“ใช่แล้ว เขายังหนุ่มอยู่เลย แม้ว่าเขาจะมีอำนาจมากกว่า แต่ฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไม หลุยส์ ฟลินเดอร์ ถึงปฏิบัติกับเขา ราวกับว่าเขาเป็นบรรพบุรุษของหลุยส์เลย”
มัสซิโม โนแลนยิ้มออกมา ขณะที่ฟังจนจบ
“แล้วถ้าเกิดว่าเขาเป็นบรรพบุรุษของหลุยส์จริง ๆ ล่ะ?”
เกรกอรี เกรแฮม ขมวดคิ้ว และมองมาที่เขาในขณะเดียวกัน
“อย่าพูดเรื่องไร้สาระเลย ครอบครัวฟลินเดอร์มีแต่เรื่องซับซ้อนมาก จนถึงตอนนี้ เรายังรู้แค่เพียงส่วนเล็ก ๆ ของมันเท่านั้น จริง ๆ แล้วอาจจะมีความลับที่มากกว่านั้นก็ได้ ปิดปากของนายให้เงียบเอาไว้เลยนะ แล้วช่วยแสร้งทำเป็นว่านายไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน”
มัสซิโมทำเป็นดึงซิปปิดปากของเขาเอาไว้ แล้วทำท่าทางโอเค
“ฉันเข้าใจแล้ว”
พวกเขาบอกคนเริ่มส่งเสียงกระซิบกันอยู่ที่ด้านข้าง พวกเขาอยากขึ้นไปบนเวที เพื่อชมสมบัติกันแล้ว
พิธีกรประกาศสิ้นสุดการประชุม กลุ่มผู้ชมจึงพากันเดินกลับด้วยความรู้สึกที่ยังดูไม่หน่ำใจ
เกรกอรี เกรแฮม และ วิกกี้ โทมัสต่างก็พากันเดินออกมาจากเลาจ์เช่นเดียวกัน
ทุกคนไม่คาดคิดว่าการประชุมประเมินสมบัติที่ถูกจัดขึ้นโดย มัสซิโม โนแลนจะมี เกรกอรี เกรแฮมเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลัง
แถมยังประกาศข่าวที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้
ทุกคนรู้สึกซับซ้อน แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็พร้อมที่จะลงมือทำ
ท้ายที่สุด ความศักดิ์สิทธิ์ของสมบัติก็ได้แพร่หลายไปตามท้องถนน ใครจะไม่อยากทราบความลับนี้กันล่ะ?
ในขณะนั้น วิกกี้และเกรกอรี กำลังอยู่ในรถเพื่อกลับไปที่คฤหาสน์
ฮาโรลด์กำลังขับรถ โดยมีเกรกอรีและวิกกี้นั้งอยู่ในรถกันสามคนเท่านั้น
วิกกี้ โทมัสเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงว่า “เกรกอรี นายคิดว่าสิ่งที่เราทำไปในวันนี้ มันจะมีประโยชน์หรือเปล่า? คนพวกนั้นจะให้ข้อมูลกับเราหรือเปล่า?”
เกรกอรีตอบด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “มันจะเป็นอย่างนั้น”
“นายมั่นใจขนาดนั้นได้ยังไง?”
ลึกเข้าไปในดวงตาของเขา มีแสงประกายแวววาวที่คาดเดาไม่ถึง เมื่อชายคนนั้นหันหน้ามามองเธอ
“ความโลภของมนุษย์ไง”
“ความโลภงั้นเหรอ?”
“ใช่แล้ว ทุกคนรู้ที่มาของสมบัติชิ้นนี้ แต่พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่ามันมีถึงสิบสองชิ้น และมันต้องนำมารวมกันทั้งสิบสองชิ้นเท่านั้น มันถึงจะแสดงพลังพิเศษของมันออกมาได้ ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าไม่มีใครสามารถต้านทานสิ่งล่อตาล่อใจแบบนี้ได้หรอก ตราบใดที่พวกเขามีเบาะแสอยู่ในมือ พวกเขาก็จะให้ข้อมูลกับเรา”
วิกกี้ โทมัสเงียบไป
เธอพูดออกมาเบา ๆ “ฉันแค่รู้สึกกลัวนิดหน่อย กลัวว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้ จะทำให้เกิดสงครามนองเลือดเหมือนกับห้าปีก่อนอีกครั้ง”
ขณะที่วิกกี้พูด เธอก็มองออกไปนอกกระจก ดูเหมือนกับว่าเธอกำลังจ้องมองผ่านหมอกหนา และสิ่งที่อยู่ไกลออกไป
เกรกอรีเหยียดแขนออกและจับมือเธอเอาไว้
เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “มันจะไม่เป็นแบบนั้นหรอก”
เสียงทุ้มและแหบพร่าของชายผู้นี้ ทำให้เธอรู้สึกสบายใจมาก มันเป็นน้ำเสียงที่สามารถทำให้จิตใจของผู้คนสงบลงได้
“ห้าปีที่แล้ว ก็คือห้าปีที่แล้ว ตอนนี้ก็คือตอนนี้ เราแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนมาก และเราไม่กลัวแม้ว่าจะต้องเจอกับเรื่องหนักหนามากสักแค่ไหนก็ตาม”
วิกกี้หันหน้ามามองเขาด้วยความหนักแน่น พร้อมกับริมฝีปากของเธอที่ขดขึ้นมา
ไม่นานรถก็จอดลงที่หน้าประตูของคฤหาสน์
ประตูแกะสลักสีดำถูกเปิดออก ขณะที่รถกำลังแล่นเข้าไปในคฤหาสน์ จากตรงนั้นไม่ไกลมากนัก อยู่ ๆ ก็มีเสียงดังขึ้น
"รอสักครู่ครับ! คุณเกรแฮม รอสักครู่!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก