เจนนี่เก็บข้าวของและจากไปโดยไม่ลังเล
เมื่อเธอย้ายออกมาจากหอพักเธอก็ได้รับสายจากวิกกี้ เธอจึงรู้สึกยินดีเป็นอย่างอย่าง
พวกเธอนัดพบกันที่ร้านหม้อไฟแห่งหนึ่ง
ร้านหม้อไฟแห่งนี้ตกแต่งอย่างประณีต แตกต่างจากร้านอาหารทั่วไปตามท้องถนน ร้านอาหารแห่งนี้ไม่เพียงแต่มีวัตถุดิบที่สดใหม่เท่านั้น แต่บรรยากาศและรสชาติของอาหารนั้นยอดเยี่ยมมากอีกด้วย
เนื่องจากเป็นครั้งแรกของเจนนี่ที่เธอได้มาทานอาหารในสถานเช่นนี้ เธอจึงค่อนข้างไม่สบายใจเมื่อเธอเข้ามาถึง ในที่สุดร่างกายที่เกร็งของเธอก็ผ่อนคลายหลังจากที่พนักงานเสิร์ฟพาเธอไปที่ชั้นสอง และเข้าไปในห้องส่วนตัวที่วิกกี้รออยู่
“พี่สาว!” เธอตะโกนขึ้นด้วยรอยยิ้ม
วิกกี้เงยหน้าขึ้นสบตาและทักทายเจนนี่อย่างมีความสุข “เธอมาแล้ว! นั่งลงก่อนสิ”
เจนนี่พยักหน้าและนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามทันที หม้อไฟที่อยู่ตรงหน้าของเธอกำลังร้อนได้ที่
วิกกี้ใช้ตะเกียบคีบเนื้อใส่ลงในหม้อแล้วพูดว่า “กินก่อนแล้วค่อยคุยกัน”
เจนนี่พยักหน้าในขณะที่เธอหยิบตะเกียบขึ้นมาและคีบหน่อไม้ที่สุกแล้วขึ้นมาทาน
“อื้ม หอมมาก!” เธออ้าปากค้างด้วยความชื่นชม
วิกกี้มองเธอแล้วยิ้มออกมา “ถ้าอร่อยก็กินเยอะ ๆ”
จากนั้นเธอก็คีบเนื้อที่สุกแล้วให้ตัวเอง
เจนนี่ทำตัวสบายขึ้นและเริ่มทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย เธอพูดคุยกับวิกกี้ไปพร้อม ๆ กัน “พี่สาว พี่ก็กินด้วยสิ”
"แน่นอน"
ทั้งคู่ทานอาหารร่วมกันอย่างเป็นกันเอง กลิ่นหอมของหม้อไฟอบอวลไปที่ใบหน้าของพวกเขา ห่อหุ้มพวกเขาไว้ด้วยความผ่อนคลายและทิ้งปัญหาและความกังวลทั้งหมดของโลกภายนอกเอาไว้ข้างหลัง
หนึ่งชั่วโมงต่อมาพวกเขาก็ทานอาหารเสร็จ
วิกกี้เรียกพนักงานเสิร์ฟให้มาเก็บหม้อและภาชนะที่อยู่บนโต๊ะอาหารก่อนที่เธอจะสั่งน้ำชา
จากนั้นเธอก็เอนหลังพิงเก้าอี้และมองไปที่เจนนี่ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เมื่อกินอิ่มแล้วเจนนี่ก็มีสีหน้าพึงพอใจ วิกกี้พูดกับเธอ “เจนนี่ ฉันกำลังจะไป”
เจนนี่จ้องมองวิกกี้อย่างแปลกใจ
"ไป? ไปไหน?"
วิกกี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “ฉันจะไปประเทศเอฟ และฉันก็อาจจะเดินทางไปรอบ ๆ ประเทศ”
ประเทศที่เธออ้างถึงคือ ประเทศจีน
เจนนี่ขมวดคิ้ว ด้วยเหตุผลบางอย่างเธอจึงรู้สึกไม่สบายใจ เธออดไม่ได้ที่จะถาม “ทำไมพี่ต้องไป? อยู่ที่นี่ไม่ดีเหรอ?”
วิกกี้ยิ้มบาง ๆ เธอเอนหลังพิงเก้าอย่างสบายใจ จากนั้นเธอก็วางแขนขวาลงบนโต๊ะแล้วจับถ้วยชาที่อยู่ในมือ ให้ความรู้สึกที่เป็นอิสระและผ่อนคลาย
เธอตอบว่า “ใช่ ที่นี่ดี แต่ฉันยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ”
เจนนี่เป็นกังวล “เรื่องอะไร? พี่ทำมันคนเดียวได้เหรอ? พี่อยากให้ฉันช่วยด้วยไหม?”
ในขณะที่ใบหน้าของวิกกี้ดูเป็นประกาย รอยยิ้มของเธอดูราวกับสายลมฤดูใบไม้ผลิที่พัดผ่านมายังแก้มของเธอ และด้วยเหตุผลบางอย่าง เจนนี่จึงรู้สึกหน้าแดงไปถึงหูของเธอ เธอรู้สึกละอายและกล่าวว่า “ฉันรู้ว่าฉันไม่สามารถรั้งพี่เอาไว้ได้ แต่ฉันเป็นห่วงพี่จริง ๆ พี่สาว...”
เจนนี่กัดริมฝีปากและแสดงออกด้วยท่าทางที่ไม่เต็มใจ เธอครุ่นคิดบางอย่างอยู่ภายในใจแต่ไม่กล้าพูดมันออกมา
เธอเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ดวงตาที่สดใสของวิกกี้ ในท้ายที่สุดเธอก็รวบรวมความกล้าเพื่อที่จะพูดมันออกมา “พี่สาว ฉันรู้ว่าพี่กับฉันแตกต่างกัน พี่ต่างจากคนทั่วไปที่อยู่รอบตัวเรา พี่มีความสามารถ ฉลาด สามารถหาเงินก้อนโต และทำในสิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถทำ หรือกล้าที่จะฝันถึงมันได้
“แต่สิ่งที่พี่ทำมันก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงมากเช่นกัน จริงไหม? และถึงแม้ว่าพี่จะฉลาดและมีความสามารถมากแค่ไหน แต่ถ้าวันหนึ่งสิ่งต่าง ๆ อยู่เหนือการควบคุมจนเกินความสามารถของพี่ขึ้นมา มันอาจจะจบลงเหมือนเมื่อสี่ปีก่อนก็ได้
“แต่ที่ฉันอยากจะพูดจริง ๆ ก็คือ ถ้าเป็นไปได้ พี่วางมือจากมันได้ไหม? ฉันอยากให้เราได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข
“แม้ว่าเราจะไม่มีเงินมากมาย แต่อย่างน้อยเราจะปลอดภัย แม้แต่มดที่ต่ำต้อยก็ยังต่อสู้ดิ้นรนเพื่อชีวิตอันเป็นที่รักของมัน นับประสาอะไรกับมนุษย์ เหตุใดเราจึงต้องยอมตกอยู่ในอันตรายเพื่อไล่ตามสิ่งที่ไม่ใช่ของเรา”
วิกกี้หรี่ตาลงเล็กน้อย เธอนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางเย็นยะเยือก เธอลดดวงตารูปอัลมอนด์ของเธอลงจนเหลือเพียงแค่แววตาที่เป็นอันตราย
เธอเบือนหน้าหนีแล้วถามว่า “ไล่ตามสิ่งที่ไม่ใช่ของเรา? เจนนี่ เธอไปเรียนรู้มาจากไหน?”
เจนนี่ชะงัก เธอก้มหน้าลงก่อนจะตอบเบา ๆ “ไม่ได้เรียนรู้มาจากที่ไหน ฉันเพียงแค่คิดขึ้นมาเอง”
ในขณะที่เจนนี่นิ่งเงียบ เธอก็รู้ว่าเจนนี่พยายามอย่างเต็มที่ที่จะพูดออกมาอย่างอ่อนโยน อย่างไรก็ตาม เจนนี่ยังคงฝังความคิดที่อยู่ลึกลงไปเอาไว้
เจนนี่เชื่อว่าวิกกี้ถูกส่งตัวเข้าคุกเพราะว่าเธอเข้าสู่ด้านมืด? เจนนี่คิดว่าเธอได้ทำผิดต่อกฎหมายอย่างนั้นเหรอ?
วิกกี้หัวเราะ
สิ่งที่เธอทำลงไปไม่ใช่สิ่งที่ดีอย่างไม่ต้องสงสัย และถึงแม้ว่าเธอจะฝ่าฝืนกฎหมายแต่เธอก็ปฏิเสธที่จะยอมรับว่าความผิดเหล่านั้นเป็นอาชญากรรม
แม้ว่าเธอจะเป็นนักฆ่า แต่เธอก็จะฆ่าเฉพาะคนที่อยู่ในแวดวงเดียวกับเธอเท่านั้น และคนเหล่านั้นต่างก็เป็นคนที่มือสกปรกด้วยมือที่เปื้อนเลือดมากกว่าเธอ
ทุกคนต้องการแย่งชิง ใครบางคนจะได้มันไปถ้าหากว่าเธอไม่ทำ อาจเป็นพวกเขาหรือเธอที่จะเอาชนะได้ในท้ายที่สุด ดังนั้นถนนสายนี้จึงไม่เหมาะสำหรับคนอ่อนแอ จึงมีบางครั้งที่เธอจะต้องโหดเหี้ยม
อย่างไรก็ตาม เธอไม่เคยยกกำปั้นของเธอต่อหน้าคนธรรมดาที่ไร้เดียงสา
นี่คือหลักการของวิกกี้มาโดยตลอด แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะบอกหรืออธิบายเรื่องนี้กับเจนนี่
มันอาจจะดีกว่าถ้าเจนนี่เข้าใจผิดว่าเธอเป็นเช่นนั้นจริง ๆ เพราะอย่างน้อยเจนนี่ก็จะระวังตัวและสร้างกำแพงขึ้นมาเพื่อป้องกันตัวเองโดยรู้ตัวเองว่าอะไรผิดหรืออะไรถูก
ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้เห็นพื้นที่สีเทาบนโลกใบนี้ หากเป็นไปได้เธอเองก็หวังว่าเจนนี่จะคงอยู่อย่างที่เป็นอยู่ตลอดไปและคงไว้ซึ่งความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างขาวและดำ เธอควรจะได้มองเห็นเพียงแค่แสงสว่างและความหวังภายใต้แสงอาทิตย์ที่ต่างจากวิกกี้ ที่กำลังเดินอยู่ในความมืดมิดเพียงลำพังเพื่อเพ่งความสนใจไปที่ขุมนรกและต้องถูกความว่างเปล่ากลืนกิน
ไหล่ของเจนนี่ดูเหมือนจะหนักขึ้น เมื่อวิกกี้ยังคงพูดไม่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้
ในเวลาเดียวกัน เธอก็เต็มไปด้วยความเสียใจและการตำหนิตัวเอง วิกกี้ดีกับเธอมากและคอยช่วยเหลือเจนนี่มาตลอด แต่เจนนี่กลับทำร้ายเธอด้วยคำพูดเหล่านั้น
วลี "กัดมือที่ให้อาหารคุณ" ต้องเป็นเธออย่างแน่นอน
เมื่อคิดเช่นนั้นเจนนี่ก็เงยหน้าขึ้นและเหลือบมองไปที่วิกกี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก