EP37
แกร๊ก…
“ขออนุญาตค่ะ ญาติคนไข้กรุณาออกไปรอข้างนอกก่อนนะคะ” เสียงของพยาบาลที่เข้ามาในห้องพร้อมกับคุณหมอพูดขึ้นเรียกสติเด็กสาว นิวาจึงค่อยๆดึงมือกลับ พร้อมกับยกมือขึ้นเช็ดคราบน้ำตา
“…นิไปก่อนนะ รีบหายไวๆนะคะ” ในตอนที่เธอกำลังจะเดินออกจากห้องไปช้าๆ สายตาสั่นระริกที่ฉายแววอ่อนล้ายังคงมองร่างเล็กอยู่ ปลายนิ้วกระดิกเหมือนต้องการรั้งเธอเอาไว้ ทวาทุกอย่างมันกลับไม่เป็นอย่างที่ต้องการร่างของนิวาลับสายตาไปแล้ว…
“…ตาเหนือ ฟื้นแล้วใช่มั้ย” ทันใดที่ปรากฏร่างของนิวาทุกคนก็เพ่งสายตาไปที่เธอ ก่อนที่เกรียงไกรจะเป็นคนเอ่ยถาม ดวงตาคลอเบ้าไปด้วยหยาดน้ำตา…
“เขาฟื้นแล้วค่ะ…” นิวาตอบพร้อมกับรอยยิ้มที่ผุดขึ้นบนใบหน้าทั้งน้ำตา มันทั้งดีใจ และเสียใจที่ต้องทนฝืนใจแข็งเดินออกมาจากชีวิตของชายหนุ่ม…
“อยู่เข้าไปเยี่ยมตาเหนืออีกครั้งพร้อมพวกเราเถอะหนูนิ…” แพรพรรณที่นั่งรออยู่หน้าห้องพูดขึ้น โดยมีสีจันทร์และแก้วตาคอยอยู่ข้างกาย
“ขอบคุณนะคะแต่สำหรับนิแค่นี้มันก็พอแล้วค่ะ…แค่เขาฟื้นกลับมาทำความเข้าใจกับพ่อที่รักเขามาก…” พูดจบนิวาก็มองไปที่เกรียงไกร “ใช้เวลาที่เหลืออยู่ทดแทนอดีตที่ผ่านมา มันไม่มีคำว่าสายสำหรับสายเลือดเดียวกัน แต่สำหรับนิขอให้มันเหมือนเดิม…ช่วยดูแลเขาให้นิด้วยนะ…”
ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นเด็กสาวก็เกินออกมาจากบริเวณหน้าห้องไอซียู หน้าที่ของเธอคงหมดแล้วจริงๆ คงไม่มีอะไรติดค้างกันอีก ทิศเหนือฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ขอให้นี้เป็นโอกาสที่ทำให้เขาเข้าใจกับทุกคนก็พอ…
ตัวเธอเองเข้าใจทุกอย่างดีแล้ว แต่ชีวิตทารกน้อยที่เสียไปมันเอากลับคืนมาไม่ได้ เธอทนอยู่กับคนที่ฆ่าลูกตัวเองไม่ได้ถึงแม้เหตุผลคือเขารักเธอมากจนยอมทำทุกอย่างก็ตาม สิ่งที่เขาเคยทำกับเธอเรื่องนี้มันโหดเหี้ยมเกินไป…
“…นิวา” เสียงเรียกคุ้นหูทำให้ร่างเล็กหยุดชะงัก เธอมองไปที่ร่างของอิฐ
“คุณกลับไปแล้วไม่ใช่หรอคะ”
“นายนั้น…รอดมั้ย?” อิฐไม่ได้ตอบคำถามแต่เขาถามนิวากลับ ร่างหนายังคงอิงเสาร์ตรงป้ายรถเมล์ สายตาเหม่อมองไปยังบนถนนที่มีรถวิ่งผ่านไม่ขาดสาย…
“ค่ะ…”
“ไม่ดีใจหรอ…ทำไมร้องให้”
“เราค่อยคุยกันนะคะ”
หมับ ! นิวาที่กำลังจะก้าวขาเดินเพื่อไปขึ้นรถเมล์กลับคอนโดถูกมือหนาคว้าหมับเข้าที่ข้อมือ ใบหน้าหวานจึงเบือนกลับไปมองอย่างไม่เข้าใจ…
“ช่วงเวลาแบบนี้ไม่ต้องทำเป็นเข้มแข็งหรอก ร้องให้ออกมาเหมือนทุกวันที่เธอร้องออกมาเถอะ ให้ความเจ็บปวดมันหมดจะได้เริ่มต้นใหม่…”
“อ๊ะ!?” นิวาที่กำลังยืนเหม่อกับคำพูดของอิฐถูกคว้าร่างมากระทบอกแกร่ง เมื่อเธอยืนขวางทางคนอื่นขึ้นรถเมล์
“ไปที่อื่นเถอะ ขวางทางคนอื่นเขา”
โครม! โครม! ไม่ทันที่ทั้งสองกำลังจะเดินออกจากบริเวณป้ายรถเมล์เสียงฟ้าก็ร้องคำราม ก่อนที่ฝนจะหยดกระทบพื้นปรอยๆ
พรึบ!
“ไปเถอะ…” นิวามองไปที่ร่มขนาดใหญ่สีใสที่อิฐกางขึ้น พอเห็นนิวายังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม มือหนาจึงยื่นไปกอดคอเธอในขณะเดียวกันก็ถือร่มไปด้วย… “พี่ชายกอดคอน้องสาวได้ใช่มั้ย”
“ถ้าคิดแบบนั้นจริงๆก็กอดได้ค่ะ…”
“…” อิฐไม่ได้ตอบอะไรพร้อมกับกระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาจะเบือนมองคนข้างกาย ใกล้กันขนาดนี้ทำไมหัวใจมันไม่เต้นแรงเหมือนวันก่อนๆกันล่ะ หรือมันเป็นแค่บางที?
สองหนุ่มสาวเดินตามริมฟุตบาทที่ผู้คนต่างชุลมุนกับการหลบฝนด้วยกันราวกับคู่รักที่กำลังอยู่ในร่มเดียวกันด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ไหนจะอ้อมแขนที่คอยดันร่างเล๊กเข้ามาข้างในไม่ให้ถูกฝนนั้นอีก ภาพทุกอย่างอยู่ในสายตาของหญิงสาวที่แอบมองทุกการกระทำอยู่ห่างๆ…
“ร้องให้ออกมาเถอะ เวลาแบบนี้ไม่มีใครเห็นความอ่อนแอของเธอหรอก…”
“แต่อย่างน้อยคุณก็เห็นนิคะ”
“…แล้วตอนนี้ฉันมองหน้าเธออยู่รึไง” อิฐถามกลับสายตาเขายังคงเพ่งมองไปทางตรง นิวาจึงหันกลับไปมองพอเห็นแบบนั้นเด็กสาวจึงก้มหน้าร้องให้โดยมีอิฐเคยพาเดินหลบเลี่ยงผู้คนจนมาถึงสะพานข้ามแม่น้ำใจกลางเมืองหลวงนิวาจึงเงยหน้าขึ้นมา…
“เธอเห็นผืนน้ำนั้นมั้ย”
“เห็นค่ะ…”
“มันจะมีช่วงหนึ่งที่มีฝนกระหน่ำลงมา บางครั้งก็หนัก บางครั้งก็พอดี หรือบางครั้งมาแค่แป๊บเดียวแล้วก็หายไป มันก็เหมือนกับคนเรานั้นแหละมีช่วงที่ปัญหาถาโถมเข้ามา ทั้งหนัก ทั้งเบา แต่สุดท้ายรู้ไหม?”
อิฐหยุดพูดแล้วหันไปมองคนข้างกายที่ตอนนี้หยุดร้องให้ตั้งใจฟังชายหนุ่มเป็นอย่างดี ดวงตาไร้เดียงสานั้นฉายแววสงสัย มือบางยังคงจับราวกั้นเอาไว้ ถึงแม้ตอนนี้ฝนจะตกปรอยแต่บรรยากาศกลับดีกว่าวันปกติซะอีก…
“ทำไมหรอคะ”
“ยังไงทุกอย่างมันก็ต้องจบยังไงล่ะ มองขึ้นไปบนท้องฟ้าสิตอนนี้ฝนยังคงตกลงมาอยู่แต่วินาทีต่อไปเราคาดเดาไม่ได้หรอกว่ามันจะหนักขึ้น เบาลงหรือหยุดคนเราก็เหมือนกันจะมีปัญหาอะไรเข้ามาอีกเราก็คาดเดาไม่ได้…”
นิวาและอิฐแหงนขึ้นไปบนบนท้องฟ้าผ่านร่มสีใสที่มีฝนตกกระทบเป็นภาพที่สวยงาม เด็กสาวคิดตามคำพูดของอิฐแล้วคิดตามมันก็จริงทุกอย่างเราไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าชีวิตจะมีปัญหาอะไรเข้ามาอีก
“จริงด้วยค่ะ เรารู้ไม่ได้เลย”
“ชีวิตคนเราก็เหมือนผืนน้ำนั้นแหละ แต่มันต่างกันตรงที่ว่าผืนน้ำที่เราเห็นมันจะปล่อยให้ฝนกระหน่ำลงมาอย่างเงียบสงบ ส่วนคนเราต้องดิ้นรนผ่านปัญหาไปด้วยตัวเอง ทุกอย่างที่เธอกำลังเจออยู่มันเป็นบททดสอบของชีวิต ก้าวผ่านมันให้ได้แล้วกลับมายิ้มสู้อีกครั้งเถอะ…”
พอได้ยินสิ่งที่อิฐต้องการจะสื่อก็ทำให้นิวารู้สึกมีกำลังใจใช้ชีวิตขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ก่อนที่เธอจะเป็นฝ่ายจับร่มแทนแล้วอิฐก็หยิบอมยิ้มออกมาจากกระเป๋ากางเกงยื่นให้เธอ
“ให้นิหรอ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทาสรัก