ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก นิยาย บท 793

แต่แล้วเจนนี่ก็ต้องตกตะลึงเมื่อเธอเหลือบมองไปที่วิกกี้

วิกกี้ยังคงนั่งพิงเก้าอี้อย่างสบายใจ เธอขดริมฝีปากเป็นรอยยิ้มเล็ก ๆ และดวงตาของเธอก็สดใสเหมือนเช่นเคย ไม่มีสัญญาณของความโกรธเคืองใด ๆ

เจนนี่งุนงงและหลงทางเล็กน้อย “พี่สาว คุณ...ไม่คุณโกรธเหรอ?”

วิกกี้เลิกคิ้วมองเธอ

“ทำไมฉันต้องโกรธ?”

“ฉัน...” เธอกัดริมฝีปากของเธอ

วิกกี้ยิ้มตอบ

เธอพูดอย่างแผ่วเบาว่า “ฉันรู้ว่าเธอเป็นห่วงฉันจริง ๆ และเธอก็ไม่ได้อยากจะวิจารณ์ฉัน แต่ฉันเพียงแค่ไม่คุ้นเคยกับคำแนะนำที่ดีของเธอ”

เจนนี่ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านนั้น

เธอถามเบา ๆ “พี่สาว ขอบคุณที่พี่เข้าใจฉัน แต่พี่ยังต้องการที่จะไปอยู่ไหม?”

วิกกี้พยักหน้า

เธอยกถ้วยชาขึ้นมาดื่มก่อนที่เธอจะเอนตัวไปรินชาให้กับเจนนี่ จากนั้นเธอก็ตอบว่า “ฉันต้องไป เจนนี่ ฉันบอกได้แค่ว่าฉันจะไม่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์ แต่ฉันจะต้องไปทวงหนี้ที่เป็นของฉันกลับคืนมา

“เธออาจจะคิดว่าฉันกำลังแก้แค้นให้กับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยการทำเช่นนั้น แต่นี่จะเป็นวิธีเดียวที่จะทำเพื่อคนที่ตายจากไปได้ ฉันต้องไป”

สายตาของเจนนี่ว่างเปล่า

เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ค่อยเข้าใจความหมายเบื้องหลังในคำพูดของวิกกี้

วิกกี้ยิ้มอย่างไม่ใส่ใจและชี้ไปที่ถ้วยชาที่อยู่ข้างหน้าของเธอ “ดื่มชาอีกหน่อยสิ ฉันจะไปส่งเธอกลับบ้านหลังจากนี้”

เจนนี่ลดสายตาลงและจ้องมองไปที่ถ้วยชาข้าง ๆ มือของเธอในขณะที่เธอนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง หลังจากตัดสินใจได้แล้วเธอก็หยิบถ้วยชาขึ้นมาและจิบเล็กน้อย

ทั้งคู่ผ่อนคลายก่อนที่พวกเธอจะออกจากร้านหม้อไฟไป

วิกกี้ไม่ได้ขับรถมาที่นี่ ในขณะที่เจนนี่เองก็เป็นเพียงแค่คนงานธรรมดา ๆ ที่ไม่สามารถซื้อรถให้ตัวเองได้

ดังนั้นทั้งสองจึงยืนรอแท็กซี่อยู่ริมถนน

เนื่องจากว่าพวกเขาไม่มีอะไรทำระหว่างรอ ทั้งคู่จึงพูดคุยอย่างเป็นกันเอง

หลังจากการสนทนาในร้านอาหาร เจนนี่ก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะเปลี่ยนความคิดของวิกกี้

แทนที่จะทำให้สถานการณ์มันแย่ลง เธอเลือกที่จะพูดคุยเกี่ยวกับแผนการที่กำลังจะเกิดขึ้นของเธอให้วิกกี้ฟังอย่างมีความสุข

เจนนี่มีเงินแสนเหรียญอยู่ในมือเงินที่วิกกี้ได้มอบให้กับเธอ และเจนนี่ก็ได้วางแผนที่จะเปิดร้านขายเสื้อผ้าเป็นของตัวเอง

ร้านค้าที่มีหน้าร้านใหญ่โตไม่ใช่ทางเลือกที่ดี เพราะธุรกิจเกี่ยวกับเสื้อผ้าในสมัยนี้ค่อนข้างได้รับผลกระทบ ด้วยเหตุนี้เจนนี่จึงมีความตั้งใจที่จะเช่าหน้าร้านเล็ก ๆ และราคาถูก การไหลเวียนของลูกค้าไม่สำคัญมากนัก เธอเพียงแค่ต้องการให้มีห้องโถงสำหรับนิทรรศการ และเน้นไปที่การให้ความสำคัญกับการขายออนไลน์แทน

เจนนี่สนใจการออกแบบแฟชั่นมาโดยตลอด เธอไม่ได้เรียนต่อหลังจากที่สำเร็จการศึกษา ดังนั้นเธอจึงเรียนรู้นอกหลักสูตร

เธออาจจะเทียบเท่ากับนักออกแบบแฟชั่นที่แท้จริงไม่ได้ แต่เธอก็สามารถเรียนรู้วิธีการตัดเย็บเสื้อผ้าของเธอเองได้

เจนนี่มีความใฝ่ฝันที่จะสร้างแบรนด์ของตัวเองอยู่เสมอและเธอก็เคยบอกเรื่องนี้กับวิกกี้ และในตอนนี้เธอก็มีโอกาสให้เธอได้ลองทำมันดูแล้ว

อย่างแรก เธอกำลังจะออกแบบเสื้อผ้าสองสามชิ้นตามเทรนด์ปัจจุบันและนำเสื้อผ้าเหล่านั้นลงขายทางออนไลน์ เจนนี่จะนำเสื้อผ้าสำเร็จรูปมาวางโชว์ในร้านเพื่อให้ลูกค้าได้ลองสวมใส่แบบออฟไลน์หรือเข้ามาเลือกดู เหมือนกับสตูดิโอออกแบบแฟชั่นที่มีตัวอย่างเสื้อผ้าให้ลูกค้าได้ลองสวมใส่ จากนั้นเธอก็จะสามารถสร้างแบรนด์ของเธอได้ทีละขั้น

วิกกี้ไม่เชี่ยวชาญในวิชานี้โดยเฉพาะ แต่เจนนี่ดูเหมือนจะจัดการทุกอย่างได้เป็นอย่างดี

เธอหันกลับมาและสังเกตเห็นประกายแวววาวในดวงตาของหญิงสาวข้าง ๆ เธอที่กำลังวาดภาพความฝันของเธอ มันเป็นแสงระยิบระยับของความหวังและจิตวิญญาณที่ไม่สิ้นสุดจนสามารถดึงดูดได้แม้แต่วิกกี้

วิกกี้คิดว่ามันยอดเยี่ยมมากที่เจนนี่คิดได้เช่นนั้น

ใครบอกว่าคนเราไม่เหมาะสมที่จะใช้ชีวิตปกติสุขและธรรมดา

คนที่มีความฝัน มีงานทำ มีคนให้รักและมีคนที่รักตอบ

นี่ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์เป็นมาตลอดชีวิตหรอกหรือ?

วิกกี้ขดริมฝีปากของเธอ เธอพยักหน้าและให้กำลังใจเจนนี่ “จากที่ฉันได้ฟังเธอพูด ฉันรู้สึกว่ามันเป็นความคิดที่ดีและฉันก็เชื่อมั่นในตัวเธอ เธอจะต้องไปถึงฝันอย่างแน่นอน”

แก้มของเจนนี่แดงก่ำด้วยความตื่นเต้น เธอพยักหน้า “ฉันจะพยายามให้เต็มที่!”

ในขณะที่ทั้งคู่กำลังแลกเปลี่ยนรอยยิ้ม มีรถคันสีดำจอดอยู่ที่ร่มเงาของต้นไม้ที่อยู่ใกล้เคียง ใครบางคนที่อยู่ในรถจ้องมองหญิงสาวสองคนที่กำลังยิ้มด้วยดวงตาที่มืดมน

เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปหญิงสาวสองคนก่อนจะส่งออกไป

จากนั้นเขาก็กดหมายเลขโทรออกและถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “ใช่เธอหรือเปล่า?”

เสียงแหบแห้งก็ดังมาจากปลายสาย “ใช่ เธอนั่นแหละ”

“เข้าใจล่ะ"

“มั่นใจได้ว่าเงินจะถูกโอนเข้าบัญชีของครอบครัวของคุณหลังจากจบเรื่องนี้”

ชายคนนั้นเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับ “แน่นอน"

จากนั้นเขาก็วางสาย

เขาจับพวงมาลัยแน่น ในขณะที่เขามองดูร่างนั้นจากระยะไกลด้วยรอยยิ้มที่โหดเหี้ยมอยู่บนใบหน้าของเขา

จากนั้นเขาก็เหยียบคันเร่งและเร่งรถไปยังทิศทางของเด็กหญิงทั้งสองคน

อีกด้านหนึ่ง วิกกี้และเจนนี่กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน

สัญชาตญาณของวิกกี้รู้สึกได้ถึงอุณหภูมิที่เย็นลงอย่างกะทันหัน วิคกี้มีสัญชาตญาณระหว่างเส้นชีวิตและความตายมานานหลายปี จู่ ๆ เสียงระฆังเตือนอยู่ภายในก็ดังขึ้น เธอจึงรู้สึกราวกับว่าขนของเธอที่ปกคลุมไปทั่วร่างกายกำลังลุกขึ้นพร้อมกัน

ไม่มีเวลาให้เธอได้อธิบายอะไรไปมากกว่านี้ เธอรีบตะโกนขึ้นว่า “ระวัง!”

วินาทีต่อมา เธอก็พุ่งเข้าหาเจนนี่และผลักเธอลงไปบนพื้น

ในขณะที่ทั้งคู่ล้มลงกับพื้น พวกเขาก็ได้ยินเสียงแหลมทะลุแก้วหูของพวกเขา ไม่นานรถก็หันกลับมาและส่งเสียงเครื่องยนต์ออกมาก่อนที่รถจะพุ่งเข้ามา

เจนนี่ยังคงตกตะลึง ร่างกายของเธอปวดร้าวเมื่อเธอล้มลงจากการผลักของวิกกี้ และศีรษะของเธอก็รู้สึกมึนงง

เธอรู้สึกว่าเธอถูกดึงที่ข้อมือ มีคนดึงเธอออกไปและลากเธอไปทางด้านข้าง ยางรถเคลื่อนผ่านด้านหนึ่งข้างของเธอไปและอยู่ห่างจากเธอเพียงแค่หนึ่งเซนติเมตร

เจนนี่โพล่งออกมาด้วยเหงื่อที่เย็นเยียบ

ในขณะที่เธอหลุดจากภวังค์เธอก็เงยหน้าขึ้นและมองไปข้างหน้าที่ดูขาวราวกับผ้าปูที่นอน

โฟล์คสวาเก้นคันสีดำกลับรถและพุ่งเข้าหาพวกเขาอีกครั้ง

"พี่สาว!"

“หลบไป!”

ด้วยรถที่วิ่งด้วยความเร็วแสง วิกกี้ทำได้เพียงผลักเจนนี่ที่โง่เขลาออกไป ในขณะที่เธอไม่มีเวลาหลบเลี่ยง

ปัง! วิกกี้ถูกเหวี่ยงออกไปไกล

"พี่สาว!"

เจนนี่ส่งเสียงร้องอย่างวิตกกังวลเมื่อเธอถูกเหวี่ยงไปอีกฝั่งหนึ่ง แขนและขาของเธอมีเลือดออกจากการถูกขูดกับกรวดที่แข็งแรงแต่เธอไม่มีเวลาได้ใส่ใจ เธอรีบพยุงตัวเองไปทางวิกกี้

ไม่ไกลนัก วิกกี้พ่นเลือดออกมาท่วมปาก เธอลืมตาขึ้นและก็ได้เห็นรถที่กำลังพุ่งเข้ามาหาเธอ

เป้าหมายของคนขับรถคือเธอ เป็นที่แน่ชัดว่าบุคคลนั้นจะไม่หยุดจนกว่าเธอจะตาย

ดวงตาของเธอเย็นชา เธอรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมากจนร่างของเธอแทบจะแตกออกจากการปะทะ วิกกี้รู้ดีว่าถ้าไม่ใช่เพราะความชำนาญในศิลปะการป้องกันตัวของเธอ เธอคงจะไม่สามารถขยับไปที่ขอบทางได้ จึงทำให้รถเฉียดร่างกายเธอไปเพียงแค่นิดเดียว ไม่เช่นนั้น เธออาจจะถูกบดขยี้จนกลายเป็นเนื้อยางที่อยู่ใต้ยางรถเหล่านั้นไปแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก