ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก นิยาย บท 840

กล่าวก็คือ อีกฝ่ายรู้ถึงสถานการณ์และกิจวัตรประจำวันของวิกกี้เป็นอย่างดี ถ้าเรน่าเป็นคนที่วางยาพิษเธอ เธอก็คงจะใส่ยาพิษเข้าไปในอาหารอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าแอนเดรียจะเป็นคนทำอาหาร แต่เรน่าก็เป็นคนจัดอาหาร

แต่ทำไมเรน่าถึงเลือกที่จะใส่ยาพิษลงในซุปเมล็ดบัวราขาวล่ะ?

ไม่ว่าเธอจะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากแค่ไหน วิกกี้ก็ไม่สามารถหาเหตุผลได้เลย

เธอเกิดความสงสัย แต่ไม่มีอะไรที่จะมายืนยันความสงสัยของเธอได้ ดังนั้นเธอจึงต้องปล่อยมันไปในตอนนี้

และเธอจะเก็บมันขึ้นมาอีกครั้งในวันข้างหน้า ถ้าเธอมีโอกาส

เมื่อความคิดที่ซับซ้อนได้แล่นเข้ามาในหัว เธอก็ดันได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถดังมาจากชั้นล่าง

วิกกี้ชะงักไปครู่หนึ่ง เนื่องจากว่ารถไม่ได้ขับเข้ามาจากทางด้านข้างของระเบียง เธอจึงมองไม่เห็นว่าเป็นใคร แต่ทว่าเสียงนั้นดังมาจากที่ใดที่หนึ่งซึ่งห่างไกลจากบริเวณนี้ ในเมื่อไม่มีใครออกจากคฤหาสน์ พวกเขาจึงอาจจะต้องเข้ามาแทน

เมื่อเธอคิดถึงเรื่องนี้ เธอคิดว่ามันคงจะดีกว่าถ้าเธอจะออกไปดูสักหน่อย เพราะยังไงเธอก็นอนไม่หลับอยู่แล้ว

ดังนั้นเธอจึงเปลี่ยนเสื้อผ้า และเข็นรถเข็นของเธอออกไป

ในขณะเดียวกันในห้องนั่งเล่นของอาคารหลัก

มัสซิโมเดินยิ้มเข้ามาในห้องนั่งเล่น เขาเห็นสาวใช้สองสามคนกำลังเช็ดของบางอย่างอยู่ เขาจึงเอ่ยถามไปว่า “นายน้อยของพวกเธออยู่ที่ไหน?”

ทุกคนรู้ว่ามัสซิโมเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเกรกอรี ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงปฏิบัติต่อมัสซิโมด้วยความเคารพด้วยเช่นกัน

สาวใช้ตอบอย่างอ่อนโยน “อยู่ในห้องชั้นบนค่ะ”

มัสซิโมพยักหน้ารับ พลางเดินขึ้นไปชั้นบน

พวกเธอไม่ได้ห้ามเขา เพราะเกรกอรีเคยพูดเอาไว้ว่ามัสซิโมเป็นเพื่อนของเขา ถ้ามัสซิโมมาที่นี่ ก็สามารถไปหาเขาได้โดยตรง โดยไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องใดเลย

มัสซิโมเดินตรงไปที่ชั้นสอง เขาประหลาดใจมากที่เห็นวิกกี้ออกมาจากห้องของเธอก่อนที่จะได้เจอเกรกอรี

เขาชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างรวดเร็ว “วิกกี้ นานแล้วเหมือนกันนะที่เราได้เจอกันครั้งสุดท้าย”

เขาหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนที่แววตาของเขาจะดูหม่นหมองลง เมื่อเหลือบไปเห็นขาของเธอและรถเข็น

“ฉันได้ยินมาว่าเธอได้รับบาดเจ็บ ตอนแรกฉันอยากจะมาเยี่ยมเธอ แต่เกรกอรีไม่อนุญาต ตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง? รู้สึกดีขึ้นบ้างหรือยัง?"

ก่อนหน้านั้นวิกกี้เองก็ได้ยินมาว่ามัสซิโมจะมาหาเธอ หลังจากที่เธอฟื้นขึ้นจากอาการบาดเจ็บ

แต่ว่าในตอนนั้นพวกเขายังไม่รู้ว่าใครเป็นคนปองร้ายเธอ อีกอย่างเจนนี่ก็เพิ่งจะเสียชีวิตด้วย วิกกี้จึงยังอยู่ในอารมณ์ขุ่นเคืองอยู่ เธอจึงไม่ได้ออกมาเจอกับเขา

เธอยิ้มอย่างอ่อนโยน “ตอนนี้ฉันดีขึ้นแล้ว วันนี้นายหาเวลามาได้ยังไง?”

มัสซิโมยิ้ม พลางยกมือขึ้นชูการ์ดเชิญในมือของเขา

“ฉันมาที่นี่เพื่อเชิญเกรกอรีไปงานแต่งงานน่ะ”

วิกกี้ตกใจมาก

แต่ก่อนที่เธอจะพูดอะไรออกมา ก็มีคนเปิดประตูห้องของเกรกอรีจากด้านในออกมา

ชายคนหนึ่งสวมชุดคลุมกลางคืนด้วยผ้าไหมสีดำ กำลังยืนอยู่ตรงหน้าประตู

ดูก็รู้ว่าผู้ชายคนนี้มีความสามารถทำให้คนตกหลุมรักเขาได้อย่างบ้าคลั่ง

เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางที่สบาย ๆ ร่างกายเพรียวบาง บวกกับรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาของเขาก็แสดงออร่าออกมาได้อย่างเต็มที่แล้ว แสงแดดที่สาดส่องผ่านหน้าต่างจากส่วนท้ายของทางเดินช่วยเน้นใบหน้าที่พิเศษของเขาให้ดูโดดเด่นมากขึ้นไปอีก

เขามองไปที่วิกกี้ ก่อนจะเหลือบมองไปที่มัสซิโม

ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย จากนั้นเขาก็พูดว่า “ตามฉันเข้าไปข้างใน”

อีกสองคนจึงตามเขาเข้ามาในห้อง

ในอดีตเกรกอรีและวิกกี้เคยคบหากันมานานก็จริง อีกทั้งวิกกี้เก็คยพักอยู่ในคฤหาสน์เมื่อไม่นานมานี้ด้วย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เข้ามาในห้องของเขา

เมื่อเธอเข้าไปในห้อง เธอก็ได้พบว่าห้องนี้ไม่ได้เป็นโทนมืดแบบผู้ชาย อย่างที่เธอได้คิดเอาไว้ในตอนแรก

ภายในห้องเป็นเฉดสีโทนอ่อน มีบรรยากาศที่อบอุ่น ซึ่งแตกต่างอย่างมากกับสไตล์ของผู้ชายคนนี้

เกรกอรีเดินไปที่โซฟาและนั่งลง จากนั้นเขาก็มองไปที่มัสซิโมและถามว่า “ใครกำลังจะแต่งงานเหรอ?”

มัสซิโมยิ้มและเดินไปทางเกรกอรี ก่อนจะวางบัตรเชิญงานแต่งงานลงบนโต๊ะ

“นายก็ดูเอาเองละกัน”

เกรกอรีหยุดไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็หยิบบัตรเชิญงานแต่งงานขึ้นมาดู

เขาเปิดดูบัตรเชิญและเหลือบตามอง ดวงตาของเขาบีบตัวเข้าหากันทันทีที่เห็นเนื้อหาข้างใน

มัสซิโมยืดกอดอกพลางหัวเราะออกมา “อย่าพูดว่าฉันไม่ได้ช่วยอะไรนายนะ ฉันต้องเจอกับปัญหาตั้งมากมายเพื่อให้ได้บัตรเชิญงานแต่งงานนี้มา นายจะตอบแทนความกตัญญูของฉันยังไง?”

วิกกี้ที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ กับเกรกอรี ได้เหลือบมองเห็นชื่อบนบัตรเชิญงานแต่งงานได้อย่างง่ายดาย

ฮัดสัน ฟลินเดอร์

ช่างเป็นชื่อที่ดูคุ้นเคยเสียจริง

คิ้วของเธอย่นเข้าหากัน ขณะที่เธอกำลังคิดหาชื่อนี้ในใจ และแล้วเธอก็พบคำตอบนั้นได้อย่างรวดเร็ว

ตระกูลฟลินเดอร์ เป็นครอบครัวที่มีมากว่าหนึ่งร้อยปี และมีอำนาจมากในต่างประเทศ

แต่การเรียกพวกเขาว่าเป็นครอบครัวร้อยปีอาจจะดูไม่เหมาะสม เนื่องจากว่าพวกเขาน่าจะมีประวัติที่ยาวนานเกินร้อยปี ในประวัติศาสตร์กล่าวไว้ว่าอย่างน้อย ๆ ก็หลายพันปี

สิ่งที่ทำให้ครอบครัวนี้แตกต่างจากครอบครัวใหญ่อื่น ๆ ก็คือครอบครัวของพวกเขาลึกลับมาก อีกทั้งพวกเขายังมีระบบครอบครัวที่เข้มงวดกับสมาชิกในบ้านที่ไม่เหมือนใคร

ยิ่งไปกว่านั้น พวกตระกูลฟลินเดอร์ไม่ได้มีโปรไฟล์ที่ดีมากนัก ส่วนใหญ่พวกเขาจะทำธุรกิจโดยเข้าไปแทรกแซงธุรกิจของคนอื่น

ดังนั้นแม้ว่าตระกูลฟลินเดอร์จะเป็นครอบครัวที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานนับพันปี แต่ลักษณะเด่นเพียงอย่างเดียวของพวกเขาก็คือพวกเขาเป็นคนรวยที่สกปรก เมื่อเปรียบเทียบกับตระกูลที่มีชื่อเสียงอื่น ๆ การปรากฏตัวในที่อื่น ๆพวกเขาก็ไม่ได้ดูโดดเด่นสักเท่าไร

เท่าที่วิกกี้จำได้ ฮัดสันเป็นหนึ่งในสมาชิกคนสำคัญของฟลินเดอร์

มีกฎหนึ่งในตระกูลฟลินเดอร์ที่ถูกซ่อนเอาไว้นั้นก็คือ สำหรับสมาชิกชาวฟลินเดอร์ทุกคน พวกเขาสามารถเชิญคนแค่ไม่กี่คนให้เข้าร่วมงานแต่งงานของพวกเขาได้

บุคคลภายนอกไม่สามารถเข้าร่วมงานแต่งงานของคนในตระกูลนี้ได้

ไม่ว่าบุคคลนั้นจะอยู่ในสถานะที่สูงส่ง หรือมีอำนาจมากเพียงใด ก็ไม่มีใครสามารถเข้าร่วมงานเลี้ยงที่ถูกจัดขึ้นโดยตระกูลฟลินเดอร์ได้

แม้แต่คนที่มีอำนาจอย่างเกรกอรีเอง ก็ไม่เคยได้เข้าร่วมงานแต่งงานของพวกเขาเลย

แต่ทว่ามัสซิโมกลับแตกต่างออกไป

แม่ของเขาเป็นญาติห่าง ๆ ของตระกูลฟลินเดอร์ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นจุดอ่อน แต่หล่อนก็ยังมีเลือดเนื้อของชาวตระกูลฟลินเดอร์ไหลเวียนอยู่ในตัวของเธอ

ด้วยเหตุนี้เอง มัสซิโมจึงจำเป็นต้องวางแผน เพื่ออ้อนวอนแม่ของเขาให้ไปขอบัตรเชิญงานแต่งงานนั้นมาให้กับเขา

แต่ใครจะคิดว่าบัตรเชิญงานแต่งงานนี้ จะตกเป็นของเกรกอรี?

วิกกี้มองเกรกอรีด้วยสายตาที่สับสน

เกรกอรีไม่ต้องการอธิบายทุกอย่างให้เธอฟังในตอนนี้ เขาเก็บบัตรเชิญงานแต่งงานเอาไว้ พลางพูดว่า “ขอบคุณนะ คราวหน้าฉันจะเลี้ยงข้าวนายแทน”

มัสซิโมยิ้มออกมา "โอเค"

หลังจากนั้น เขาก็หยิบการ์ดเชิญอีกใบออกมาจากกระเป๋าของเขา

“ฉันได้ทำตามคำขอของนายไปแล้ว ถึงตานายบ้างแล้วที่จะทำตามคำขอของฉัน”

ทั้งเกรกอรีและวิ้กกี้ต่างก็ตกตะลึง จากนั้นมัสซิโมก็หยิบการ์ดเชิญออกมาสองใบ การ์ดมีปกสีดำและลวดลายสีแดง บนปกมีเขียนคำว่า “สุขสันต์วันเกิด” อยู่ด้วย

เขาหัวเราะออกมา “อีกสองวันจะเป็นวันเกิดของฉัน ฉันจะจัดงานวันเกิดที่บ้าน และมีผู้คนจำนวนมากมาด้วย ดังนั้นพวกเธอสองคนก็ควรจะมาด้วยนะ"

วิกกี้คิดว่าเธอควรไปร่วมงานวันเกิดของเขา เพราะเธอเองก็เป็นเพื่อนกับเขามานานแล้วเหมือนกัน

เธอพยักหน้ารับ “วางใจเถอะ ฉันจะไปงานวันเกิดของนาย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก