวเหมือนเป็นการมาเยี่ยมแบบปกติ เจนนี่จึงไม่สงสัยอะไรเลย
ในขณะที่พวกเขากำลังคุยกันอย่างสนุกสนานนั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
เจนนี่มองไปรอบ ๆ ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “พี่คะ นี่มันเสียงโทรศัพท์ของพี่หนิ”
วิกกี้หยิบโทรศัพท์ของเธอออกมาจากกระเป๋าเสื้อ โทรศัพท์ของเธอยังคงเป็นรุ่นเก่าที่เจนนี่เคยเอาให้เธอไว้ แม้ว่าพ่อบ้านออสบอร์นจะเตรียมโทรศัพท์มือถือและซิมการ์ดใหม่มาวางไว้ให้ในห้องของเธอ แต่วิกกี้ก็กลับไม่ใช้มัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก