เนลล์พยักหน้าและตั้งใจฟัง
“เมื่อตอนที่คุณพบเธอ เธอเป็นเช่นนี้อยู่แล้วเหรอ?”
มิสเตอร์ดอนเนลลี่ขมวดคิ้วเล็กน้อยและถอนหายใจ “ใช่แล้ว ในตอนที่ผมพบเธอครั้งแรก ผมรู้สึกว่าเธอแตกต่างจากคนทั่วไป ดูเหมือนว่าจิตใจของเธอจะเต็มไปด้วยการมองโลกในแง่ดีอยู่เสมอ แต่เธอก็อ่อนไหวและหวาดกลัวได้ง่าย ผมเดาว่ามันเป็นเพราะเรื่องราวที่ฝังลึกในอดีตที่เธอได้พบเจอ”
เขายิ้มและพูดต่อ “ผมรู้ว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของเธอและมันก็ไม่เป็นการดี ถ้าหากว่าผมจะถามเธอมากเกินไป แต่แล้วผมก็ได้รู้ความจริงเมื่อวานนี้เอง”
เนลล์เงียบไปครู่หนึ่ง
“อันที่จริง ฉันอยากจะขอร้องให้คุณช่วยบางอย่าง และฉันก็หวังว่าคุณจะเห็นด้วย”
“คุณพูดมาได้เลย”
“ถึงแม้ว่าฉันจะเป็นลูกสาวของเธอ แต่ในตอนนี้เธอจำฉันไม่ได้แล้ว และเธอก็คงจะไม่ชอบใจที่ฉันทำเช่นนั้น แต่ฉันเป็นห่วงเธอจริง ๆ เพราะจากที่ฉันเห็นอาการของเธอเมื่อวานนี้ เธอดูแตกต่างจากคนทั่วไปไม่ว่าจะเป็นร่างกายหรือจิตใจ ดังนั้นฉันจึงอยากให้เธอได้รับการตรวจเช็คร่างกาย
“ฉันจะไม่บังคับให้เธอจดจำฉันให้ได้ แต่ฉันเพียงแค่ต้องการมั่นใจว่าเธอจะมีสุขภาพที่แข็งแรงและปลอดภัย แต่ฉันรู้ดีว่าถ้าหากฉันพูดกับเธอด้วยตัวเองเธอก็คงจะไม่เห็นด้วย ฉันจึงมาขอร้องให้มิสเตอร์ดอนเนลลี่บอกเธอว่าเพื่อนของคุณเป็นหมอที่คุณพบในเมืองหลวง และอยากให้เธอได้รับการตรวจเช็คร่างกายจากเขา คุณพอจะช่วยฉันได้ไหม?”
มิสเตอร์ดอนเนลี่ตกตะลึง ไม่นานเขาก็หัวเราะ
"คุณผู้หญิงลีย์ ผมรู้ว่าคุณต้องเป็นห่วงเธอมากเพียงใด แต่ผมคิดว่ามันไม่จำเป็น”
เนลล์ขมวดคิ้ว "คุณหมายความว่ายังไง?”
มิสเตอร์ดอนเนลลี่ยิ้ม “คุณไม่รู้ใช่ไหมว่า ผู้ชายที่อยู่เคียงข้างแม่ของคุณในตอนนี้คือ คุณฌอน มิลเลอร์ เขาเป็นหมอที่โด่งดัง และเขาก็เป็นคนที่ช่วยชีวิตผมเอาไว้เมื่อตอนที่ผมถูกงูพิษกัดในทะเลทราย ว่ากันว่าทักษะทางการแพทย์ของเขาดีที่สุดในโลก แต่เขาค่อนข้างแปลก เขาไม่ชอบเข้าสังคมหรือทำตัวให้ดูโดดเด่น แต่ความสามารถของเขานั้นสามารถเทียบได้กับหมอที่มีชื่อเสียงคนอื่น ๆ และเนื่องจากว่าแม่ของคุณแต่งงานกับเขามานานหลายปีแล้ว ผมเชื่อว่าคุณไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพของเธออีกต่อไป”
เนลล์ประหลาดใจ "เขาเป็นหมออย่างนั้นเหรอ?”
“ใช่แล้วครับ ถ้าคุณไม่เชื่อ คุณสามารถมองหาหมอที่คุณคุ้นเคยและถามเขาดูว่า พวกเขาเคยได้ยินชื่อของคุณฌอนมิลเลอร์หรือเปล่า ถึงแม้ว่าคนนอกจะไม่รู้จักชื่อเขา แต่ผู้คนที่อยู่ในวงการแพทย์จะต้องรู้จักเขาเป็นอย่างดี”
เนลล์หันกลับมามองกิดเดียน
กิดเดียนเข้าใจในสิ่งที่เธอต้องการ เขาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและส่งข้อความหาเอมมี่
เอมมี่ตอบกลับอย่างรวดเร็ว
"อะไรนะ? ฌอน มิลเลอร์? เขาอยู่ที่ไหน? คุณเจอเขาจริง ๆ เหรอ? โอ้พระเจ้า! ฉันอยากเจอเขาบ้างจริง ๆ ฉันอยากถามคำถามที่ฉันไม่สามารถหาคำตอบได้ บอกฉันหน่อยว่าเขาอยู่ที่ไหน”
กิดเดียนวางโทรศัพท์ลงด้วยสีหน้าที่ว่างเปล่า
เขาหันกลับมาและพยักหน้าให้เนลล์ ทันใดนั้นเนลล์ก็ตระหนักได้ว่ามิสเตอร์ดอนเนลลี่ไม่ได้โกหก
ด้วยเหตุนี้ เรื่องสุขภาพของเคธี่ที่เธอเป็นกังวลจึงคลี่คลายลง
ในเวลานั้น เสียงฝีเท้าจากด้านนอกก็ดังขึ้น
ประตูห้องถูกผลักให้เปิดออก จากนั้นฌอนก็เดินเข้ามาพร้อมกับเคธี่
“พี่ดอนเนลลี่…”
ในขณะที่เธอเอ่ยเรียกเขา เธอก็เหลือไปเห็นคนสองคนที่นั่งอยู่ภายในห้อง เธอตัวแข็งทื่อและหน้าซีดเซียว
มือของเธอกอดรัดที่แขนของฌอนโดยไม่รู้ตัว ฌอนขมวดคิ้วและดึงเธอเข้าไปในอ้อมแขน ในขณะที่เขามองดูผู้คนที่อยู่ภายในห้องอย่างเย็นชา
เนลล์ลุกขึ้นยืน
“โอ้ พวกคุณมาหาผมเหรอ? นั่งลงก่อนสิ”
มิสเตอร์ดอนเนลลี่ตอบสนองเป็นคนแรก เขารีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วและยิ้มให้กับทุกคนด้วยความเป็นมิตร
เคธี่และฌอนเดินเข้ามาด้านในอย่างเชื่องช้า พวกเขาหยุดชะงักเล็กน้อยเมื่อพวกเขาเดินผ่านเนลล์ แต่พวกเขาไม่ได้พูดอะไร พวกเขาเดินผ่านเธอไปและนั่งลง
“ทำไมจู่ ๆ พวกคุณถึงมาหาผมวันนี้?”
มิสเตอร์ดอนเนลลี่ถามเคธี่และฌอน เขารู้ดีว่าสุขภาพของเคธี่ไม่ดีนัก ดังนั้นพวกเขาจึงมักจะใช้เวลาส่วนใหญ่พักผ่อนอยู่ที่บ้านและไม่ออกไปไหนจนถึงเวลาเที่ยงวัน
เป็นเวลาแปดโมงครึ่งในตอนนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก