ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก นิยาย บท 783

วิกกี้คิดว่าเธอน่าจะทำสิ่งเดียวกันนี้ให้กับเพื่อน และคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เธออย่างไม่ต้องลังเลเลย

เธอจะต้องทำให้ได้!

กลางคืนอากาศเริ่มหนาวเย็น วิกกี้จ้องมองไปที่เปลวเพลิงที่กำลังแผดเผาแรงขึ้นเรื่อย ๆ และการมองเห็นของเธอก็ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน

ทันใดนั้นเอง ดูเหมือนว่าเธอจะมองเห็นหญิงสาวที่หน้าตาหล่อเหลา และสดใสร่าเริงคนนั้นยืนอยู่ตรงหน้าของเธออีกครั้ง หญิงสาวคนนั้นสวมชุดสีดำและส่งยิ้มกว้างให้กับเธอ

“วิก! พวกผู้ชายมีอะไรน่าสนุกอย่างงั้นเหรอ? มากับเราสิ เราจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไปไง!"

เสียงที่ภาคภูมิใจและใจดีเหล่านั้นยังคงก้องอยู่ในหูของเธอ คลื่นแห่งความขมขื่นที่อธิบายออกมาไม่ได้กำลังก่อตัวขึ้นในใจของวิกกี้

ตลอดไปงั้นเหรอ? ไกลแค่ไหนถึงจะเรียกว่าตลอดไป!

บางสิ่งตัดผ่านส่วนที่อ่อนแอที่สุดของหัวใจของเธอ ราวกับว่ามีใบมีดที่แหลมคมกำลังทิ่มแทงเธอจนก่อตัวเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่ เมื่อเลือดเริ่มเหือดแห้งไป แต่สิ่งที่ยังคงหลงเหลืออยู่คือความมึนงงและความเหงา

วิกกี้หลับตาลง ลมพัดเส้นผมปลิดปลิวไปตามแก้มของเธอ มันทำให้เธอรู้สึกคันเล็กน้อย กลิ่นที่น่าชวนอ้วกของซากศพที่ไหม้เกรียมลอยออกมาจากเปลวเพลิง และลอยเข้ามาในรูจมูกของเธอราวกับค้อนขนาดใหญ่ที่ทุบเข้าไปกับจิตใต้สำนึกของเธอ

“ไฟเยอร์ฟีนิกซ์”

เสียงบ่นเงียบ ๆ ผุดขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจของเธอที่ตอนนี้มันเต็มไปด้วยความสันโดษและความว่างเปล่าไม่รู้จบ เธอจ้องมองเปลวเพลิงกลายเป็นเถ้าถ่าน แล้วพูดออกมาเบา ๆ ว่า “ลาก่อนนะ”

"สวัสดี! นั่นใครน่ะ?"

ประตูเหล็กถูกเปิดออกอย่างกะทันหัน ชายวัยกลางคนสวมเครื่องแบบสีน้ำเงินเดินเข้ามาด้วยแก้มแดงระเรื่อราวกับว่าเขากำลังมึนเมาอยู่ การก้าวเดินของเขาดูไม่ค่อยเสถียรเล็กน้อย แต่ว่าเขาเห็นเธอในทันที เขาชี้ไปที่เธอและพูดตะกุกตะกัก “ใคร...คุณเป็นใคร?”

ความคิดเจ้าเล่ห์ของเธอผุดขึ้นมาทันทีราวกับอวนดักจับปลาที่อยู่ภายในใจ วิกกี้หันกลับมามองชายขี้เมาคนนั้นทันที ขณะที่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์เผยขึ้นมาที่มุมปากของเธอ เธอวางเท้าหลังไว้บนพื้นและกระโดดขึ้นไปในอากาศด้วยการกระโดดอย่างสง่างาม เธอปีนขึ้นไปบนกำแพงและตกลงไปอีกด้านหนึ่งอย่างเงียบกริบ โดยไม่ทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้เลย

รูปร่างของเธอเป็นเงาราวกับผี ในขณะที่การเคลื่อนไหวของเธอนั้นรวดเร็วมากจนผู้คนสามารถสัมผัสได้เพียงแค่เงาดำที่ล่องลอยไปในอากาศเท่านั้น และในไม่อีกวินาทีต่อมาเธอก็ได้หายตัวไปอย่างสมบูรณ์

ชายวัยกลางคนยืนนิ่งด้วยความตกใจ ครู่ต่อมาเหล้าในมือของเขาก็ร่วงหล่นลงไปกับพื้น เขารีบวิ่งออกไปที่ประตูพร้อมกับตะโกนออกมาว่า “อ๊ะ! ผี! ฉันเห็นผี!”

นกที่เกาะอยู่แถวนั้นต่างตื่นตระหนกตกใจ เพราะเสียงร้องด้วยความหวาดกลัวของเขา ผู้ร้ายที่สร้างความโกลาหลได้หยุดวิ่งเมื่อผ่านไปได้ครึ่งทาง เธอหันกลับมามองดูแสงสีแดงจาง ๆ จากระยะไกลด้วยความยากลำบาก จากนั้นเธอก็หันหลังและวิ่งไปอีกทาง

ในขณะเดียวกันนั้นที่คฤหาสน์ เกรกอรีกำลังนั่งอยู่ในห้องสมุดเป็นเวลาถึงสองชั่วโมงเต็ม

เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น คนใช้คนหนึ่งได้เข้าไปเรียกเขาแต่ก็ถูกเขาไล่ให้กลับมา เจ้านายของเขาได้บอกว่า เขาไม่หิวและก็ไม่อยากกิน

แต่สีหน้าของเขาดูมืดมนอย่างเห็นได้ชัด เหมือนมีสัญญาณเตือนว่าพายุกำลังจะเกิดขึ้นอีกไม่ช้า

คนใช้ของเขาไม่กล้าที่จะขัดใจเกรกอรี ดังนั้นเขาจึงรีบกลับลงไปข้างล่างอย่างเชื่อฟัง เนื่องจากเกรกอรีอารมณ์ไม่ดี ทุกคนจึงเกิดความประหม่าและทำงานอย่างระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะกลัวว่าจะไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจและจะกลายเป็นแพะรับบาป

ทั้งคฤหาสน์ในตอนนี้คละคลุ้งไปด้วยบรรยากาศที่แสนตึงเครียด ทุกคนในคฤหาสน์แห่งนี้ รวมทั้งพ่อบ้านออสบอร์นเองก็ไม่รู้ว่าสาเหตุมันมาจากอะไร

ยูเลียน่ามาที่นี่เฉพาะเวลาหลังอาหารเย็นเท่านั้น เธอรู้ว่าเกรกอรีอารมณ์ไม่ดีและไม่ยอมกินข้าว ดังนั้นเธอจึงจงใจเอาชามซุปที่เธอทำเองมาให้เขา

เมื่อได้เรียนรู้บทเรียนราคาแพงจากครั้งก่อนแล้ว เธอจึงรู้ว่าถึงแม้ว่าเขาจะเก็บเธอเอาไว้ข้างกาย แต่เขาก็ไม่ชอบให้เธอเข้าใกล้เขามากจนเกินไป และวิจารณ์อาหารที่เขาเลือก

ดังนั้นคราวนี้เธอจึงหยุดอยู่ที่ชั้นล่าง และขอให้พ่อบ้านออสบอร์นส่งข้อความไปให้แทนเธอว่าเธอต้องการพบเขา

พ่อบ้านออสบอร์นทำตามที่เธอขอ ตอนแรกเขาคิดว่าเกรกอรีจะไม่ยอมออกมา แต่น่าประหลาดใจที่เขาพยักหน้ารับ

ยูเลียน่ากำลังรอเขาอยู่ที่ห้องนั่งเล่นของอาคารหลัก ไม่นานหลังจากนั้น เธอก็ได้เห็นชายคนนั้นเดินลงมาจากบันได

“เกรกอรี!”

รอยยิ้มที่แสนอ่อนหวานปรากฏบนใบหน้าของเธอในทันที เธอเดินเข้าไปหาเขาแล้วพูดว่า “ฉันได้ยินมาว่าคุณขังตัวเองอยู่แต่ในห้องตั้งแต่คุณกลับมา และก็ไม่ยอมกินข้าวด้วย คุณสบายดีหรือเปล่า? หรือว่าไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”

เกรกอรีเหลือบมองเธอด้วยความเย็นชา ใบหน้าของเขาไร้ซึ่งความรู้สึก

“คุณมีอะไรหรือเปล่า?”

เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้ตอบคำถามของเธอ ยูเลียน่าจึงรู้สึกอับอายเล็กน้อย เธอไม่สามารถแม้แต่จะรักษาศักดิ์ศรีของเธอต่อหน้าของคนใช้เอาไว้ได้

เธอรู้ว่านี่คือนิสัยของเกรกอรี และถ้าหากว่าเธอต้องการที่จะอยู่เคียงข้างเขา เธอจะต้องมีอดทนและความมุ่งมั่นมากกว่านี้

ดังนั้นเธอจึงยิ้มออกมาและก้าวไปข้างหน้า "ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ. พอดีว่าวันนี้ฉันอยู่บ้านเฉย ๆ ฉันก็เลยต้มซุป ฉันได้กินอาหารเย็นไปแล้วเล็กน้อย และรสชาติก็ค่อนข้างดีเลยทีเดียว บวกกับฉันได้ยินมาว่าคุณไม่ค่อยอยากอาหารสักเท่าไหร่ ฉันเลยนำบางอย่างมาให้คุณลองทานดู”

เธอหยุดอยู่ครู่หนึ่ง เพราะกังวลว่าเขาจะโกรธ ก่อนจะรีบพูดเสริมออกมาว่า “แต่ก็ไม่เป็นไรนะคะถ้าคุณไม่อยากทาน มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ ฉันก็แค่เป็นห่วงคุณแค่นั้น”

เกรกอรีมองเธอด้วยท่าทางที่ยากเข้าใจได้ จากนั้นเขาก็นั้งลงพลางพับแขนเสื้อของเขาขึ้น เขาพูดว่า “ถ้าสิ่งนี้มันคือความห่วงใยจากคุณจริง ๆ ผมจะไม่ทานมันได้เหรอ?”

ดวงตาของยูเลียน่าเป็นประกายขึ้นมาเพราะคำตอบของเขา

ความหวังเล็ก ๆ น้อย ๆ กำลังก่อตัวขึ้นในหัวใจของเธอ แต่เนื่องจากเมื่อไม่นานมานี้เธอเพิ่งจะทำให้เขาไม่พอใจ เธอจึงไม่กล้าแสดงออกความตื่นเต้นที่มีอยู่มากจนเกินไป

เธอก้มศีรษะลงและพูดออกมาเบา ๆ ว่า “ไม่จริงหรอก ฉันรู้สึกขอบคุณที่คุณยอมรับฉัน และถ้าหากว่าฉันมีประโยชน์กับคุณบ้างหัวใจของฉันก็คงจะผ่อนคลายขึ้น แต่ถ้าคุณไม่อยากทานมันจริง ๆ หรือแค่รู้สึกผิดกับความห่วงใยของฉันล่ะก็ ฉันก็จะไม่เป็นภาระให้กับคุณ”

คำพูดของเต็มไปคารมคมคาย

แม้แต่เกรกอรีเองก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเธอหลังจากที่ได้ยิน เขาศึกษาเรียนรู้เธออย่างระมัดระวัง ต้องยอมรับว่าหลังจากบ่ายของวันนี้ ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าของเขาได้ดูเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

นอกจากวิธีการแต่งตัวของเธอแล้ว กิริยาและคำพูดของเธอก็ยังแตกต่างจากคนอื่นที่อยู่ในสนามกอล์ฟอย่างสิ้นเชิง

เขาเลิกคิ้วขึ้นด้วยประหลาดใจ และรู้สึกขบขันเล็กน้อย

นี่เธอได้ไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญคนอื่น และคิดกลยุทธ์ใหม่ขึ้นมาหรือเปล่า?

แต่ไม่ว่ากลยุทธ์ของเธอจะนั้นเป็นอย่างไร สิ่งหนึ่งที่จะไม่เปลี่ยนแปลงก็คือ เกรกอรีที่ไม่มีทางจะสนใจเธอเลย

ดังนั้นเขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “ถ้าหากว่าเป็นอย่างนั้นคุณก็เอาคืนไปเถอะ! ผมไม่ได้สนใจ"

ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงเดินผ่านเธอออกไปข้างนอก

แม้ว่ายูเลียน่าจะเดาผลลัพธ์ดังกล่าวเอาไว้แล้ว แต่การได้ยินเขาพูดคำเหล่านั้นต่อหน้าแบบขนาดนั้น หากจะบอกว่ามันไม่ได้ทำร้ายความรู้สึกของเธอเลยแม้แต่น้อย มันก็คงเป็นเรื่องโกหก

เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้ เขาเต็มใจที่จะออกโรงปกป้องเธอและได้ทะเลาะกับแฟนเก่าของเขาเพื่อเธอ แต่ทำไมจู่ ๆ เขาถึงได้ทำตัวห่างเหินออกไปแบบนี้?

เธอรู้ว่าในเวลานี้ เธอไม่ควรถามเขามากจนเกินไป เธอบังคับตัวเองให้ฝืนยิ้มออกมา และเดินตามเขาไป “โอเค ฉันจะเอามันออกไปตอนนี้เลยไหมล่ะ?”

เท้าของเกรกอรีหยุดชะงักลง เขาหันกลับมามองเธอด้วยสายตาที่เย็นชา

“คุณลินช์ คุณมาอยู่ที่นี่ในฐานะอะไรเหรอครับ?”

ยูเลียน่าตกตะลึงขึ้นมาทันที เธอยืนอยู่ที่นั่นพลางจ้องมองสายตาที่เย็นชา และความเหินห่างของเขาด้วยความสับสน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก