สำหรับร้านค้าแบรนด์ชั้นนำจากต่างประเทศ แม้แต่ภายในห้องแต่งตัวก็มีขนาดใหญ่มากกว่าสิบตารางฟุต
แอนเดรียในตอนนี้มีสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก และคนที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับเธอในตอนนี้เป็นผู้ชาย
ชายคนนั้นสวมหน้ากากสีเงินบนใบหน้า ดังนั้นรูปพรรณสัณฐานของเขาจึงถูกซ่อนเอาไว้ แต่รูปร่างของเขาเรียวบางและผอม เสียงของเขาเย็นชาและทุ้มต่ำ
“เราให้โอกาสเธอมาหลายครั้งแล้ว และเธอก็มีโอกาสที่จะทำมัน แต่ทำไมเธอถึงไม่ทำล่ะ”
แอนเดรียมองไปที่เขาอย่างเย็นชา ในขณะนี้ใบหน้าของเธอไม่มีสีหน้าที่ดูอึดอัดและรอยยิ้มที่ดูเรียบง่ายที่แสดงออกมานั้นมีแต่ความเฉยเมย เธอมองไปที่เขาและพูดออกมาอย่างเย็นชาว่า “แลัวฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณจะทิ้งครอบครัวของฉันไว้เพียงลำพัง ถ้าหากฉันทำงานให้คุณเสร็จแล้ว”
ชายคนนั้นยิ้มเยาะเย้ยและเดินไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ
เมื่อเขามาอยู่ตรงหน้าเธอ ในทันใดนั้นเขาก็เอื้อมมือออกไปจับที่คางของเธอ เสียงของเขาเบาโหวงเหมืินกับเสียงผี “เธอคิดว่าเราจะไม่ปล่อยครอบครัวของเธอไปอย่างนั้นเหรอ? แล้วเราจะเก็บไว้เพื่ออะไร? เก็บพวกเขาไว้ใช้แรงงานเหรอ? ฮ่าฮ่าฮ่า…แอมเบอร์เธอควรจะเข้าใจนะว่าเมื่อเราได้ตัว วิกกี้ โทมัส ไปแล้ว ตัวเธอไม่มีประโยชน์และครอบครัวของเธอก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับเราเหมือนกัน ทำไมเราจะต้องเก็บพวกเขาไว้”
เด็กหญิงที่เขาเรียกว่าแอมเบอร์หรือที่รู้จักในชื่อแอนเดรีย เธอไม่ได้ตอบสนองต่อคำพูดของเขา เธอพูดออกมาอย่างจริงจังว่า “ถ้าคุณต้องการให้ฉันช่วยคุณ คุณต้องปล่อยครอบครัวของฉันไปก่อนสิ หรืออย่างน้อยก็บอกฉันว่าพวกเขาจะต้องปลอดภัย ไม่อย่างนั้นฉันก็จะไม่ช่วยพวกคุณ ถึงแม้ว่าฉันจะต้องตายก็ตาม!”
ดวงตาของเธอดุร้ายและเฉียบคม
เขาหรี่ตามองเธอ “มีคำพูดอื่นอีกไหม เธอจะไม่ฟังฉันเหรอ หืม?”
แอนเดรียยังคงนิ่งเงียบ
ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย
เสียงหัวเราะนั้นเหมือนราวกับพิษที่พ่นออกมาจากงู มันทำให้รู้สึกหนาวสั่นไปจนถึงกระดูกสันหลัง เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้เธอและกระซิบว่า “สายที่เธอรับก่อนหน้านี้มันไม่ได้มาจากที่บ้านเธอจริง ๆ แต่มันมาจาก ชิม่อน ฟลินเดอร์ ใช่ไหม?”
แอนเดรียตัวสั่นเทา สายตาที่เธอมองเขาอย่างไม่ยอมรับ
ชายคนนั้นกล่าวต่อว่า "ชิม่อน ฟลินเดอร์ ได้เลี้ยงดูลูกสาวนอกสมรส ใครกันที่อายุ 18 ปีแล้ว เธอเป็นสมาชิกใน ตระกูลฟลินเดอร์ แต่เธอกลับต้องมาอาศัยอยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า เป็นเรื่องยากลำบากที่จะเติบโตมาจากที่นั่นได้อย่างสงบสุข และเธอก็หวังว่าพ่อจะได้รู้จักกับพ่อของเธอ แต่มันก็ไม่ใช่แบบนั้น แต่เขายังสั่งให้เธอไปที่ เกรกอรี่ เกรแฮมและแฝงตัวอยู่ที่นั้นในฐานะสาวใช้ตัวน้อยของเขาแทน เธอไม่รู้สึกโกรธเคืองเขาสักหน่อยเลยเหรอ?
การแสดงออกของแอนเดรียจากดวงตา ไม่สามารถอธิบายได้ว่าเธอตกใจอย่างแท้จริงหรือไม่ เธอเพียงแค่จ้องเขม็งไปที่เขา กัดฟันและพูดว่า “ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร!”
“โอ้ เธอจะไม่ยอมรับมัน ชู่ว์...ชู่ว์...ไม่เป็นไร ไม่ว่าในกรณีใด หญิงชราในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าของเธอก็คงจะมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกไม่นาน ถ้าหากเธอไม่ช่วยเราแล้วทำไมไม่ฆ่าหล่อนไปเสียล่ะ? นอกจากจะต้องส่งคนคอยไปดูแลหล่อน เรายังต้องฟังคำสาปแช่ง และคำสบถจากหล่อนทุกวัน มันช่างน่ารำคาญจริง ๆ”
แอนเดรียลุกขึ้นทันที
“อย่ามายุ่งกับคุณยายของฉันนะ!”
แต่ในไม่ช้าไหล่ของเธอก็ถูกชายคนนั้นกดลงไป
เขาดูอ่อนโยน แต่ความแข็งแกร่งของเขานั้นเยอะมาก เขากดเธอเพื่อให้เธอนั่งลงที่เก้าอี้อีกครั้งหนึ่ง เขาพูดออกมาอย่างสบายใจ “เป็นเด็กดีและเชื่อฟังฉันหน่อยแล้วฉันจะไม่ฆ่าเธอตกลงไหม?”
ดวงตาของแอนเดรียกลายเป็นสีแดง
ชายคนนั้นหยิบซองยาออกมาจากเสื้อของเขา “เธอใช้น้ำมันหอมระเหยที่ฉันเคยให้เธอกี่ครั้งแล้ว”
แอนเดรียมองเขาอย่างเย็นชา ดวงตาของเธอแสดงออกให้เห็นว่าเธอไม่ต้องการตอบ แต่เมื่อเธอนึกถึงลักษณะท่าทางที่อัปยศอดสูของคุณยายภายในใจ เธอตอบด้วยดวงตาที่มีขอบสีแดงกล่ำว่า “สี่ครั้ง”
"พอแล้ว หาโอกาสอีกครั้งหนึ่งในวันนี้และใส่สิ่งนี้ลงไปในน้ำดื่มของเธอ ฉันจะคอยดูเธออยู่ในความมืด หลังจากที่เธอทำสำเร็จ ฉันจะให้สัญญาณเธอเพื่อให้เธอทำตาม เข้าใจไหม?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก