ราวกับว่าก้อนหินถูกโยนลงไปในทะเลสาบ
หัวใจของเกรกอรีจมลงไปในทะเลลึก ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้เขาเริ่มตื่นตระหนก เขาหดหู่เหมือนอย่างที่เคยเป็น แต่ก็มีแสงลึกลับส่องประกายในแววตาของเขา
“วิกกี้ ฉันบอกว่าให้เธอกลับมาคุยเรื่องนี้กันอีกครั้ง”
“ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณแล้ว” วิกกี้พูดจาห่างเหิน เสียงของเธอก็ฟังดูอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด “เกรกอรี ที่คุณพ่ายแพ้ให้กับฉันในวันนี้ คุณสัญญาว่าคุณจะให้อะไรก็ได้กับอีกฝ่ายที่ชนะ”
ชายคนนั้นนิ่งเงียบไป
เธอพูดต่อว่า “เราจะมุ่งเน้นไปที่ปัญหานี้ และยุติการเป็นหุ้นส่วนกันตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ถ้าไม่มีอะไรจำเป็น เราคงไม่ต้องมาเจอกันอีก เพราะถ้าได้เจอกันอีกคุณคงตายแน่ ๆ อีกอย่างฉันเคยพูดไปแล้วว่าฉันจะไม่ปล่อยให้พี่น้องจากองค์กรนกหงส์หยกของฉันต้องตายเปล่าแน่ ๆ"
พอพูดจบเธอก็ทำเป็นไม่สนใจเขาและหันหลังเดินจากไป
เกรกอรีตะโกนไล่ตามหลังว่า “หยุดเธอไว้เดี๋ยวนี้!”
ต่อมาชายรูปร่างกำยำสองสามคนกระโดดออกมาจากที่ไหนสักแห่ง และขวางทางของวิกกี้เอาไว้
การแสดงออกของวิกกี้เปลี่ยนไปอย่างจริงจัง เธอหันกลับไปมองเกรกอรี และพูดจาข่มขู่เขาว่า “คุณต้องการให้ฉันออกแรงใช่ไหม?”
เกรกอรีรู้อยู่แล้วว่าวิกกี้ไม่ใช่ผู้หญิงคนเดียวกับเมื่อสี่ปีก่อนอีกต่อไป สี่ปีที่เธออยู่ในคุกทำให้เธอได้เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับความต้องการของเธอ การวางแผนและความเชี่ยวชาญทางด้านศิลปะการต่อสู้ของเธอก็พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดเช่นกัน
แต่เธอก็ไม่สามารถใช้สิ่งนี้เพื่อเป็นเหตุผลที่จะจากไปได้
เธออาจจะสามารถเอาชนะเขาได้ในการต่อสู้ แต่ว่าเธอจะสามารถต่อสู้กับผู้ชายหลายคนพร้อมกันได้หรือเปล่า?
สมมติว่าเธอสามารถล้มคนเหล่านี้ลงได้ แต่ก็ยังมีคนอีกจำนวนมากที่คอยปกป้องทั้งภายใน และภายนอกของคฤหาสน์แห่งนี้ เธอจะสามารถเอาชนะพวกเขาทั้งหมดและหลบหนีไปได้หรือไม่?
ดังนั้นเขาจึงไม่คิดกังวลว่าเธอจะจากไปได้ง่าย ๆ
แต่ถึงแบบนั้น เขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจในตัวเขาเอง ซึ่งเขาก็อธิบายไม่ได้ว่าทำไม แต่เขาแค่รู้สึกว่าถ้าเธอเป็นอิสระในตอนนี้ เขาก็จะสูญเสียเธอไปตลอดกาล
เขาก้าวออกไปข้างหน้าพลางจับมือของเธอเอาไว้และกำชับว่า “มากับฉันเถอะ”
จากนั้นเขาก็พาตัวของเธอขึ้นไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว
น่าแปลกที่วิกกี้ไม่ได้ต่อสู้ขัดขืนเลยแม้แต่น้อย
อย่างแรกเลยเธอเข้าใจว่า ภายใต้สถานการณ์ในปัจจุบันนี้ เธอไม่สามารถไปได้หากเกรกอรีใช้กำลังโหดร้ายเพื่อบังคับให้เธออยู่
อย่างที่สองก็คือ ลึกลงไปข้างในใจแล้วเธอยังอยากรู้ว่าเขาต้องการที่จะบอกอะไรกับเธออีก
เขามีอะไรจะพูดกันแน่?
ระหว่างทางไปห้องสมุด วิกกี้รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่ข้อมือของเธอ ซึ่งเป็นผลพวงมาจากการที่เกรกอรีจับมือเธอแน่นเกินไป แต่เธอก็ไม่ได้บอกเขา เธอปล่อยให้เขาพาเธอไปยังห้องสมุดของเขาต่อ เมื่อไปถึงที่หมาย เขาก็ปล่อยมือเธอ
หลังจากนั้นสีหน้าของเกรกอรีก็ดูเข็มขึ้น เมื่อเขาเดินไปที่หลังโต๊ะ เขาแอบมองเธอ ขณะที่เธอกำลังยืนอยู่ตรงนั้น แม้จะมีสีหน้าบึ้งตึง แต่ว่าความเป็นศัตรูก็ได้หายไปแล้ว
"มานี่สิ!" เขาตะโกนเรียก
วิกกี้เงียบและเดินไปหาเขา เขาหยิบแฟ้มเอกสารออกมาจากใต้โต๊ะของเขา
“อ่านนี่ก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ” เขาพูดแล้วโยนเอกสารเข้าหาเธอ
วิกกี้ไม่เชื่อคำพูดของเขา แต่เธอก็ยอมรับมาและเปิดอ่านดูแต่โดยดี
สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปอย่างมากเมื่อเธออ่านมาถึงตอนท้ายของเอกสาร เธอปิดแฟ้มลงและจ้องมองเขาด้วยความตกใจ “มันเป็นไปได้ยังไง?”
เกรกอรีมีท่าทีสงบลงอย่างสมบรูณ์ เขาคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เธอควรจะรู้เรื่องที่เธอควรรู้
มีบางครั้งที่เขาลังเลที่จะปล่อยให้เธอต้องเผชิญกับความจริงที่แสนโหดร้าย เขาเกลียดการทรยศของเธอ แต่มีเสียงตามดุด่าเขา เขาคิดว่าบางทีในตอนนั้นเธออาจจะไม่ใช่ผู้กระทำความผิดที่แท้จริง
ข้อมูลวงในเกี่ยวกับองค์กรนกหงส์หยก และกองทหารมังกรได้รั่วไหลออกมา
ในฐานะที่เป็นคนที่ติดอยู่ระหว่างทั้งสององค์กร ไม่มีประโยชน์ที่วิกกี้จะทำให้ทั้งสองฝ่ายต้องมาต่อสู้กันเอง
แต่ในอดีตหลักฐานทั้งหมดถูกชี้ไปที่เธอ ดังนั้นเขาจึงต้องทำอะไรบางอย่าง ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่สามารถเผชิญหน้ากับผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาได้อีก
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็ถอนหายใจออกมาและพูดว่า “อ่านต่อเถอะ และดูหน้าสุดท้าย”
วิกกี้ทำตามที่เขาบอกโดยง่ายดาย
ยิ่งเธอดูต่อ เธอก็ยิ่งสั่นสะท้านไปทั้งตัว
เธอรู้ว่าเธอกำลังดูรายชื่อขององค์กรนกหงส์หยกและสมาชิกเก่าของทหารมังกรอยู่ ในสมัยก่อนนั้นทั้งสององค์กรไม่ใช่ศัตรูกัน อันที่จริงพวกเขาดูเหมือนจะห่วงใยและมีน้ำใจต่อกันมากกว่า
ถ้าไม่ใช่เพราะข้อเท็จจริงนี้ วิกกี้ที่ทิ้งกองทหารมังกรไปทั้ง ๆ ที่ก็ไม่ได้เข้าร่วมองค์กรหงษ์หยก
ดังนั้นในตอนนั้น สมาชิกระหว่างทั้งสององค์กรจึงเปลี่ยนหน้าไปเรื่อย ๆ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีสมาชิกคนไหนให้ความสนใจกับเรื่องนี้เลย
พวกเขาจึงลดความระมัดระวังตัวลง
เอกสารนี้ได้ระบุรายละเอียดส่วนบุคคลไว้อย่างชัดเจน และมีที่อยู่ของผู้รอดชีวิตจากสงครามที่ผ่านมาอีกด้วย
เมื่อเธอมองเข้าไปใกล้ ๆ เธอก็พบว่ามีคนจำนวนมากที่ออกจากที่นี่ และเปลี่ยนชื่อของพวกเขาเพื่อเข้าร่วมองค์กรที่เรียกว่าสมาคมจีน
ดูแบบผิวเผินคนเหล่านั้นได้เสียชีวิตลงในสงคราม คนที่เธอเรียกว่าพี่น้องหลาย ๆ คนรวมอยู่ในกลุ่มสมาชิกเหล่านั้นด้วย
แต่ทุกวันนี้พวกเขามีชีวิตที่ดีขึ้น และมีคุณลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างกันออกไป พวกเขาไม่ได้ตายจริง แต่สิ่งที่ตายไปแล้วจริง ๆ คือความผูกพันระหว่างพวกเขากับเธอ
วิกกี้แทบไม่เชื่อสายตาของตัวเอง เธอรู้สึกเหมือนกับว่าสมองของเธอถูกขวานเฉือนเข้าไป จนทำให้จิตใจของเธอว่างเปล่า
เธอเริ่มสับสนและศูนย์เสียการทรงตัว ใบหน้าของเธอซีดเผือด เธอถอยหลังกลับไป และในที่สุดเธอก็สามารถประคองตัวเองเอาไว้ได้ เธอพึมพำออกมา “เป็นไปไม่ได้…มันจะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง? ทำไมพวกเขา...พวกเขาถึง…”
เกรกอรีพูดกับเธอด้วยความสงบ “คุณจำได้ไหมว่าทำไมเราถึงล้มเหลว?”
วิกกี้เงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะพูดคำสามคำอย่างช้า ๆ ออกมา “หยกอาถรรพ์”
“ใช่แล้วมันคือ หยกอาถรรพ์”
เมื่อห้าปีก่อน เอกสารที่ว่ากันว่ามีอายุถึงสองพันปีได้ปรากฏขึ้นมาบนพื้นโลกโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า มันบอกถึงสิ่งประดิษฐ์ที่ไม่ธรรมดา และว่ากันว่าสิ่งประดิษฐ์นั้นสามารถนำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้กลับมามีชีวิต และทำให้สิ่งนั้นเป็นอมตะได้
ด้วยความสัตย์จริง เมื่อวิกกี้ได้ยินข่าวลือนั้น เธอก็คิดว่ามันช่างเป็นเรื่องที่ไร้สาระ
ต่อมาเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นก็ได้เปลี่ยนความคิดของเธอใหม่
เธอเห็นกับตาของตัวเธอเองว่ามีชายคนหนึ่งซึ่งถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ได้รับการรักษาด้วยหยกอาถรรพ์นั้น ช่างน่าตกใจที่ผิวหนังรอบ ๆ บาดแผลของเขาได้งอกขึ้นมาใหม่อย่างรวดเร็ว และเขาก็หายดีในทันที
เธอจะไม่มีวันลืมความรู้สึกประหลาดใจที่เธอรู้สึกในวันนั้นเลย
หากว่าเธอไม่ได้เห็นด้วยตาของเธอเอง เธอคงจะไม่มีวันเชื่ออย่างเด็ดขาดว่าปาฏิหาริย์ดังกล่าวยังคงมีอยู่ในใบโลกนี้
ด้วยความช่วยเหลือของหยกชิ้นเล็ก ๆ ร่างกายที่ทำขึ้นมาจากเลือดเนื้อไม่เพียงแต่จะสามารถรักษาบาดแผลของตัวมันได้เองแล้ว แต่ยังทำให้คนตายฟื้นคืนชีพได้อีกด้วย!
มันเป็นไปได้อย่างไร?
มีผู้คนมากมายที่ได้เห็นเหตุการณ์อันน่าพิศวงนี้ ไม่ว่าเธอจะเชื่ออย่างไรก็ตาม แต่หลังจากที่ได้รับรู้ถึงพลังของมัน ทุกคนต่างก็ปรารถนาที่จะเป็นเจ้าของสิ่งประดิษฐ์นั้น
แต่ทว่าหยกอาถรรพ์อันเดียวที่ถูกค้นพบได้ถูกใช้ไปแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก