เธอคิดว่าเธอเป็นใคร?
เธอได้อาศัยอยู่ที่นี่ต่อเพราะเธอได้ขอร้องเขาเอาไว้ และจริง ๆ แล้วเขาไม่เคยชอบเธอเลยด้วยซ้ำ เธอเป็นใครทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้?
เป็นแขก? หรือว่าเป็นแฟนสาวของเขา? หรือ…
หน้าของเธอซีดลงทันทีเมื่อกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
แต่ทว่าเกรกอรีกลับเริ่มหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะของเขาฟังดูเย็นชาจนทำให้ยูเลียน่ายากที่จะเข้าใจว่าเขารู้สึกอย่างไร แต่จิตสำนึกของเธอก็ได้บอกกับเธอว่ามันไม่ดีนักหรอก
ในขณะที่เธอกำลังฟังในสิ่งที่เขาพูดด้วยน้ำเสียงต่ำว่า “อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย ที่คุณได้อยู่ที่นี่มันเป็นเพราะความเมตตาของผม ทำในสิ่งที่คุณควรทำ และอย่าคิดว่าตัวเองเป็นแฟนของผม คุณไม่มีคุณสมบัติพอที่จะมาเป็นแฟนของผมหรอก เข้าใจใช่ไหม?”
สีหน้าของยูเลียหน้าแตกยับเยินไม่มีชิ้นดี
เกรกอรีไม่อยากจะพูดคุยกับเธออีกต่อไป เขาเดินออกไปทางประตูด้วยการก้าวเท้ายาว ๆ
…
วิกกี้รีบกลับบ้าน แต่เมื่อมาถึงที่คฤหาสน์ก็เลยเวลาสามทุ่มมาแล้ว
เธอพลาดอาหารมื้อเย็นและกำลังรู้สึกหิวโหย ดังนั้นเธอจึงมองหาพ่อบ้านออสบอร์นในทันที เขารู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นว่าเธอกลับมาแล้ว เขารีบสั่งให้สาวใช้เตรียมอาหารเย็นพลางถามวิกกี้ว่า “ทำไมคุณถึงมาคนเดียวล่ะครับ? นายน้อยอยู่ที่ไหน?”
ด้วยความประหลาดใจ วิกกี้เงยหน้าขึ้นมาและสังเกตเห็นความสงสัยในแววตาของพ่อบ้านออสบอร์น ที่กำลังมีรอยย่นเกิดขึ้นมาระหว่างคิ้วของเขา
“เกรกอรีเหรอคะ? ฉันไม่ได้อยู่กับเขาหนิคะ”
นายออสบอร์นตกใจมากกว่าเดิม “แต่ว่าเขาออกไปตามหาคุณนะครับ”
วิกกี้รู้สึกตกใจมากกว่า
นายออสบอร์นรู้สึกกังวลมากจนตบต้นขาของเขาเองก่อนจะพูดว่า “เขาออกไปเมื่อประมาณครึ่งชั่วโมงที่แล้ว เขาโทรหาคุณตั้งหลายครั้งแต่ว่าคุณไม่รับสาย เขายังไม่ทันได้กินข้าวเย็นเลยด้วยซ้ำ หลังจากนั้น จู่ ๆ เขาก็บอกว่าเขาจะออกไปข้างนอก ผมก็คิดว่าคุณสองคนเจอกันแล้ว เฮ้อ!”
วิกกี้กลับมามีสติก่อนจะมองออกไปข้างนอก เธอนึกสงสัยอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “อย่ากังวลไปเลยค่ะ เขาจะกลับมาเมื่อเขาหาฉันไม่เจอ”
พ่อบ้านออสบอร์นยังรู้สึกลังเล ริมฝีปากของเขากระตุกราวกับต้องการจะพูดอะไรออกมา แต่ในที่สุดเขาก็ยอมแพ้เมื่อเห็นว่า วิกกี้ โทมัส เย็นชามาก
เขาถอนหายใจออกมาและพูดว่า “ผมจะโทรหาเขา”
เมื่อเสิร์ฟอาหารเสร็จ เกรกอรีก็กลับมาทันที
ผ่านไปเพียงแค่สิบนาที เมื่อเกรกอรีกลับเข้ามา ใบหน้าของเขาบึ้งตึง ใคร ๆ ก็บอกได้เลยว่าเขาอารมณ์ไม่ดีสักเท่าไหร่
วิกกี้เองก็สังเกตเห็นเช่นกัน
ความจริงแล้วมันไม่มีจำเป็นที่เขาจะต้องทำอย่างนั้น แต่ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง เมื่อเธอรู้ว่าเขาได้ออกไปตามหาเธอแล้วไม่พบ เธอก็รู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าที่มืดมนของเขา
เธอมองไปที่เขาพลางพูดจาอย่างอ่อนโยน “คุณกลับมาแล้วเหรอ? ฉันได้ยินมาว่าคุณยังไม่ได้ทานอะไรเลย ทานข้าวด้วยกันไหม?”
เกรกอรีจ้องมองเธอด้วยสายตาอันเยือกเย็น เขาถอดแจ็กเก็ตออก เผยให้เห็นเสื้อสีดำที่เขาสวมอยู่ใต้แจ็กเก็ตและรูปร่างอันล่ำสันของเขา จากนั้นเขาก็ยื่นเสื้อให้กับสาวใช้แล้วนั่งลงตรงข้ามกับเธอ
ความตึงเครียดระหว่างพวกเขาทำให้หายใจไม่ทั่วท้อง
“วันนี้คุณไปที่ไหนมา?” เขาถามเธอด้วยน้ำเสียงที่ทุ่มต่ำและไม่ค่อยเป็นมิตรสักเท่าไหร่
วิกกี้หยิบตะเกียบและจิ้มข้าวในชามของเธอ ขณะที่พยายามหลบสายตาของเขา “ไม่ได้ไปที่ไหนเลย”
“ไม่ได้ไปที่ไหนได้ยังไง บอกผมคุณไปที่ไหนมา?” ความโกรธได้คืบคลานเข้ามาในเสียงของเขา
วิกกี้ตัวสั่น เธอรู้ว่าในอีกไม่กี่วันข้างหน้า พวกเขาทั้งสองคนยังจะต้องทำงานร่วมกัน แม้ว่าเธอจะไม่พอใจเขามากสักเท่าไหร่ แต่เธอก็จำเป็นต้องยืมมือ และอิทธิพลของเขาเพื่อค้นหาผู้กระทำความผิดที่แท้จริงที่ทำลายองค์กรนกหงส์หยก เธอจะไม่มีวันปล่อยให้คนที่มันทำลายล้างสององค์กรและทำร้ายเธอให้หลุดมือไปได้อย่างแน่นอน
และมันยากเกินไปสำหรับเธอที่จะทำสิ่งเหล่านี้แค่เพียงคนเดียว ดังนั้นเธอจึงต้องการความช่วยเหลือจากเขา
เมื่อเธอคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็มองเข้าไปในดวงตาของเกรกอรีพลางกดริมฝีปากเข้าหากัน เธอวางตะเกียบลงและพูดอย่างแน่วแน่ว่า “ฉันออกไปทำอะไรบางอย่างมา”
"อะไรบางอย่างที่ว่านั้นมันคืออะไร?"
"มันเป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน"
เธอไม่ต้องการเปิดเผยข้อมูลให้ใครรู้ รูม่านตาของเกรกอรีหดตัวลงเล็กน้อย
วิกกี้อธิบายอย่างจริงจังว่า “เกรกอรี ฉันมีสิทธิที่ทำธุระส่วนตัวของฉันไหม เราเป็นแค่หุ้นส่วนกัน และฉันก็ไม่ใช่ทาสของคุณ”
เสียงหัวเราะเยาะเย้ยหลุดออกมาจากปากของชายคนนั้น ราวกับว่าความโกรธทั้งหมดที่ติดอยู่ในตัวเขาถูกปลดปล่อยออกมา มันเหมือนกับอากาศที่อยู่ในลูกบอลลูนได้ระเบิดออกมา แต่ความตึงเครียดก็ไม่ได้ลดลงไปแม้แต่น้อย มันกลับนำไปสู่ความแตกแยกระหว่างคนทั้งสอง
หลังจากนั้นไม่นานเกรกอรีก็พูดออกมาว่า “ใช่เหรอ? วิกกี้ โทมัส คุณต้องการพูดคุยเกี่ยวกับสิทธิของคุณมากนักใช่ไหม?”
เขาก้าวไปข้างหน้าอย่างยิ่งใหญ่ แล้วแผ่ซ่านบรรกาศเผด็จการออกมา วิกกี้ขมวดคิ้วแต่ก็ยังยืนนิ่ง เธอไม่ได้หันหลังกลับ ขณะที่เธอยืนมองเขาด้วยท่าทีสงบนิ่ง
วินาทีต่อมา เธอรู้สึกได้ถึงแรงจับที่คาง
เกรกอรียกคางของเธอขึ้น และบังคับให้เธอมองมาที่เขา เขาลดเสียงลง “คุณไม่รู้เหรอว่าตั้งแต่คุณก้าวเข้ามาในคฤหาสน์หลังนี้ สิทธิทั้งหมดของคุณมันถูกกำหนดโดยผม? คุณคิดว่าคุณกับผมมีความทัดเทียมกัน และนั้นมันจะทำให้คุณสามารถต่อรองกับผมได้อย่างงั้นเหรอ? คุณไปเอาความมั่นใจและความกล้าหาญแบบนี้มาจากไหน?”
คำพูดของเขาเหมือนเข็มที่กำลังทิ่มแทงหัวใจของวิกกี้อยู่
เธอมองเขาด้วยรอยยิ้ม เธอเจ็บที่คางของเธอและทำให้นิ้วของเธอขดรวมกำเป็นหมัดแน่น
แต่ก็ไม่เหมือนที่เขาได้คาดคิดเอาไว้ เธอไม่ได้โกรธจัดขนาดนั้น
ตรงกันข้ามเธอกลับสงบนิ่ง นิ่งจนเหมือนไม่ได้ยินคำพูดที่รุนแรงและน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตรของเขา
เธอตอบเขาอย่างเย็นชาว่า “ปล่อยฉันนะ!”
เกรกอรีมองเธออย่างเย่อหยิ่ง และไม่ยอมปล่อยมือออกจากคางของเธอง่าย ๆ
วิกกี้ย้ำอีกครั้ง “ฉันบอกให้ปล่อย”
คราวนี้เกรกอรีดูเหมือนว่าจะได้ยินน้ำเสียงที่เย็นชาในเสียงที่นิ่งไม่ไหวติงของเธอได้อย่างชัดเจน สีหน้าของเขาดูอ่อนลงเล็กน้อย และเขาก็ยอมปล่อยมือของเขาออกจากคางของเธอ
วิกกี้ถอยหลังออกไปและนวดคางของเธอเบา ๆ
ขณะที่เธอมองเขาอย่างสงบ เธอลดเสียงลง “เกรกอรี ฉันคิดมาเสมอว่าการเป็นหุ้นส่วนที่ยุติธรรมนั้นขึ้นต้องอยู่กับความเต็มใจของทั้งสองฝ่าย และความเท่าเทียมกัน ดูจากมุมมองของคุณในตอนนี้ ฉันคิดว่าคุณและฉันมีความเชื่อที่แตกต่างกันอย่างมากมาย ในกรณีนี้ฉันจะไม่บังคับคุณ แต่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราจะแยกย้ายกันไปคนละทาง คุณจะเดินไปบนเส้นทางของคุณ ส่วนฉันก็จะเดินไปตามทางของฉัน และเราจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก”
เมื่อเธอพูดจบเธอก็หันหลังกลับออกไปอย่างเงียบ ๆ
ภายในห้องนั่งเล่นก็เงียบกริบขึ้นมาทันที
เกรกอรีและพ่อบ้านออสบอร์นที่ยืนอยู่ตรงนั้น ต่างก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน
เกรกอรีไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าวิกกี้จะเด็ดขาดได้ถึงขนาดนี้ ผ่านไปไม่กี่วินาทีก่อนที่เขาจะสงบสติอารมณ์ได้อีกครั้ง เขาก้าวไปข้างหน้าและจับมือของเธอเอาไว้
"อยู่ที่นี่ต่อเถอะ"
"ปล่อยฉัน!"
หญิงสาวสะบัดมือออกด้วยแรงมหาศาล เกรกอรีจับไว้ไม่ทัน เขาขยับถอยหลังออกไปสองก้าว ทั้งสองสบตากันอย่างเอาจริงเอาจัง
เขาพูดอย่างเย็นชาว่า “วิกกี้ มานี่ก่อนสิ! ผมพูดแรงเกินไป ไว้ค่อยคุยกันใหม่นะ”
วิกกี้หัวเราะออกมาอย่างคนอารมณ์เสีย คลื่นแห่งความเศร้าโศกกำลังพุ่งเข้ามาหาเธอ เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเธอถึงรู้สึกแบบนี้
เธอคงแค่รู้สึกเหนื่อยจากการทะเลาะวิวาทที่เธอประสบในทุกวัน และสิ่งที่เธอกำลังพยายามที่จะไม่สนใจดูเหมือนว่าจะขยายใหญ่ขึ้นในขณะนี้ และเธอก็ปล่อยมันไป
เธอส่ายหัวและตอบว่า “ฉันไม่มีอะไรต้องคุยกับคุณอีกแล้ว เกรกอรี เกรแฮม เราเลิกเป็นหุ้นส่วนกันเถอะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก