ภาพต่อมาคือภาพที่วิกกี้และเกรกอรีเริ่มโตกันหมดแล้ว เขาออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ขณะที่เธอยังคงอยู่ที่นั้น
เขาพูดเสียงต่ำว่า “ความรักในวัยเด็กของชายหนุ่มกับหญิงสาวนั้น เต็มไปด้วยความเอาแน่เอานอนไม่ได้มากมาย พวกเขาเชื่อว่าพวกเขาสามารถอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขได้ แต่เมื่อพวกเขาเติบโตขึ้น ความรับผิดชอบและพันธสัญญาของพวกเขาก็เพิ่มขึ้น”
“ชายหนุ่มไม่สามารถอยู่เคียงข้างเธอได้อีกต่อไป และในวันนั้น เขาก็ได้ออกมาจากที่ที่พวกเขาเติบโตมาด้วยกัน เขาบอกเธอว่า ถ้าวันหนึ่งเธอเกิดคิดถึงเขาขึ้นมา ก็ให้ไปหาเขา”
“ครั้งหนึ่งเขาเคยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า บางทีเธออาจจะไม่มาหาเขาแล้วก็ได้ จริงอยู่ที่เธอดูเป็นคนที่ต้องคอยพึ่งพาเขามาตลอด แต่เขาก็รู้ดีว่าเธอเป็นคนดื้อรั้นและไม่ชอบพึ่งพาใครมากเพียงใด”
“เธอไม่เคยตอบตกลงว่าจะเป็นผู้หญิงที่อยู่เคียงข้างเขาตลอดไป ดังนั้นเขาจึงสาบานกับตัวเองเอาไว้ว่า เขาจะให้เวลากับตัวเขาเองสองปี แค่สองปีเท่านั้นที่เขาจะจัดการทุกอย่างและกลับไปหาเธอ”
จากนั้นไฟก็สว่างขึ้น และภาพที่อยู่ตรงหน้าก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง
ตอนนี้ทั้งสองคนได้กลับมาพบกันอีกครั้ง
น้ำเสียงของเขาฟังดูอ่อนโยนและอบอุ่น
“แต่หลายสิ่งหลายอย่างในโลกนี้คาดเดาไม่ได้ เขาคิดว่าในชีวิตนี้เขาคงจะไม่ได้เจอกับเธออีกแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าพวกเขาได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง”
“พวกเขาได้กลับมาเจอ และออกเดตกันอีกครั้ง จนเขาอดไม่ได้ที่จะตกหลุมรักเธอ สองสามปีนั้นเป็นปีที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของเขาเลยก็ว่าได้”
“แต่ก็ยังมีสิ่งหนึ่งที่เขายังรู้สึกกังวลอยู่ เขาจึงตั้งใจแน่วแน่ที่จะกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งขึ้น เพื่อที่จะได้ปกป้องคนที่เขารักได้”
“แต่ว่าเธอเป็นคนดื้อรั้นมากเกินไป เธอไม่ต้องการให้เขามาปกป้อง และเธอก็ไม่ต้องการอยู่ภายใต้การดูแลของเขาด้วย เธอมีชีวิตที่แสนสงบสุข มีอาหารและเสื้อผ้าที่ดี แต่เธอกลับยังท้าทายพาตัวเองให้เข้าไปอยู่ท่ามกลางสิ่งอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า”
“เขาทั้งตกใจ โกรธ โมโห และทะเลาะกับเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนในที่สุดเธอก็จากไป”
เมื่อถึงจุดนี้ เสียงของเกรกอรีก็กลายเป็นเหมือนกับไวโอลีนเครื่องใหญ่ที่สายขาด
ภาพข้างหน้าได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง คราวนี้มาในธีมสีแดง มันกลายเป็นฉากของการแตกหักและการนองเลือด
น้ำเสียงของเกรกอรีเริ่มตึงเครียด ความเจ็บปวดในทุกคำพูดของเขานั้นไม่สามารถอธิบายได้
“ทั้งสองจบลงด้วยสถานการณ์ที่พวกเขาไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น พวกเขาต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ร่วมกันมา แต่กลับต้องมาแยกจากกันในเวลาที่ควรจะเป็นหนึ่งเดียวกัน”
“เขาค้นพบเรื่องเลวร้ายบางอย่าง จนถูกบังคับให้ฆ่าพี่น้องของเธอด้วยมือของเขาเอง เธอเกลียดเขามากจนเธออยากจะให้เขาตายไปซะ”
“แต่เธอไม่เข้าใจว่าพี่น้องที่เธอรู้จักล้วนแต่เป็นพวกหน้าเนื้อใจเสือกันทั้งนั้น”
“พวกเขาไม่เคยเห็นเธอเป็นเพื่อนเลยสักครั้ง และทุกอย่างก็ได้ถูกวางแผนเอาไว้อย่างสมบูรณ์ทั้งหมดแล้ว แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะแสดงให้เธอเห็น”
“ดังนั้นพวกเขาทั้งสองคน จึงได้แยกจากกันเป็นเวลานานถึงสี่ปี ทุกอย่างมันควรจะจบลงอย่างสงบสุข เหมือนคู่รักเก่าที่ไม่มีวันได้กลับมาพบกันอีก แต่เขาไม่อาจปล่อยให้เธอจากไปได้ เขายังอยากให้เธออยู่ตรงนี้ แต่ยิ่งเขาต้องการเธอมากสักเท่าไร เธอกลับยิ่งหนีห่างออกไปมากขึ้นเท่านั้น”
“เขารู้สึกกลัวและลังเล เขากลัวว่าครั้งต่อไปถ้าเธอยังคิดก่อการกบฏอีก เธออาจจะได้รับบาดเจ็บ เพราะในเวลาเดียวกันนั้น เขาพบว่าคนเหล่านั้นกำลังตามล่าตัวเธอ”
“ด้วยสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้นเอง เป็นเหตุให้เขาไม่มีทางเลือก นอกจากจะต้องจับเธอเข้าคุกเป็นเวลาสี่ปีเพื่อปกป้องเธอ”
ภาพเปลี่ยนไปอีกครั้ง ภาพนี้เป็นภาพที่วิกกี้กำลังออกจากคุก
“สิ่งที่ดีคือเธอปลอดภัย และมีชีวิตอยู่ภายใต้การดูแลของเขาเป็นเวลาสี่ปี หลายปีที่ผ่านมาได้เปลี่ยนความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขา แต่เขากลับไม่รู้สึกเสียใจเลยที่เลือกทำแบบนั้น”
“เธอกลับมาอยู่เคียงข้างกายเขาอีกครั้ง และในครั้งนี้เขาหวังว่าพวกเขาจะสามารถสานต่อความสัมพันธ์ที่มันพังไปแล้วได้ จากนั้นเขาก็จะบอกความจริงกับเธอเกี่ยวกับทุกสิ่ง”
“ในที่สุดสวรรค์ก็ประทานความเมตตาแก่พวกเขา หลังจากที่ได้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกัน ชายหนุ่มและหญิงสาวก็ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น”
“เมื่อมาถึงจุดนี้ หลังจากเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้น ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่า ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการที่คนสองคนได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างมีความสุข”
วิกกี้ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ด้วยความมึนงงและตกตะลึง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก