“เธอพยายามหาเรื่องที่จะพาฉันออกมาให้ห่างจากสายตาของเกรกอรี และบอดี้การ์ด จากนั้นเธอก็ใช้โอกาสนี้หลอกล่อให้ฉันออกไปให้พวกเขาจับตัวใช่ไหม?”
คราวนี้แอมเบอร์ไม่ได้ปฏิเสธคำพูดของวิกกี้เลยสักคำ
"ใช่แล้ว"
หัวใจของวิกกี้แหลกสลายลงไปอีกครั้ง เธอถามว่า “ทำไม? ฉันยังทำดีกับเธอไม่พอหรือไง? ทำไมเธอถึงได้หักหลังฉัน?”
เมื่อแอมเบอร์ได้ฟังคำพูดของวิกกี้ ดวงตาของเธอก็หม่นหมองลงเล็กน้อย เธอพูดอย่างเฉยเมยว่า “ใช่คุณดีกับฉัน แต่บนโลกใบนี้ ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะแก้ไขได้ เพียงเพราะว่าคุณปฏิบัติต่อใครบางคนเป็นอย่างดีหรอกนะ”
เธอหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ “ฉันขอโทษนะ ฉันก็ไม่ได้อยากจะทำร้ายคุณ แต่มันช่วยไม่ได้จริง ๆ”
วิกกี้พูดจาเยาะเย้ยออกมา
“ทำไมเธอไม่บอกฉันล่ะ ว่ามันเป็นเพราะอะไรเธอถึงต้องมาหักหลังฉันแบบนี้!”
แอมเบอร์มองมาที่เธอ ก่อนที่จะหัวเราะเยาะตัวเอง
“คุณวิกกี้คะ อย่าแม้แต่จะคิดพยายามให้ฉันพูดอะไรออกมาอีกเลย ฉันจะพูดตรง ๆ กับคุณเลยนะคะ ว่ามันไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ ถ้าคุณจะทำให้ฉันต่อต้านพวกเขา เพราะฉันเองก็เป็นแค่เพียงหมากเดินเกมตัวหนึ่งในสายตาของพวกเขาเท่านั้น คุณไม่ใช่แค่คนเดียวที่ถูกสอดแนมและถูกควบคุม ฉันเองก็โดนเหมือนกัน ดังนั้น แทนที่จะมัวมาเสียเวลาคิดเรื่องของฉัน คุณควรเอาเวลาไปคิดหาวิธีจัดการกับพี่ชายที่แสนดีของคุณ ที่อยู่ดี ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมาดีกว่า เพราะว่าเขาเป็นคนวางแผนเรื่องนี้! และเป็นคนบงการที่อยู่เบื้องหลังของเรื่องเหล่านี้ทั้งหมด"
วิกกี้ไม่ได้รู้สึกโกรธ เมื่อแอมเบอร์ได้พูดในสิ่งที่เธอคิดออกมา
เธอถามต่อด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เล่าเรื่องของเธอให้ฉันฟังหน่อยสิ ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับพวกเขาหน่ะ”
เธอมั่นใจว่าเรื่องนี้มันจะต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังของแอนเดรียอยู่แน่ ๆ และเหมือนที่แอนเดรียได้พูดเอาไว้ ว่ามันอาจจะไม่มีประโยชน์สำหรับเธอ
แต่ว่าบางทีเธออาจจะพบข้อบกพร่องในนั้นก็ได้ และด้วยเหตุนี้ เธออาจจะสามารถหาทางเพื่อหลบหนีได้
รู้แบบนี้แล้ว แต่แอมเบอร์ก็ไม่ได้ปฏิเสธ เพราะถึงยังไง เธอก็ยังคงชอบวิกกี้อยู่บ้าง ดังนั้นเธอจึงนั่งลงตรงข้ามกับเธอ และเริ่มเล่าเรื่องอดีตของเธอให้วิกกี้ฟังอย่างช้า ๆ
“ถ้าอย่างงั้น เรามาเริ่มด้วยชื่อของฉันละกัน อันที่จริงแล้วฉันไม่ได้ชื่อว่าแอนเดรียหรอก ชื่อจริงของฉันคือแอมเบอร์”
วิกกี้ตกใจเล็กน้อย
เธอรู้อยู่แล้วว่า ถ้าหากเธอสามารถแทรกซึมเข้าไปในคฤหาสน์ได้ คนของเกรกอรีก็จะไม่ได้สังเกตเห็นถึงสิ่งผิดปกติของเธอ เพราะฉะนั้นเธอจะต้องไม่ใช้ชื่อจริงอย่างเด็ดขาด
มีแค่เพียงการปลอมแปลงตัวตนขึ้นมาใหม่ทั้งหมดเท่านั้น ที่จะทำให้คนอื่นไม่ไม่เพ่งเล็งมาที่เธอ
วิกกี้ไม่ได้พูดอะไร แอมเบอร์จึงพูดต่อ “ฉันไม่ได้โกหกคุณ ฉันเป็นเด็กกำพร้าจริง ๆ แม่ของฉันเสียชีวิตหลังจากที่ให้กำเนิดฉันมาได้ไม่นาน และคุณย่าก็รับฉันมาเลี้ยงดูที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า”
“คุณย่าใจดีกับฉันมาก แต่เธอก็แก่มากแล้ว แก่เกินไปที่จะดูแลสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าได้ ดังนั้นลูกชายทั้งสองคนของเธอจึงเป็นคนดูแลสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในเวลานั้นแทน”
“ลูกชายทั้งสองคนของเธอไม่ใช่คนดี พวกเขารวบรวมเงินจำนวนมากโดยการอ้างชื่อแม่ และปฏิบัติกับพวกเราเด็กน้อยไร้บ้านได้เลวร้ายที่สุด”
“พวกเขาทุบตีและทำร้ายเราตามใจชอบ พวกเขาปล่อยให้เราอดอาหาร ไม่ให้แม้กระทั้งเสื้อผ้า และพวกเขาจะเอางานฝีมือจากข้างนอกมาให้เราทำ”
“พวกเขาบอกว่าสิ่งนี้จะทำให้เราฝึกฝนฝีมือให้ดีขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว เราเป็นแค่เครื่องมือทำเงินให้กับพวกเขา”
“ต่อมา พวกเขาเริ่มรู้สึกไม่พอใจกับเงินจำนวนเล็กน้อยที่พวกเขาได้รับจากงานฝีมือที่เราทำ พวกเขาจึงมุ่งเป้ามาที่พวกเด็กผู้หญิงแทน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก