สรุปตอน ตอนที่ 29 ลดเวลา – จากเรื่อง ทาสรัก โดย So Nonny
ตอน ตอนที่ 29 ลดเวลา ของนิยายโรแมนซ์เรื่องดัง ทาสรัก โดยนักเขียน So Nonny เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
EP29
ชายหนุ่มไม่ได้สนใจคำพูดของเด็กสาว ร่างหนาเดินออกมาจากหลังตึกพร้อมกับกำหมัดแน่น นิวาจึงรีบติดกระดุมให้เรียบร้อยพร้อมกับหยิบกระปุกยาลบลอยจากกระเป๋าเป้ขึ้นมาแต้ม พอทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก็เดินออกมาจากตรงนั้น…
…
@โรงพยาบาล…
แกร๊ก! …
“จะไปไหน” ในขณะที่ยิหวากำลังย่องไปเปิดประตูเพื่อออกจากห้องเพราะไม่อยากรบกวนอิฐที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงเสียงเรียบนิ่งก็เอ่ยถามขึ้นมาทั้งที่หลับตาอยู่ทำเอาหญิงสาวหยุดชะงัก…
“ฉันจะกลับไปบ้านหน่ะ”
“คิดจะหนีรึไง” อิฐถามพร้อมกับลืมตาขึ้น
“เปล่านะ…ฉันมีเรื่องจะไปตกลงกับพ่อ ไม่ต้องห่วงหรอกน้าฉันกลับมาดูแลนายแน่นอน”
“ตกลงอะไรของเธอ”
“เอาเป็นว่าผลลัพธ์มันดีมาก ฉันไปละนะ นอนผักผ่อนเยอะๆ ล่ะ เดี๋ยวกลับมา”
“อืม…” อิฐตอบเพียงเท่านั้นยิหวาก็เดินออกจากห้องพร้อมกับปิดประตูเบาๆ พอมาถึงหน้าโรงบาลเธอก็รีบโบกแท็กซี่รีบกลับไปที่บ้านทันที ผ่านไปหลายนาทีก็มาถึงจุดมุ่งหมาย…
…
ก๊อก ก๊อก ก๊อก…
ในขณะที่พงศกรกำลังนั่งกลุ้มใจกับเรื่องที่ลูกสาวตัวดีหายตัวไปเกินหนึ่งอาทิตย์ทวาเขากลับหาตัวยิหวาไม่เจอก็มีเสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้น เขาจึงทำตัวให้เป็นปกติที่สุดด้วยการยืดตัวนั่งตรงพิงผนักเก้าอี้…
“เชิญ”
แกร๊ก!
สิ้นเสียงได้รับอนุญาติยิหวาที่ทั้งร่างกายอำพรางตัวคุมโทนสีดำก็เดินเข้ามาในห้องทำงาน ส่งผลให้พงศกรชักสีหน้างุนงงกับการมาของบุคคลตรงหน้า เขาเองก็คุ้นๆ เพียงไม่แน่ใจว่าใช่ยิหวาจริงๆ รึเปล่า…
“มองขนาดนี้…เตี่ยจำหวาไม่ได้หรอคะ” เธอพูดออกมาด้วยนํ้าเสียงเรียบนิ่ง มือเรียกยกขึ้นถอดหมวกแก๊บออกพร้อมแว่นกันแดดและแมสปกปิดบังใบหน้า เผยให้เห็นใบหน้าเนียนใสที่ไร้การใช้เครื่องสำอางจัดจ้านเหมือนแต่ก่อน…
“แกหายหัวไปอยู่ไหนมา…แกรู้มั้ยว่าฉันตามหาแกเป็นอาทิตย์” พงศกรเค้นเสียงรอดไรฟันออกมา ยิหวาจึงเดินนวยนาดเข้ามานั่งเก้าอี้ตัวตรงกันข้าม เรียวแขนยกขึ้นค้ำคางมองหน้าผู้เป็นพ่อ…
“แต่ก็ไร้น้ำยา เพราะว่าเตี่ยไม่มีปัญญา”
"ยัย…”
“หรือว่าหวาพูดอะไรผิดคะ…?” ยิหวายื่นมือไปหยิบปากกาที่วางอยู่ที่ของมันมาแกว่งเล่น แล้วหยิบเอกสารที่วางอยู่ตรงหน้าพงศกรมาอ่านสักพักแล้ววางลง “จนป่านนี้บริษัทก็ยังคงจะล้มละลายอยู่เหมือนเดิม…เตี่ยอยากให้หวาช่วยไหมคะ หวารับรองว่าไม่ผิดสัญญาแน่”
“แกอย่ามากวนประสาทเล่นลิ้นกับฉัน จะพูดอะไรก็พูดมาฉันจะได้จับตัวแกส่งให้คุณกฤษฎา” พงศกรจะแย่งกระดาษใบนั้นคืน ทวายิหวากลับดึงมันกลับ แสดงสีหน้าไม่ได้สะทกสะท้านอะไรกับคำขู่ของผู้เป็นพ่อ…
“หวาไม่ได้จะมาชวนเตี่ยทะเลาะเลยนะคะ…แค่อยากมาทำข้อตกลงของเรานิดหน่อย”
“ข้อตกลงอะไรของแก?”
“ก็แค่ปิดปากให้เงียบว่าหวากลับมาหาเตี่ยที่บ้าน แล้ววันหมั้นหวาจะยอมเดินเข้าพิธีแบบที่เตี่ยไม่ต้องเสียหน้าและเสียแรงให้เหนื่อย แต่ถ้าไม่ตกลงเนี่ยก็แล้วแต่เลยนะคะ ถ้าเตี่ยฟ้องหวาก็จะหนีอีก เขาคงปล่อยให้เตี่ยตามหาหวาอีกลำพังแน่ๆ หว่า…แบบนี้คงเหนื่อยแย่”
“ยัยหวา…นี้แกกำลังจะคิดอะไรอยู่?!” พงศกรลุกขึ้นจากเก้าอี้นวมด้วยอารมณ์ที่เริ่มควบคุมไม่อยู่ เมื่อโดนยิหวาปั่นประสาท พอเห็นแบบนั้นเธอจึงลุกขึ้นตามแล้วยกแขนขึ้นกอดอก…
“หวาแค่อยากหาทางออกให้เราแบบวินๆ หรือว่าเตี่ยอยากให้บริษัทล้มละลายละคะ แบบนั้นก็ได้นะหวาไม่ซี”
“ได้! …ฉันจะยอมทำตามข้อตกลงของแก แล้วถ้าวันนั้นมาถึงแกตุกติกละก็…” พงศกรชี้หน้าคาดโทษแต่ยิหวากลับยกมือถือที่บันทึกคลิปเสียงขึ้นมาแล้วเปิดให้ผู้เป็นพ่อฟัง
“ไม่ต้องห่วงค่ะ…นี้จะให้สัญญาของเราสมบูรณ์แบบ แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นหวาก็ไม่มั่นใจนะคะ ว่างานหมั้นยังจะเกิดขึ้นอีกรึเปล่า”
พูดจบยิหวาก็วางมือถือลงตรงหน้าพงศกรแล้วหยัดกายลุกขึ้นจากห้อง ก่อนจะพ้นเขตประตู เธอก็ชูเมมเบอร์รี่การ์ดขึ้น เป็นเชิงบอกว่าต่อให้ลบในเครื่องเธอก็มีอยู่เหมือนเดิม…
คณะนิเทศศาสตร์…
ซ่า… ซ่า…
เสียงน้ำจากอ่างล่างหน้าไหลออกมาไม่ขาดสาย ก่อนที่มือบางจะเอื้อมไปปิดก๊อกน้ำเอาไว้แล้วเงยหน้ามองตัวเองผ่านกระจก เธอฉีกยิ้มให้ตัวเองเพื่อเรียกกำลังใจ…
“เป็นนิวาคนใหม่ได้แล้วนะ…” เธอพึมพำกับตัวเองเบาๆ แล้วหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพาย พอหันกลับไปก็เจอเข้ากับร่างของดนัยที่ยืนอยู่ข้างหลังไม่ไกลนัก…
“คุณนัย…มีอะไรรึเปล่าคะ”
“คุณไกรมีเรื่องจะคุยกับหนู”
“หมออยากช่วยคนไข้ทุกคนให้ถึงที่สุดนะครับ ถ้าคุณให้ความร่วมมือและยอมตรวจอย่างละเอียดถี่ถ้วน หมอก็สามารถวินิจฉัยอาการของคุณที่เป็นอยู่ได้…” ตลอดเวลาหลายปีทิศเหนือมักมาหาหมอแต่ไม่ยอมตรวจบอกแค่ว่ามันเป็นแค่อาการปวดหัวและขอยาแก้ปวดมากิน มันเป็นแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง
“ผมไม่ได้เป็นอะไร…”
“ลองตรวจดูมันไม่มีอะไรเสียหายเลยนะครับ ก่อนที่มันจะสายกว่านี้”
“หมายความว่าไง?” ทิศเหนือหันหน้าไปถามคุณหมอด้วยสีหน้ากังวล
“หากเกี่ยวกับสมอง ระบบประสาทจะทำงานผิดปกติไม่ส่วนใดก็ส่วนหนึ่ง อาจจะถึงชีวิตได้ครับถ้าไม่รีบหาทางรักษา อย่างน้อยๆ เล่าอาการคร่าวๆ ให้หมอฟังเถอะนะครับ…” ถึงแหม้คุณหมอจะพยายามเกลี่ยกล่อมชายหนุ่มแล้วครั้งแต่ไม่เคยสำเร็จแต่ครั้งนี้เขาก็ไม่หมดความพยายามเพราะอยากช่วยเขาจริงๆ …
“…” ทิศเหนือตัดสินใจเดินกลับมานั่งที่เดิม ดวงตาเหม่อลอยคิดถึงเด็กผู้หญิงคนนั้น ถ้าเขารู้ว่าตัวเองเป็นอะไรกันแน่ จะจำอะไรเกี่ยวกับเธอได้มากกว่าหน้าตาตอนเด็กและผมถักเปียนั้นได้ไหม…
“พร้อมแล้วใช่ไหมครับ”
“อืม”
“เริ่มจากสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดหัว คนไข้พอจะบอกหมอได้ไหมครับ ว่ามันเริ่มมาจากอะไร” คุณหมอเริ่มสอบถามอาการแล้วพิมพ์ข้อมูลลงบนโน้ตบุ๊ค สายตายังคงมองร่างหนาที่กำลังนั่งอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง…
ทิศเหนือจึงเริ่มเล่าอาการที่ตัวเองเป็นอยู่ตลอดหลายปีให้คุณหมอฟังอย่างละเอียด ไม่นานเขาก็ถูกพามายังห้องตรวจเพื่อหาสิ่งที่เขาเป็นอยู่ พอเสร็จเรียบร้อยทั้งสองก็เดินกลับมายังห้องเดิมที่ซักอาการกัน แล้วใบกระดาษสีขาวก็ถูกวางไว้ตรงหน้าชายหนุ่ม…
“ผลตรวจจะออกมาอีกซักหนึ่งถึงสองสัปดาห์นะครับ ในวันนั้นคนไข้มาตามใบนัดที่หมอบอกด้วยนะ จะได้รู้ผลตรวจ…”
“…” เขาไม่ตอบอะไรมือหนาหยิบใบนัดมาแล้วเดินออกจากห้อง คุณหมอที่มองตามหลังกว้างส่ายหัวเบาๆ เอือมระอากับคนไข้ประจำคนนี้ที่กว่าจะยอมตรวจก็ปล่อยให้มันผ่านมาตั้งหลายปี…
“เธอเป็นใครกันแน่…” ชายหนุ่มบ่นพึมพำกับตัวเองแล้วเอนศีรษะอิงกับเบาะ เปลือกตาหลับพริ้ม เขากลัวใจตัวเองมันเผลอรู้สึกกับนิวาเข้าให้ กลัวผิดสัญญากับเด็กผู้หญิงคนนั้น ตอนนี้ความรู้สึกมันสับสนไปหมดแล้ว…
.
.
.
อิพี่รักน้องแล้วใช่มั้ย ฮรือออ
Next…
“แต่แผลของนิมันลึกมาก คงรักษาอีกนาน คุณอิฐจะรับได้หรอคะ…”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทาสรัก